ประชุม กมธ.หั่นงบประมาณ 16,300 ล้าน โปะงบกลาง "ส.ส.ก้าวไกล" โวยแหลกตีเช็คเปล่าให้นายกฯ ด้าน “วิรัช” แจงยิบ เหตุผลต้องเทเข้างบกลางแก้โควิด-19
เมื่อเวลา 13.30 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เป็นนัดสุดท้าย มีนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธาน กมธ.ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาการแปรญัตติงบ 16,300 ล้านบาท ที่ กมธ.ตัดลดงบจากหน่วยงานต่างๆ จากจำนวนงบประมาณรายจ่ายปี 2565 ทั้งหมด 3.1 ล้านล้านบาท ว่า จะแปรงบไปเพิ่มเติมให้หน่วยงานใด โดยมีการยื่นแปรญัตติงบประมาณมา 2 ญัตติคือ 1.ญัตตินายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ขอแปรงบ 16,300 ล้านบาท ไปไว้ที่งบกลาง 1 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือกระจายให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และสำนักงานอัยการสูงสุด
2.ญัตติ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เสนอแปรงบ 16,300 ล้านบาท ไปให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อชดเชยรายได้ภาษีที่ดินที่หายไปจากการลดอัตราภาษีที่ดินปี 2563-2564 มูลค่า 13,200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือกระจายให้สำนักงานกองทุนหลักประกันสุขภาพ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กองทุนการออมแห่งชาติ โดยที่ประชุม กมธ.ลงมติเสียงข้างมากด้วยคะแนน 35-7 ให้แปรงบ 16,300 ล้านบาท ไปไว้ที่งบกลางทั้งหมด โดยเสียงคัดค้าน 7 เสียงประกอบด้วย กมธ.จากพรรคก้าวไกล 6 เสียง และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ขณะที่ กมธ.จากพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงกมธ.พรรคเพื่อไทย ลงมติเห็นชอบให้แปรงบ 16,300 ล้านบาท ไปไว้ที่งบกลาง
...
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำ 2565 กล่าวว่า ญัตติของนายบุญสิงห์ ที่ให้แปรงบไปยังงบกลางมีความไม่ชอบมาพากล ไม่เหมาะสม เพราะการไปเพิ่มงบกลาง 1 หมื่นกว่าล้านบาท แม้อ้างเพื่อแก้ไขปัญหาโควิด แต่สภาฯเพิ่งอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท จึงไม่มีความจำเป็นเพิ่มเงิน 1 หมื่นล้านบาท แม้จะใช้งบกลางหมด แต่รัฐบาลยังมีเงินสำรองจ่ายอีก 5 หมื่นล้านบาท ตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ อีกทั้งงบกลางเป็นอำนาจเต็มของนายกฯ ที่จะอนุมัติงบประมาณไปใช้ จึงยากในการตรวจสอบ ขณะนี้มีหน่วยงานต่างๆ ขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณเป็นวงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท หลายหน่วยงานสมควรและเหมาะสมได้งบมากกว่าที่จะอยู่ในงบกลาง ดูแล้วไม่ชอบมาพากล เพราะเมื่อมี กมธ.ฝ่ายรัฐบาลบางส่วนคัดค้านการแปรงบไปให้งบกลาง 1 หมื่นล้านบาท ก็มีการเจรจาต่อรอง ปรับเหลือ 5 พันล้านบาท แสดงว่าเป็นการตั้งไว้เพื่อต่อรองกัน หรือเป็นเพียงแค่การเตรียมงบประมาณไว้สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นเท่านั้น อยากให้ช่วยกันคืนงบของประชาชนเพื่อสวัสดิการของประชาชน อย่าตีเช็กเปล่าให้นายกฯ จะนำข้อมูลดังกล่าวไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย
นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานกมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 กล่าวว่า การที่พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับการแปรญัตติงบประมาณที่ถูกปรับลดจากส่วนราชการต่างๆ ไปไว้ที่งบกลางนั้น เรื่องนี้เป็นความจำเป็นต้องนำงบประมาณไปเพิ่ม เพื่อใช้แก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกวัน จึงควรจัดสรรงบประมาณดังกล่าว ไปไว้ในงบกลาง ซึ่งสำนักงบประมาณประเมินว่า ต้องจัดสรรงบประมาณไปในส่วนใดบ้าง หากเกิดเหตุฉุกเฉินผู้ว่าฯ สามารถประสานขออนุมัติงบกลางนำไปใช้ได้ทันที จึงไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายค้านจะโยกไปไว้ยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การโอนงบมาอยู่ที่งบกลางนั้น การตรวจสอบก็ยังทำได้ เนื่องจากก่อนนำงบประมาณทุกอย่างไปใช้ ทุกหน่วยต้องเสนอแผนงานมา ส่วนผู้บริหารจัดการงบประมาณนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาล