ในความเงียบเหงา ซบเซาเพราะพิษเศรษฐกิจโรคระบาด มันก็มีรอยยิ้มแฝงอยู่ในเทศกาล “สารทจีน” ตามข่าวรายงานบรรยากาศลูกหลานทำการเผากระดาษ “หน้ากากอนามัย” แถม “วัคซีนแอสตราฯ-ไฟเซอร์” ป้องกันโรคไวรัสระบาดไปให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ 

ก็ไม่รู้เมืองผี จะโดนเท “วัคซีน” ถูก “โกงหน้ากากอนามัย” หรือไม่ ในสถานการณ์โลกมนุษย์ ลูก หลาน ยังต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ลุ้นวัคซีนที่ขาดๆเกินๆ ล่าสุดก็ยังเป็นแค่ตัวเลขดีลลอยๆที่ทีมสาธารณสุขตีปี๊บดีลวัคซีนไฟเซอร์ แอสตราเซเนกา ทำสัญญาจะส่งให้ประเทศไทยในไตรมาส 4 ปีนี้ ชัวร์หรือไม่ เพราะตามปรากฏการณ์ก่อนหน้า ไม่เคยตรงเวลา เลื่อนแล้วเลื่อนอีก

ที่แน่ๆแพทย์ใหญ่จุดพลุเตือน พวกฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม เวลาผ่านไป “ภูมิคุ้มกันตก” แทบจะเท่ากับคนไม่ได้ฉีด นี่คือระเบิดเวลาลูกใหญ่ ถ้าไม่รีบฉีดวัคซีน “บูสเตอร์” เข็ม 3 ให้ทันเวลา

ปัญหาโลกแตก วัคซีนยังหวังอะไรไม่ได้ ตราบใดที่ไม่มีของวางอยู่ตรงหน้า ท่ามกลางตัวเลขเหยื่อโควิด-19 ยังสาหัสสากรรจ์ แม้ข่าวดีจำนวนคนหายป่วยกลับบ้านมากกว่าหรือเท่าๆกับผู้ติดเชื้อใหม่ในอัตรา 2 หมื่นรายต่อวัน

แต่ข่าวร้ายคือยอดคนตายทุบสถิตินิวไฮ 312 ยอดสะสมใกล้แตะหมื่นศพ ประทับตราบาป ยุครัฐบาลที่ชื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม แม่ทัพใหญ่ ศบค. คือผู้นำที่มีคนตายมหาศาลจากการบริหารวิกฤติโรคระบาดผิดพลาด

และโอกาสสุดท้าย แบบที่ผู้นำทหารเฒ่าตีปี๊บสัญญาณบวก การชะลอตัวการแพร่ระบาดโควิด-19 ในไทย หากควบคุมการล็อกดาวน์ได้ดีขึ้นกว่านี้ เดือนสิงหาคมนี้อาจจะสามารถผ่านจุดสูงสุดของยอดการติดเชื้อได้ และการติดเชื้อจะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องได้ในต้นเดือนกันยายนนี้

...

สอดรับกันพอดีกับทีมสาธารณสุขโชว์ดีลจองวัคซีน จังหวะที่เว็บไซต์หนุนรัฐบาลเหมารวมตัวเลขการฉีดวัคซีนเข็มแรก เข็มสอง ตีปี๊บใกล้ครบ 50 ล้านคนตามแผนกระตุ้นภูมิคุ้มกันหมู่ ทั้งหมดทั้งปวงนั่นก็เพราะมันเป็นไฟต์บังคับ ตามเงื่อนเวลากระชั้น 120 วันเปิดประเทศ

“บิ๊กตู่” ประกาศพันธสัญญาจะครบกำหนดในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ โดยรูปการณ์ ถ้าฟลุก โควิดซา สถานการณ์เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ “บิ๊กตู่” ต่อวีซ่า ว่ากันยาวๆ

แต่ถ้ายังวิกฤติ ยอดติดเชื้อยังทรงๆทรุดๆ ยอดตายทะลัก ตัวเลขเหยื่อโควิดยังฉุดไม่อยู่ ที่สำคัญ “ความหวังสุดท้าย” วัคซีน “ม้าเต็ง” อย่างแอสตราฯและม้าเทพอย่าง “ไฟเซอร์” ไม่มาตามนัด

