“นพ.ประเวศ วะสี” เผย การเมืองอยู่ในสภาวะล็อกอิน เกิดจาก 3 โครงสร้างอำนาจเก่า ส่อปั่นป่วน รุนแรง แนะเปิดสูตรขุมกำลังทางปัญญาอุดมศึกษา เป็นกองทัพขับเคลื่อนประเทศไทยพาชาติพ้นวิกฤติ
วันที่ 5 ส.ค. 2564 นพ.ประเวศ วะสี ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ กล่าวถึงประเด็นเร่งด่วน 100 มหาวิทยาลัยจะพาชาติออกจากวิกฤติ ว่า ขณะนี้การเมืองตกอยู่สภาวะล็อกอิน (Locked in) เขยื้อนไม่ได้ สมรรถนะแก้วิกฤติไม่มี สภาพล็อกอินเกิดจากโครงสร้างอำนาจแบบที่มีมาในประวัติศาสตร์เป็นพันๆ ปี ประกอบด้วย
1.ชนชั้นสูง หรือผู้ดีเก่า
2.กองทัพ
3.พ่อค้า หรือนายทุนบางส่วน
โครงสร้างอำนาจสามเสากำหนดผู้บริหารประเทศ ต่อต้านคนรุ่นใหม่และการเปลี่ยนแปลง เป็นโครงสร้างที่ขัดแย้งกับธรรมชาติความเป็นจริง คือ คนรุ่นใหม่ต้องการเข้ามาแทนที่คนรุ่นเก่า และเก่าจะต้องเปลี่ยนใหม่ตามธรรมชาติ เมื่อโครงสร้างอำนาจทำให้เปลี่ยนไม่ได้ แต่ตัวเองก็ทำงานไม่ได้ผล นำไปสู่ความระส่ำระสายปั่นป่วนรุนแรงจะตามมาถ้าปลดล็อกไม่ได้ แต่ประเทศไทยมีสถาบันอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชนกว่า 100 แห่ง มีนักศึกษารวมกันกว่า 1 ล้านคน มีคณาจารย์ นักวิชาการหลายแสนคน เป็นขุมกำลังทางปัญญาที่ใหญ่ที่สุด ทำอย่างไรขุมกำลังนี้จะเป็นพลังทางปัญญาพาชาติออกจากวิกฤติ เป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องตีโจทย์ให้แตก และลงมือปฏิบัติโดยเร็ว
นพ.ประเวศ ระบุว่า เพื่อสร้างคนไทยที่ทำเป็นคิดเป็นจัดการเป็น เป็นพลังทางเศรษฐกิจ หลักสูตรทุกระดับควรเปลี่ยนฐานการเรียนรู้จาก “ท่อง” เป็น “ทำ” จะไม่เกิดปัญหาบัณฑิตตกงาน บัณฑิตทำงานไม่เป็น เพราะสามารถปรับตัวไปกับการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และมองว่าแต่ละจังหวัดควรมีมหาวิทยาลัยอย่างน้อย 1 แห่ง ที่ร่วมพัฒนาจังหวัดอย่างบูรณาการ โดยเอาชุมชนท้องถิ่นเป็นตัวตั้ง ถ้าฐานของประเทศแข็งแรงก็รองรับประเทศทั้งหมดให้มั่นคง และจะทำลายอุปสรรคที่ว่าคนไทยไม่รู้ความจริงของประเทศไทย เพราะระบบการศึกษาที่เอาตำราเป็นตัวตั้งไม่ได้เอาความจริงหรือเอาชีวิตจริงปฏิบัติจริงของคนฐานล่างเป็นตัวตั้ง ทำให้ชนชั้นนำไม่รู้จักสังคมข้างล่าง ซึ่งวิกฤติโควิด-19 คราวนี้แสดงประเด็นนี้ให้เห็นอย่างชัดเจน 1 มหาวิทยาลัย 1 จังหวัด จึงเป็นจุดคานงัดที่ส่งผลกว้างลึกยาวไกลต่อประเทศไทย
...
นพ.ประเวศ ระบุต่อไปว่า ส่วนการฝึกอบรมรองอธิการบดีและผู้ช่วยอธิการบดีที่มีทั้งหมดประมาณ 2,500 คน ให้เป็นนักขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ เพราะนโยบายสาธารณะเป็นปัญญาสูงสุดของชาติใดชาติหนึ่ง มีผลต่อทุกองคาพยพของประเทศทั้งทางดีและทางร้าย และควรได้รับการอบรมให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการขับเคลื่อนระบบนโยบายสาธารณะครบวงจรหรือสัมฤทธิศาสตร์ ให้เป็นกองทัพขับเคลื่อนประเทศไทย เพราะเมื่อนโยบายสาธารณะที่สำคัญๆ ประสบผลสำเร็จประเทศไทยก็จะหลุดจากสภาวะวิกฤติเรื้อรังที่เป็นมาเกือบ 100 ปี และยกระดับไปสู่ความเจริญอย่างแท้จริง โดยหวังว่ากระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จะเห็นความสำคัญนี้ โดยเฉพาะ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว. และ นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดอว. คนปัจจุบันที่เป็นคนเก่งและมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลทั้งคู่.