บ้านทรายทอง ดาวพระศุกร์ จำเลยรัก ฯลฯ “ละครน้ำเน่า” ที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกร้อยรอบ ร้อยครั้ง คนดูก็ล้นหน้าจอทุกรอบ

เมื่อคนไทยชอบ ก็ไม่แปลกที่ฉากตบจูบจะลามถึงเกมอำนาจการเมืองไทย กลายเป็นสูตรสำเร็จ หลังเหตุกระแทกหน้า เล่นกันแรงๆจนเป็นภาพแตกหัก สัมพันธภาพร้าว ก็ต้องเล่นบทรักกลบเกลื่อน

กับภาพหวานๆของทหารเฒ่า ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ประคองโอบกอด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ส่งขึ้นรถ ยกมือไหว้อย่างพินอบพิเทา แทบไม่เห็นร่องรอยร้าว อาการบาดหมางในศึกปราบกบฏ

สื่อกลายเป็นจำเลย โดนข้อหาตัวการ “เสี้ยม” ให้พี่น้องแตกกัน ตามคาด ภาพ “ประยุทธ์” โอบกอด “ประวิตร” เป็นข่าว พาดหัวยักษ์หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ดับกระแสร้อนๆ “น้องเล็ก” หักลำ “พี่ใหญ่” จากเกมโหดปลด “แก้วตา-ดวงใจ” ทั้ง “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯ กับ “มาดามบิ๊กอาย” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน

และดราม่าการเมืองมันก็เหมือนละครน้ำเน่า ฉากเบื้องหน้ากับอารมณ์เบื้องหลังมันไม่เหมือนกัน จับสัญญาณเคลื่อนไหว เสียงคำรามฮึ่มฮั่มจากย่านโชคชัยสี่

“น้องในไส้” จ้องล้างแค้น “น้องนอกไส้” แทน “พี่ใหญ่” ตามปรากฏการณ์แปร่งๆวาระร้อนโผล่มาในจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม แทรกคิว 3 ป. กระเพื่อม คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดใหญ่ มีมติให้ ตั้งองค์คณะไต่สวน “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กับพวกรวม 6 ราย

...

กรณีลงนามในคำสั่งอนุมัติให้บริษัทลูกในเครือกระทิงแดง ใช้ที่ดินสาธารณะจำนวน 31 ไร่ ที่ขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุมชน เพื่อขยายเขตโรงงาน ฟื้นคดีที่เก็บเข้ากรุไปนานจนคนลืม มาฟื้นตะเข็บกันใหม่

อีกด้านก็มีรายการเขย่าคดีที่ค้างสต๊อก หลังจาก ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง ชี้มูลความผิด “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชาย “บิ๊กตู่” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)

ข้อหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จและเอกสารประกอบหรือปกปิด ข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ รวมถึงปกปิดบัญชีเงินฝากของนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภรรยา

ข่าววงในว่ากันว่า ป.ป.ช.8 ต่อ 1 เสียงชี้คดีไม่มีมูลแล้ว 5 บัญชี เหลืออีก 2 บัญชีที่ได้ลุ้นเสียว ชะตา “บิ๊กติ๊ก” ยังไม่พ้นปากเหยี่ยวปากกา

ป.ป.ช.ในฐานะองค์กรอิสระ “แกว่งดาบ” ใส่ “พี่รองน้องเล็ก” ต้องไล่เช็กใครสายตรงใคร ในขณะที่ฝั่ง “น้องนอกไส้” ก็จ้องถอนรากถอนโคน “น้องในไส้” เหมือนกัน ตามที่มีข่าววงในกระเส็นกระสายมาจากทีม เสธ.ตึกไทยฯให้จับตามหกรรมเช็กบิล “2 พลตำรวจเอกนอกราชการ” บอกใบ้แค่อักษรย่อ “ป” กับ “ก”

ตามแฟ้ม “บัญชีชำระความ” ของทีม “น้องนอกไส้” ปักใจเชื่อว่าขบวนการนี้ ร้ายกาจกว่า “ผู้กองนัส” คือไอ้โม่งตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังชักใยเกมกบฏคว่ำกระดาน

งานนี้ปักธงล้างกันไม่ให้เหลือซาก “หักหอกข้างแคร่” ทิ่มตำมาตลอด คิวบู๊ล้างผลาญ ฉากน้ำเน่าตบจูบกลบไม่อยู่แน่

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ไฟต์บังคับให้ต้องลุยปราบกบฏไปพร้อมๆกับต้องฝืนสร้างภาพกลบเกลื่อนรอยปริแยกในขุมอำนาจ 3 ป.

เพราะห้วงกระแสต่ำเตี้ยจากความผิดพลาดจัดการโควิดและเชื้อการเมืองเน่าประจาน ขืนยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ขายยี่ห้อ “บิ๊กตู่” มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง

ตามเกมจึงต้องกัดฟัน อึด ตื๊อ ยื้อลากกันไปให้นานสุดเท่าที่เงื่อนเวลาจะเอื้อให้ ในจังหวะเบี่ยงกระแส ยังมีคิวให้ปรับ ครม.ตีกรรเชียงก่อน อ่านทาง พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.อนุพงษ์ ต้องดึง “ตัวช่วย” อย่าง “เสี่ยฉิ่ง” นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่กำลังเกษียณจากปลัดมหาดไทย อัปชั้นมานั่งเป็นรัฐมนตรี กระทรวงคลองหลอด คุมพื้นที่เตรียมพร้อมศึกเลือกตั้ง

จัดทัพ รีแบรนดิ้งทีม 3 ป. ปรับขุมข่ายอำนาจกันใหม่ กดปุ่ม ครม.อัดโปรโมชัน ลด แลก แจกแถม ใช้งบประมาณแผ่นดินแฝงมัดจำแต้มหาเสียง

ประคองตัวเลขโควิดที่กำลังอยู่ในห้วงขาลงจากการล็อกดาวน์เข้มมาหลายเดือน ถ้าไม่เด้งกลับมาหลังเปิดเมือง รัฐบาล “บิ๊กตู่” ก็มีหวังจะได้หายใจหายคอ

ต้องฝืนทนดูละครน้ำเน่า รอจังหวะยุบสภาอย่างช้าก็ต้นปีหน้า.

ทีมข่าวการเมือง