มูลนิธิบ้านป่ารอยต่อฯ ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เป็นที่รู้กันว่าเป็นป้อมค่ายอำนาจของ “พี่น้อง 3 ป.” ตั้งแต่สมัย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่เกษียณจาก ผบ.ทบ. “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา น้องกลางเพิ่งเป็นแม่ทัพภาค 1 “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น้องเล็กเพิ่งเป็น ผบ.พล.ร.2 ก่อนที่พี่ใหญ่จะผลักดันทั้งคู่ขึ้นไปเป็น ผบ.ทบ.จนน้องเล็กได้เป็น นายกรัฐมนตรี ภายใต้การสนับสนุนของ พรรคพลังประชารัฐ ที่ พล.อ.ประวิตร ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจ คสช.ที่ 3 ป.ร่วมทำกันมา อำนาจต่างๆล้วนเกิดจากบ้านป่ารอยต่อฯแห่งนี้ทั้งสิ้น

สามทหารเสือบูรพาพยัคฆ์ จึงกลายเป็น “พี่น้อง 3 ป.” ที่ร่วมครองอำนาจมายาวนานที่สุด ตั้งแต่ “บิ๊กป้อม” เป็น ผบ.ทบ. และจัดสรรตำแหน่งให้น้องๆเติบโตขึ้นมา

แต่วันนี้ บ้านป่ารอยต่อฯ ป้อมค่ายอำนาจของ 3 ป. เริ่มมี “รอยร้าวใหญ่” เกิดขึ้น เมื่อพี่น้อง 3 ป.ลงสู่ “สนามการเมือง” ที่เต็มไปด้วย “กลิ่นอายปีศาจแห่งอำนาจ” ที่ไม่เคยอิ่มอย่างเต็มตัว ต้องการแสวงอำนาจเพื่อเพิ่มอำนาจขึ้นเรื่อยๆ ดังที่ พระพุทธองค์ ตรัสไว้ว่า “วโส อิสฺสริยํ โลเก อำนาจเป็นใหญ่ในโลก” แม้จะเป็นพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ก็ยังแย่งชิงอำนาจกันในครอบครัวเพื่อเป็นใหญ่ สำมะหาอะไรกับพี่น้องร่วมสถาบัน ปฏิวัติยึดอำนาจรัฐบาลยังทำมาแล้ว เรื่องปลด 2 รัฐมนตรีช่วยจึงเป็นเรื่องเล็กมาก

การที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯที่เพิ่งขึ้นเป็น เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จากการสนับสนุนของ พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค กล้าลุกขึ้นมาต่อรองกับนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงขั้นล็อบบี้ ส.ส.ในพรรคให้ลงมติไม่ไว้วางใจ แม้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ งานนี้ต้องมีผู้ใหญ่หนุนหลัง และผู้ใหญ่ที่สามารถหนุนหลัง ร.อ.ธรรมนัส ได้ก็มีอยู่น้อยคน

...

จึงไม่แปลกที่น้องเล็ก พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงหลังนี้มี “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย เดินเป็น “เงา” ตามตัวอยู่ข้างหลังไปทุกที่ จะกล้าหักพี่ใหญ่ด้วยการ ปลดเงียบ 2 รัฐมนตรีช่วยข้างกาย นั่นคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ คุณนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โดยอาศัย รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 171 นำความขึ้นกราบบังคมทูลให้รัฐมนตรีบางคนพ้นจากตำแหน่ง และบอกกับ “บิ๊กป้อม” ด้วยตัวเองที่บ้านป่ารอยต่อฯก่อนที่ พระบรมราชโองการจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งมีผลแล้วตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 8 กันยายน แต่ตอนสายวันเดียวกัน “บิ๊กป้อม” ก็ยังไม่รู้เรื่องและยืนยันกับนักข่าวว่าไม่มีการปรับ ครม.

อาการที่เห็นได้ชัดในวันถัดมาก็คือ พล.อ.ประวิตร เปลี่ยนสถานที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรนํ้าแห่งชาติอย่างกะทันหัน จากทำเนียบรัฐบาลเป็นวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากมูลนิธิบ้านป่ารอยต่อฯ และมีกระแสข่าวออกมาว่า พล.อ.ประวิตร รู้สึกเหนื่อยและท้อใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจนนอนไม่ค่อยหลับ และคาดเดากันว่าจะมีการปรับโครงสร้างในพรรคพลังประชารัฐ

แต่ พล.อ.ประวิตร ยืนยันในเวลาต่อมาว่า จะไม่ลาออกจากหัวหน้าพรรค ไม่ปรับโครงสร้างพรรค ไม่เปลี่ยนเลขาธิการพรรค เดินหน้าสู้กับสถานการณ์ต่อไป

ส่วนน้องเล็ก พล.อ.ประยุทธ์ กับ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ ท่าทางสบายอกสบายใจขึ้นกว่าเดิม จนมองเห็น “ฟ้าเริ่มสว่างอีกครั้ง” เดินสายออกงานเยี่ยม รพ.สนาม ปตท. เยี่ยม Factory Sandbox นักข่าวถามว่า เคลียร์กับ พล.อ.ประวิตรหรือยัง นายกฯตอบว่า เคลียร์เรื่องอะไร ไปดูมาตรา 171 นักข่าวถามว่า สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหม นายกฯตอบว่า สบายใจมาตลอด เป็นเรื่องที่นายกฯต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดผลดีต่อการบริหารราชการแผ่นดิน

รอยร้าวในพี่น้อง 3 ป. ที่แตกเป็น 2 ป. กับ 1 ป. ครั้งนี้ คงสมานไม่ง่ายนัก เพราะ “อำนาจเป็นใหญ่ในโลก” เมื่อ “บิ๊กตู่” กล้าแสดงอำนาจหัก “บิ๊กป้อม” แสดงว่า “บิ๊กตู่” ไม่ยอมถอยแน่นอน ก็อยู่ที่ “บิ๊กป้อม” จะถอยหรือจะสู้ เกมจะโอเว่อร์แบบไหน น่าติดตาม.

“ลม เปลี่ยนทิศ”