"พล.อ.ประยุทธ์" หวัง หลังโควิด-19 คลี่คลาย ไทยต้องเที่ยวได้ทั้งปี ยัน พร้อมหนุนภาคเอกชน ชี้เปิดพื้นที่ได้ต้องมีมาตรการเหมาะสม วันนี้ต้องทำงานแบบพุ่งเป้าไปข้างหน้า ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ก.ย. 2564 ที่โรงแรม Regent ชะอำ ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่นำร่อง จ.เพชรบุรี โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผู้ว่าราชการตัวหวัดเพชรบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือ
ทั้งนี้ ตัวแทนภาคเอกชนในพื้นที่ จ.เพชรบุรี กล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้การช่วยเหลือภาคเอกชนในรูปแบบต่างๆ ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง SME รวมถึงระดับรากหญ้า พร้อมทั้งขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ประกอบด้วย
...
1. ขอขยายเวลาและรูปแบบในการสนับสนุนด้านการเงินกับธุรกิจทุกขนาดที่ต้องการความช่วยเหลือ
2. ขอรับการสนับสนุนวัคซีนสำหรับฉีดให้กับผู้ประกอบการและประชาชนเพื่อให้ทันต่อการเปิดเมือง รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย
3. ขอรับสนับสนุนงบประมาณระยะยาวสำหรับโครงการ The Royal Coast หรือ Thailand Riviera เส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเล เพื่อการกระจายนักท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองรอง กระจายรายได้จากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุน ขอภาคเอกชนอย่าได้เป็นกังวล แต่หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายแล้ว จะต้องคิดหาวิธีดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จะต้องไม่มีไฮซีซั่นและโลว์ซีซั่น ประเทศไทยจะต้องมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อรองรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติอย่างรอบคอบ รัดกุม รวมถึงมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) และสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้ตระหนักถึงความจำเป็น ในการเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยว (Sandbox) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ฟื้นฟูการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
โดยภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า วันนี้เป็นการเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนและรับฟังปัญหาของผู้แทน โดยวันนี้ได้รับฟังหลายอย่าง ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ที่ส่วนตัวรับเรื่องไปพิจารณา ซึ่งมีในแผนงานของรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วนสถานการณ์น้ำในปีนี้ อยู่ในเกณฑ์รับได้ จึงต้องหามาตรการกักเก็บน้ำให้ได้ นอกจากนี้ ยังมาฟังการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องคมนาคม และการเปิดการท่องเที่ยว Sandbox ต่อจาก ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ 7+7 และเตรียมเปิดอีก 5 จังหวัด แต่ไม่ใช่ว่าจะสามารถเปิดได้ทั้งหมด เพราะต้องมีมาตรการที่เหมาะสม ส่วนสถานประกอบการ และประชาชนต้องพร้อม แต่ต้องสกัดกั้นไม่ให้นำเชื้อข้างนอกมาติดข้างใน จึงจะเปิดได้ วันนี้จึงให้แนวทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไป ถ้าพร้อมก็เปิดได้หมด แต่ถ้าไม่พร้อมก็ทยอยเปิดไปเหมือนพื้นที่ภูเก็ต
นอกจากนี้ นายกฯ ยังอ่านป้าย "ชะอำยิ้ม เที่ยวสบายใจ ปลอดภัย ตามมาตรการสาธารณสุข" แล้วถามว่ามันจะทำได้ เพราะอยู่ที่มือของพวกเราทุกคน หัวใจของพวกเรา ทำให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง หลังจากสถานการณ์โควิดไปแล้ว พยายามที่จะเดินหน้าในเร็วที่สุด เพราะประเทศไทยมีพร้อมหมดเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว ส่วนบางประเทศ ยังรอมาเที่ยวไทยหน้าฝน เพราะประเทศเขาฝนไม่ค่อยตก ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เพราะได้พูดคุยกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศแล้ว จึงกำลังจะปรับปรุงการท่องเที่ยวให้สามารถเที่ยวได้ทั้งปี ให้มีคุณภาพมากกว่าเดิม ซึ่งวันนี้ต้องทำงานแบบพุ่งเป้าไปข้างหน้า ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน ส่วนเรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ
ส่วนเรื่องงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท เพื่อนำมาบริหารจัดการน้ำใน จ.เพชรบุรี นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีแผนงานอยู่แล้วในปี 2565 หากแผนไหนหลุดไป จะพิจารณาหางบประมาณหาเติมให้หากมีความจำเป็น รัฐบาลต้องบริหารงบประมาณทุกงบฯ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินออกจากโพเดียม พร้อมชูนิ้วและกล่าวว่า “นี่คือของประเทศไทย ด้วยรอยยิ้ม” และเดินทางกลับกรุงเทพมหานครด้วยเฮลิคอปเตอร์