กลุ่มราษฎรพร้อมแนวร่วมคึก รวมตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเคลื่อนม็อบไปทำเนียบรัฐบาล ตำรวจ อคฝ.ตั้งแนวสกัดบริเวณสะพานผ่านฟ้า ปะทะเดือดนานนับชั่วโมงถึงขนาดยิงกระสุนยางและน้ำผสมแก๊สน้ำตาถึงเอาอยู่ ม็อบล่าถอยเปลี่ยนเส้นทางไปทำเนียบฯ ด้านแยกพาณิชยการ แต่ยังถูกตำรวจตั้งแนวสกัดเข้มข้นอีก ปะทะอีกรอบระหว่างกระสุนยางและน้ำผสมแก๊สน้ำตา กับหนังสติ๊ก ขวด และข้าวของใกล้มือ ต้องล่าถอยกลับไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เผาหุ่น “บิ๊กตู่” กลางแยกนางเลิ้งแล้วประกาศยุติการชุมนุม แต่ยังมีแนวร่วมวัยรุ่นไม่ยอมปะทะตำรวจอยู่ประปราย ด้านต่างจังหวัดแนวร่วมเชียงใหม่ อุบลฯ ร้อยเอ็ด และระยองเคลื่อนไหวคึกคัก

...

ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18 ก.ค. กลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free YOUTH) ร่วมกับภาคีเครือข่าย ประกอบด้วยกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) กลุ่ม We Volunteer หรือวีโว่ ขบวนการริมสระ คณะประชาธิปไตยเพื่อความหวัง (DemHope) เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มทะลุฟ้า กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอกภาคีบุคลากรสาธารณสุข ราษฎรมูเตลู กลุ่มศาลายาเพื่อประชาธิปไตย สหภาพคนทำงาน สหภาพไรเดอร์ SUPPORTER THAILAND นัดหมายชุมนุมตรงวันครบรอบ 1 ปี การจุดชนวนม็อบนักเรียนนักศึกษาทั่วประเทศเมื่อ 18 ก.ค.63 เป้าหมายคือ เคลื่อนขบวนบุกทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่น 3 ข้อเรียกร้องคือ 1.ประยุทธ์ต้องลาออก โดยไม่มีเงื่อนไข 2.ปรับลดงบสถาบันฯ-กองทัพสู้วิกฤติโควิด 3. เปลี่ยนวัคซีนเจ้าสัวเป็นวัคซีน mRNA

ตั้งแถวแห่หุ่นศพบุกทำเนียบฯ

ต่อมา 14.00 น. แนวร่วมกลุ่มเยาวชนปลดแอก พร้อมภาคีเครือข่าย ปิดถนนราชดำเนินกลางฝั่งขาเข้า ตั้งแต่เชิงสะพานผ่านพิภพลีลาราชจนถึงสี่แยกคอกวัว เพื่อตั้งขบวนอย่างเป็นระเบียบตามแผนที่กำหนด มีกลุ่มการ์ดสวมผ้าพันคอเขียว เป็นชายฉกรรจ์วัยรุ่นสวมเครื่องแต่งกายรัดกุม ทั้งวิทยุสื่อสาร หมวกกันน็อก ถุงมือ หน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตา และสนับแข้ง ตั้งแถวหน้ากลุ่มผู้ชุมนุม ตามด้วยขบวนมวลชนเดินเท้า รถเครื่องกระจายเสียง และรถขนสิ่งของแนวร่วมกลุ่มต่างๆ ปิดท้ายด้วยขบวนคาร์ม็อบ ประกอบด้วยรถ จยย.และรถยนต์นานาชนิด มี น.ส.พริม มณีโชติ และนายธัชพงศ์ แกดำ อยู่บนรถกระจายเสียง เพื่อทำหน้าที่สื่อสารกับผู้ชุมนุมในขบวน ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมยังขนหุ่นจำลองศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด-19 นับร้อยตัว มาให้ผู้เข้าร่วม ขบวนช่วยกันถือไปที่ทำเนียบฯ แสดงเชิงสัญลักษณ์ว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเพราะการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล

แกนนำยันม็อบประสบความสำเร็จ

น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ นักศึกษามหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์หนึ่งในแกนนำและผู้ก่อตั้งกลุ่มเยาวชนปลดแอก ให้สัมภาษณ์ก่อนเคลื่อนขบวนว่า คิดว่าประสบความสำเร็จในการขยายแนวร่วมและชุดความคิด แต่ในแง่ข้อเรียกร้องยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเรายังติดกับดักรัฐบาล ด้วยความเป็นรัฐบาลทหารมีอำนาจเบ็ดเสร็จผ่านกฎหมายต่างๆ ในแง่การชุมนุมเราพยายามทำให้การชุมนุมขยายไปอย่างเต็มที่มากที่สุด ทั้งที่เป็นรูปธรรมและอื่นๆ ตอนนี้ ยังสู้ต่อไป วันนี้เราต้องการความรวดเร็ว หลายอย่างรอไม่ได้ เช่น เรื่องวัคซีน การจัดการโควิด เพราะทุกวินาทีเป็นเรื่องชีวิตคน ไม่ใช่แค่ตัวเลขประชาชนคือ ทุกชีวิตที่หายไป ทำให้เรามีข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ 1.ประยุทธ์ต้องลาออกไป 2. ต้องปรับลดงบประมาณกองทัพและสถาบันพระมหากษัตริย์ และ 3.ปรับเป็นวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ

ปัญหาสารพัดฟัดส่วนต่างแมสก์-วัคซีน

แกนนำเยาวชนปลดแอกกล่าวว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาความเจ็บปวดของผู้เข้าร่วมที่เห็นชัดคือ เรื่องการคุกคามหมายจับหมายเรียก ที่สำคัญที่สุดคือ การเห็นเพื่อนร่วมชาติตายไปทีละคนเพราะโรคโควิด-19 รัฐบาลล้มเหลว เราเจ็บปวดกับรัฐบาลที่ไม่ได้เลือกมา เขาทำงานแบบไม่เห็นหัวไม่เห็นใจพวกเรา มันเจ็บปวดที่กล้าปล่อยให้คนตายเรื่อยๆ จากความผิดพลาด ห่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แทนที่จะดูแลประชาชน ถ้าจำได้มีส่วนต่างแมสก์และวัคซีน

ตำรวจตามยึดหุ่นฟางจากวีโว่

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ฐานะโฆษก บช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แถลงเตรียมความพร้อมรับมือและดูแลความปลอดภัยกลุ่มราษฎร และกลุ่มเครือข่าย พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า เรื่องกลุ่มผู้ชุมนุมมีการโพสต์ว่า เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านแกนนำกลุ่มวีโว่และยึดหุ่นฟางจำนวนหนึ่ง เนื่องจากทางการข่าวเชื่อว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมนำหุ่นฟางไปเผาหน้าทำเนียบรัฐบาล หากผู้ชุมนุมนำมาก่อเหตุจริงจะเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 220 ประมวลกฎหมายอาญา

ฝนกระหน่ำชะลอเคลื่อนขบวน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เวลาประมาณ 14.50 น. แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมบนรถเครื่องขยายเสียงประกาศซักซ้อมการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลย้ำว่า หากมีอะไรเกิดขึ้น ขอให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายรักษาความปลอดภัย หรือการ์ดที่สวมผ้าพันคอสีเขียว จากนั้นเกิดฝนตกลงมาบริเวณที่ชุมนุม ทำให้การเคลื่อนขบวนที่กำหนดไว้เวลา 15.00 น. ต้องชะลอออกไป กระทั่งเวลา 15.10 น. ฝนเริ่มซา แกนนำจึงประกาศเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล อย่างเป็นระเบียบตามแผนที่วางไว้