“บิ๊กตู่” หนีไม่พ้นแรงกดทับหนัก อาจต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ตามโจทย์สถานการณ์โคตรหินซ้อนหินที่ดักรออยู่ข้างหน้า สัญญาณร้ายแรงทางด้านเศรษฐกิจ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระซิบดังๆได้ยินไปทั่ว รัฐบาล “ลุงตู่” ต้องแปะโป้ง กู้อีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาทมาโปะ “หลุมดำ” รายได้ภาคครัวเรือนที่หายไปจากการล็อกดาวน์

ธุรกิจห้างร้านเจ๊งระเนระนาด คนตกงานล้นประเทศไม่มีกิน และตัวชี้วัดสำคัญในสายตานักลงทุน รัฐบาลไทยยังไม่มีแผนการฟื้นอย่างเป็นรูปธรรม

เทียบมาตรฐานกับรัฐบาลสิงคโปร์ จ่อเปิดประเทศ เพราะการวางแผนบริหารจัดการวัคซีนได้ผล กระตุ้นภูมิคุ้มกันหมู่จนปลอดภัย ส่วนของไทยยังวนลูป วัคซีนขาดๆเกินๆ แถมยังมีพวกจ้องหากินกับอุปกรณ์ทางการแพทย์

นายกฯคุมเกมพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ ต้องพึ่งเสียงค้ำยันอำนาจ นั่นก็เลยกลายเป็นจุดบอด ธรรมชาติผู้นำขาดพลังหนุนในการรับมือกับม็อบเด็กรุ่นใหม่ยกระดับเกมไล่รัฐบาลขาดความชอบธรรม เพราะบริหารโควิดผิดพลาด คนตาย เศรษฐกิจพินาศ

อาศัยเหลี่ยมค่ายกลคัมภีร์ “ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์” ในทางการเมือง นายกฯยังอยู่รอดปลอดภัย จากการที่พรรคร่วมรัฐบาลเกาะกันแน่นด้วยผลประโยชน์ โอกาสฝ่ายค้านจะล้มกระดานในสภายาก

แต่นั่นก็ไม่ถึงขั้นพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ตามฟอร์มการเมืองแบบไทยๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้

ข่าววงในหนาหู ให้จับตา “เซอร์ไพรส์” หลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ต่อเนื่องจากสภาพิจารณาผ่านกฎหมายงบประมาณปี 2565 และจบคิว แก้ไขรัฐธรรมนูญ พ้น 3 ช็อตสำคัญ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เพื่อ “ผ่าทางตัน” วิกฤติโควิด

ตามเค้าลาง อาการถ้อยทีถ้อยอาศัยระหว่างค่ายพลังประชารัฐกับทีมเพื่อไทย ในเวทีอภิปรายงบฯ สังเกตทีมดูไบเน้น “ชกลม” ไม่ตรงเป้า ปล่อยเด็กก้าวไกลลุยเดี่ยวซัดรัฐบาล ฮั้วกันรื้อรัฐธรรมนูญล็อกบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ บอนไซทีมสีส้ม

อาการต่อเนื่องกับการปล่อย “หลวงพ่อป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯผู้มากบารมี เลขาธิการพลังประชารัฐ หลุดโพยเชือด เบาเนื้อเบาตัว เพราะอานิสงส์ผลบุญจากการเลี้ยงลิงข้ามขั้ว ฮั้วข้ามค่าย

คนเดียวที่ทำได้คือ “ผู้กองนัส” ผู้คุมกำลังหลักใน พปชร.สายสัมพันธ์คนเหนือแน่นปึ้กกับตระกูลชินฯ

หากหลังจากนี้จะมีปฏิบัติการเขย่าขั้ว สลับผู้นำ ยำพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ มันก็ไม่แปลก สมการใหม่ดึงพรรคเพื่อไทยเข้าเติมเสียงแน่นๆแทน“สายเกรียน” กระบวนการสลับไพ่เปลี่ยนโพยพรรคร่วมรัฐบาล ยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในระบบสภา ผ่าทางตันการเมืองที่เป็นจุดถ่วงโควิดสาหัส

ดุลอำนาจอยู่ที่ “ผู้กองนัส” จะจัดการหมากกระดานใหม่อย่างไร ในฐานะซุปเปอร์ดีลเมกเกอร์ “ผู้มีเซ้นส์” สัมผัสสัญญาณพิเศษได้.

ทีมข่าวการเมือง