นายกรัฐมนตรี ยืนยัน งบประมาณดูแลสถานการณ์โควิด-19 เพียงพอ ย้ำ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ยังดี ชี้ล็อกดาวน์ยังใช้มาตรการเดิม วอนดูตัวเลขรักษาหาย และการแพร่ระบาดของทั่วโลกร่วมด้วย ที่ไหนก็กระทบหมด
วันที่ 29 ก.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เปิดเผยผ่านคลิปวิดีโอ ไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อตอบประเด็นคำถามถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้พูดคุยกับคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ทั้งสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เพื่อพูดคุยถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยรู้สึกเห็นใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทั่วหน้าจากสถานการณ์โควิด จึงสอบถามเรื่องงบประมาณว่ายังมีเพียงพอหรือไม่ ซึ่งได้รับการยืนยันว่ามีเพียงพอ เพราะได้ใช้งบประมาณ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน ไปแล้ว แต่ยังเหลือ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทที่ยังไม่ถูกนำมาใช้ จึงขอให้เตรียมตัวให้พร้อม โดยต้องพุ่งเป้าไปที่บางกิจการเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีการติดตามเรื่อง ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ยืนยันว่าสถานการณ์ยังดี จึงมีการหารือเรื่องการขยายพื้นที่ออกไปได้มากขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญคือการฉีดวัคซีน ในพื้นที่ที่จะขยายต่อ รวมถึงต้องมีมาตรการคัดกรอง ส่วนผลการติดเชื้อที่ผ่านมาพบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แต่ต้องหารือกันต่อเพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อความปลอดภัยทั้งคนไทยและต่างประเทศที่เข้ามา
ขณะที่เรื่องการหาวัคซีนให้ภาคธุรกิจ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ได้เยียวยากลุ่ม ม.33 ม.39 และ ม.40 ไปแล้ว โดยให้กลุ่ม ม.40 รีบไปขึ้นทะเบียนที่เหลือระยะเวลาอีก 3 วันนี้
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง มาตรการต่อจากนี้ หลังจากได้ประกาศล็อกดาวน์ในพื้นที่ 13 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลง และการประกาศจะสิ้นสุดในวันที่ 2 ส.ค. นี้ ว่า ต้องมีการปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง แพทย์ และสาธารณสุข รวมถึง ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ชุดเล็ก หรือ ศบค.ชุดเล็ก ที่มีการประชุมทุกวัน โดย สาธารณสุขจะเสนอมาที่ ศบค.ชุดเล็ก ก่อนจะให้ ศบค.ชุดใหญ่ อนุมัติ หากมีเรื่องเร่งด่วนก็พร้อมอนุมัติทันที โดยทุกกระทรวงต้องช่วยกัน
...
ทั้งนี้เรื่องล็อกดาวน์ ทางทีมแพทย์ สาธารณสุขยังเห็นชอบในเรื่องเดิมอยู่ ส่วนตัวเลขที่ไม่ลดลง เนื่องจากยังมีอุปสรรคอยู่บ้าง คือ ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการ เช่น การเดินทาง การมั่วสุม ซึ่งเป็นต้นตอของการแพร่ระบาด เมื่อมาดูตัวเลขการแพร่ระบาด ผู้เสียชีวิตของแต่ละวันของไทยอาจน่าตกใจ จึงอยากให้สนใจตัวเลขแพร่ระบาดของเพื่อนบ้านร่วมด้วย เพราะทุกประเทศในโลกได้รับผลกระทบทั้งสิ้น รวมถึงมีการล็อกดาวน์ และประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินเช่นเดียวกัน แต่ก็ยังไม่สามารถระงับเชื้อไว้ได้ โดยเข้าใจว่าประชาชนให้ความสนใจตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเหล่านั้น แต่เชื่อว่าเรื่องระบบในการดูแลประชาชน 70 ล้านคนของไทยไม่มีปัญหา แต่ติดปัญหาเรื่องการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ที่ต้องไปดูแลมากขึ้น
“จากความเห็นทางสาธารณสุข ทางการแพทย์ มาตรการเดิม ที่เราออกไปครั้งนี้ ยังคงใช้ได้อยู่ ในช่วงนี้ แล้วก็ต้องพิจารณาต่อไปตามห้วงระยะเวลาแล้วกัน แล้วเห็นตัวเลขมันแดงมันขึ้นขนาดนี้ ตอนแรกๆ พุ่งขึ้น แต่ตอนนี้มีขึ้น มีลง ไม่ได้ขึ้นลงจากจำนวนนะ ดูตัวเลขผู้รักษาหายสิ ใช่ไหม มันสูงขึ้นใช่ไหม 3 พัน 5 พัน 8 พัน 9 พัน หมื่นนึง ลดลงมาอีก นี่คือตัวเลขที่ต้องให้ความสำคัญผู้รักษาหาย”
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง การใช้ Antigen test kit หรือ ATK ว่า การตรวจครั้งเดียวอาจไม่ได้ผล 100% จึงต้องมีการตรวจซ้ำอีก 7 วัน และต้องตรวจ RT-PCR อีกครั้ง เพื่อเข้าระบบการรักษา คัดกรอง และลดการแออัดในการรักษา เนื่องจากไม่อยากให้ประชาชนที่ยังทราบผลไม่แน่นอน ติดเชื้อในระบบการรักษา.