บช.น.แจงภาพรถคุมผู้ต้องหาชนผู้ชุมนุม บริเวณแยกดินแดง เพราะถูกกรูกันเข้ามาทุบรถ และมีเสียงดังคล้ายระเบิด จึงขับหลบหนีจนเกิดเฉี่ยวชน ยืนยันไม่ใช่การชนแล้วหนี ไม่ยอมลงมาดูคู่กรณี แต่ขับต่อไปเพื่อความปลอดภัย ก่อนจะเข้าแจ้งความเอาผิดผู้ก่อเหตุ

วันที่ 13 ก.ย. 64 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ร่วมกันแถลงข่าวสรุปเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา

...

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวถึงคลิปเหตุการณ์กรณีรถควบคุมผู้ต้องหาวิ่งชนกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณแยกดินแดง เมื่อช่วงดึกของวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบ เป็นตำรวจจริงได้รับคำสั่งนำรถควบคุมผู้ต้องขังไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเหตุการณ์ยุติก็ขับไปที่บช.ปส. ตอนเวลา 23.00 น. หลังจากเปิดการจราจรปกติ เมื่อมาถึงสามเหลี่ยมดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิต พบกลุ่มบุคคล 6-7 คน ไล่ทุบรถพร้อมทั้งมีเสียงระเบิดเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงขับรถหลบหนี จนกระทั่งเกิดเหตุเฉี่ยวชน คนขับหยุดดูแล้ว ขับไปต่อนำรถไปจอดที่รพ.พระมงกุฎเกล้า จากนั้นแจ้งต้นสังกัดให้เจ้าหน้าที่พฐ.กลาง ตรวจสอบสภาพรถ ลงบันทึกประจำวันและแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีผู้ก่อเหตุข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ และร่วมกันทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ส่วนชนแล้วหนี ไม่ช่วยเหลือยืนยันว่าไม่ใช่ ตำรวจพยายามเบรกแล้วหยุดดู พร้อมทั้งรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ไม่ใช่ชนแล้วหนีเพราะพยายามตรวจสอบสถานพยาบาลแล้ว ไม่ได้มีใครเข้ารับการรักษา สาเหตุที่ไม่จอด เนื่องจากจะเกิดอันตราย

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณีการเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมของกองร้อยควบคุมฝูงชนในการกระชับพื้นที่ในย่านที่พักอาศัย หรือเคหสถานนั้น เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นเหตุการณ์บานปลายเนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมก่อความวุ่นวาย มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ และทำลายทรัพย์สิน ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยงการสลายการชุมนุมในเคหสถานมาโดยตลอด แต่ผู้ชุมนุมยังไม่ยอมที่จะยุติ ส่งผลให้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บหลายราย ล่าสุด ส.ต.ต.ธนาวุฒิ จิรคเชนทร (หมู่เบส) ถูกปาไปป์บอมบ์ใส่บริเวณใบหน้าด้านขวาและเบ้าตา ต้องผ่าตัดด่วนถึง 8 ชั่วโมง ขณะนี้อาการยังคงทรงตัว และรักษาอยู่ที่ห้องไอซียู

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่การชุมนุม แยกดินแดงในวันนี้ ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจัดกำลังตามสถานการณ์ และจากทางการข่าว เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนคนอื่นได้รับผลกระทบ เนื่องจากขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมก่อความวุ่นวายเป็นรายวัน เมื่อวานมีการก่อเหตุวางเพลิงหลายพื้นที่ และมีการวางตะปูเรือใบที่ถนนวิภาวดีรังสิตและแยกดินแดง รวมไปถึงทางลงอุโมงค์ ส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน อีกทั้งยังมีการวิ่งตัดหน้ารถยนต์ของประชาชนผู้ใช้รถสัญจรไปมาจนเกิดการเสียหลัก

สำหรับการชุมนุมในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจสามารถดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้จำนวน 204 คดี มีผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 756 คน สามารถจับกุมได้จำนวน 511 คน และเมื่อวานที่มีการชุมนุมเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน พร้อมยึดอาวุธปืนและมีระเบิดแสวงเครื่องและไปป์บอมบ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ จากนั้นจะส่งดำเนินคดีต่อไป

นอกจากนี้กลุ่มผู้ชุมนุมมีการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อสร้างความสับสนและความเข้าใจผิดให้กับประชาชน โดยต้องการที่จะปลุกปั่นจนเกิดความวุ่นวาย หากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการเผยการเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ ถือว่ามีตวามผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ  ตามมาตรา 14 ซึ่งต้องประสานงาน ปอท. เพื่อดำเนินคดีอีกส่วนหนึ่ง ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมได้ไปทำร้ายร่างกายประชาชนผู้สัญจรเดินทางกลับบ้านเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ดำเนินการแจ้งความไว้แล้ว โดยพนักงานสอบสวนเตรียมหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี

ส่วนความคืบหน้า กรณีมีการยิงเด็กอายุ 14 ปี ตำรวจได้ภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นภาพใกล้ๆ กับจุดเกิดเหตุ ขณะนี้ยังคงขาดพยานหลักฐานสำคัญ แต่สามารถที่จะออกหมายจับได้ แต่อยากให้มีการพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดกว่านี้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้มีการตั้งด่านสกัด ตรวจค้นอาวุธ เกรงว่าผู้ชุมนุมจะนำเข้าไปก่อเหตุ อาจส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยรถต้องสงสัยและรถที่ไม่ติดป้ายทะเบียน จะถูกตรวจค้น ยืนยันเจ้าหน้าที่ใช้กำลังสมควรแก่เหตุตามสถานการณ์ ภายใต้กรอบของกฎหมาย ผ่อนหนักเบาตามสถานการณ์.