ประจันหน้า ตร.ฉีดน้ำเตือน

เมื่อหัวขบวนของม็อบเยาวชนปลดแอกเคลื่อนมาถึงบริเวณสะพานผ่านฟ้า การ์ดผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งดาหน้าเข้าประชิดแนวรั้วลวดหนามของตำรวจที่ตั้งขวางอยู่บริเวณถนนราชดำเนินนอก 2 ชั้น สกัดไม่ให้ผ่านไปยังทำเนียบรัฐบาล ขณะนั้นกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน และรถฉีดน้ำแรงดันสูงเคลื่อนเข้ามาประชิดแนวรั้ว พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.นางเลิ้ง ใช้รถเครื่องขยายเสียงที่อยู่หลังแนวรั้วลวดหนาม ประกาศเตือนผู้ชุมนุมให้ทราบว่า การรวมตัวครั้งนี้มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติแล้วเดินทางกลับ ท่ามกลางเสียงโห่ฮาของมวลชน อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งพยายามรื้อลวดหนามแนวที่ 1 ตำรวจจึงประกาศเตือนว่าจะเริ่มฉีดน้ำพร้อมนับถอยหลัง ก่อนเริ่มลงมือฉีดน้ำเปล่าเป็นการเตือนครั้งแรก

ปะทะเดือดยิงกระสุนยาง–แก๊สน้ำตา

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่หยุดใช้อุปกรณ์ที่เตรียมมาตัดทำลายแนวลวดหนามชั้นแรก เดินหน้ารุกเข้าประชิดแนวรั้วลวดหนามที่ 2 ตำรวจประกาศเตือนสลับฉีดน้ำตอบโต้ไปเรื่อยๆ ส่วนผู้ชุมนุมนำโล่ทำเอง มาตั้งป้องกันน้ำแรงดันสูงจากเจ้าหน้าที่ พร้อมจุดไฟเผาวัสดุ ใช้พลุควันสี และหนังสติ๊กยิงเข้าใส่ จนเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือด ในที่สุดเวลา 16.15 น. ตำรวจตัดสินใจใช้น้ำผสมแก๊สน้ำตาและกระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุม ทำให้การ์ดที่อยู่แนวหน้าแตกฮือ ต้องถอยจากแนวปะทะออกมาตั้งหลัก ท้ายสุดแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมบนรถกระจายเสียงประกาศเปลี่ยนเส้นทางการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล มุ่งหน้าไปทางถนนนครสวรรค์

เปลี่ยนเส้นทางแต่ปะทะอีกรอบ

หลังกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เปลี่ยนหัวขบวนเคลื่อนไปยังทำเนียบรัฐบาลทางถนนนครสวรรค์ ตามที่แกนนำม็อบประกาศ แต่การปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งที่เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวกับตำรวจบริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้ายังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากมีกลุ่ม จยย.มาเร่งเครื่องเสียงดังกดแตรยั่วยุ ส่วนมวลชนที่ยังอยู่ในแนวปะทะขว้างปาสิ่งของและยิงหนังสติ๊กใส่เจ้าหน้าที่ สลับกับนำหุ่นจำลองผู้ป่วยเสียชีวิตจากโควิด-19 มาเผา ทำให้ถูกตอบโต้ด้วยการฉีดน้ำและยิงกระสุนยางใส่เป็นระยะ ต่อมามีรถบรรทุกเล็ก 6 ล้อ 6 คัน ขับเข้ามาจอดเรียงแถวหน้ากระดานบนถนนราชดำเนินนอกห่างจากแนวรับตำรวจราว 50 เมตร ก่อนยกกระบะขึ้นทั้ง 6 คัน เพื่อเป็นโล่ป้องกันผู้ชุมนุม ทำให้ตำรวจต้องใช้น้ำผสมแก๊สน้ำตาฉีดใส่เป็นรอบที่ 2 ในที่สุดรถบรรทุกทั้งหมดก็ถอนกลับไป

