“ชูวิทย์” แฉอีก รฟท.จับมือผู้รับเหมาใหญ่ลดสเปกราง ทิ้งทุ่นโยงพรรคภูมิใจไทย อาจมีเอี่ยวทุจริตในสมัยรัฐบาล ปชป.

วันที่ 23 พ.ย. ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย แถลงความไม่ชอบมาพากลการปรับเปลี่ยนรางรถไฟระยะที่สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงชุมทางแก่งคอย – แก่งเสือเต้น สุระนารายณ์ – ชุมทางบัวใหญ่ และชุมทางถนนจิระ – ชุมทางบัวใหญ่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อบเม้นท์ จำกัด(มหาชน) มูลค่ากว่า 8 พันล้าน โดยจากการตรวจสอบ พบว่า บริษัทอิตาเลียนไทยฯ ได้มีการเปลี่ยนสเปกของรางรถไฟ ในช่วงทางโค้งที่ต้องใช้รางแบบหัวแข็งที่มีราคาแพงโดยหันมาใช้ราง BS100 A ซึ่งใช้ในเส้นทางตรง ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในช่วงทางโค้ง ที่มีการใช้ประแจสับ เพราะมีการเสียดสีมาก ซึ่งหากรางที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตของประชาชนได้


นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ตนทราบมาว่าบริษัท อิตาเลียนไทย ยังไปจ้างบริษัทที่ผลิตรางดังกล่าวจากประเทศจีน ซึ่งเป็นบริษัทเล็กและเคยมีผลงานส่งรางรถไฟไปที่ประเทศซูดาน และประเทศมาเลเซีย และในส่วนของประเทศมาเลเซีย ได้มีการส่งรางรถไฟกลับเพราะผลิตไม่ได้คุณภาพ นอกจากนี้การดำเนินการครั้งนี้ ยังไม่มีบริษัทที่สามที่ไม่มีส่วนได้เสียเข้ามาตรวจสอบคุณภาพของงานด้วย

อย่างไรก็ตามตนยังรับทราบมาว่า ในการปรับปรุงรางรถไฟในระยะทางที่ 6 สายตะวันออกเฉียงเหนือ ช่วงชุมทางบัวใหญ่-หนองคาย ที่บริษัท ซิโน-ไทย เป็นผู้ชนะประมูลในวงเงิน 6.5 พันล้านบาท ก็มีพฤติการณ์เดียวกันกับบริษัทอิตาเลียนไทย เพราะเห็นว่าเมื่อมีการเปลี่ยนสเปกของรางรถไฟทำให้รางรถไฟราคาถูก จึงมีแนวโน้มจะปฏิบัติตาม ทั้งนี้ยังทราบว่า รฟท.ได้ตั้งราคากลางเหล็กเพื่อทำรางรถไฟ ไว้ที่ 4.5 หมื่นบาทต่อตัน แต่ทางบริษัทอิตาเลียนไทย กลับใช้เหล็กในราคา 1.5 หมื่นบาท ต่อตัน อาจส่งผลให้คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นอยากเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ รีบเข้าไปตรวจสอบ

ส.ส.บัญชีรายชื่อกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วนต่างของการปรับเปลี่ยนสเปกรางรถไฟหรือไม่นั้น แต่โครงการนี้ดำเนินการในสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล โดยมีพรรคภูมิใจไทยดูแลกระทรวงคมนาคม และมีผู้รับเหมาก็เป็นบริษัท ยักษ์ใหญ่ที่เชื่อมโยงกับทุกรัฐบาล และสามารถหาช่องทางในการเปลี่ยนแปลงสเปก ซึ่งตนเชื่อว่า จะไม่จบแค่ผู้ว่าการ รฟท.แน่นอน

...