แนวหน้าม็อบปะทะ ตร.แยกพาณิชย์

ต่อมาเวลา 16.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนที่เร็วขี่รถ จยย. พร้อมขบวนแนวการ์ดและรถกระจายเสียงเคลื่อนจากแยกผ่านฟ้าลีลาศมาตามถนนนครสวรรค์ถึงหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพระนคร ถนนพิษณุโลก เข้าประชิดแนวตำรวจที่แยกพาณิชยการ ที่ตำรวจวางกำลังและตู้คอนเทนเนอร์ปิดถนนพิษณุโลกตั้งแต่สะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาล เตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูง 2 คันรับมือ กลุ่มมวลชนบางส่วนเป็นวัยรุ่นและกลุ่มอาชีวะพยายามรื้อแนวกั้นและขว้างขวดน้ำใส่ ตำรวจประกาศแจ้งเตือนให้หยุดกระทำ เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่มวลชนยังไม่หยุด ตำรวจจึงฉีดน้ำแรงดันสูงใส่ แต่ไม่สามารถหยุดการโจมตีจึงยกระดับยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา ทำให้ผู้ชุมนุมถอยกลับมาแยกนางเลิ้ง โดยเคลื่อนรถบรรทุก 6 ล้อ 6 คัน จากแยกผ่านฟ้ามาตั้งแนวป้องกันหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตพระนคร

ยุติการชุมนุมผ่านฟ้าย้ายไปนางเลิ้ง

ต่อมาเวลา 17.53 น. น.ส.พริม มณีโชติ แกนนำกลุ่มนำรถกระจายเสียงมาประกาศยุติการชุมนุมบริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้า เนื่องจากสถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้ และมีขบวนรถจำนวนมากเคลื่อนมาเพิ่มบริเวณผ่านฟ้ามากขึ้น จึงชวนให้ทั้งหมดที่ยังติดค้างอยู่บนถนนราชดำเนินกลางมุ่งหน้าไปรวมตัวกันที่แยกนางเลิ้ง ผ่านถนนนครสวรรค์ หลังจากเกิดการปะทะยืดเยื้อมาถึงกว่า 3 ชม. เฟซบุ๊กเพจกลุ่มเยาวชนปลดแอกโพสต์ข้อความว่า “ยืนยันสู้ต่อ! เจอกันที่แยกนางเลิ้ง #ม็อบ 18 กรกฎา”

เผาหุ่น “ประยุทธ์” เซ่นผู้ตายจากโควิด

บริเวณกลางแยกนางเลิ้ง กลุ่มชุมนุมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เผาหุ่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์–โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมหุ่นตัวแทนกลุ่มทุนที่สนับสนุนรัฐบาล เคียงข้างเครื่องกิโยตินจำลอง เพื่อเซ่นดวงวิญญาณประชาชนที่เสียชีวิตจากการบริหารสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดที่ผิดพลาด กลุ่มมวลชนทั้งหมดร่วมกันชูสามนิ้วยืนล้อมกองไฟเป็นวงกลมระหว่างกิจกรรมเป็นเวลา 10 นาที อย่างไรก็ตามบริเวณแยกพาณิชยการยังมีการปะทะระหว่างแนวร่วมกลุ่มวัยรุ่นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะต่อเนื่อง

เยาวชนปลดแอกยุติการชุมนุม

กระทั่งเวลา 18.30 น. คณะแกนนำประกาศยุติการชุมนุมบริเวณแยกนางเลิ้ง ให้มวลชนแนวร่วมสลายตัวไปทางแยกยมราชเพื่อความปลอดภัย โดยกลุ่มเยาวชนปลดแอกประกาศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในเครือข่ายทุกแพลตฟอร์มว่า ยุติการชุมนุม โปรดติดตามนัดหมายครั้งต่อไปอย่างใกล้ชิด พร้อมให้ผู้ชุมนุมบริเวณแยกนางเลิ้งเดินทางกลับ

เชียงใหม่จัดม็อบไล่ลุงตู่

ที่ จ.เชียงใหม่ กลุ่มประชาชนชาวเชียงใหม่ นักเรียน และนักศึกษา รวมตัวกันบริเวณสนามด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นเคลื่อนขบวนมาตามถนนเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ไปยังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ พร้อมปราศรัยถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเรียกร้องขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากการสรรหาวัคซีนล่าช้า กำหนดเวลาชุมนุม 18.00- 20.00 น. ตลอดระยะเวลาการชุมนุมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบ คอยสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง

“ร้อยเอ็ด–อุบล” ร่วมเคลื่อนไหว

ที่ จ.ร้อยเอ็ด ประชาชนชาวร้อยเอ็ดเดินถือป้ายขนาดใหญ่ “ลุงตู่อย่าอยู่เลย” และป้าย “ป่วยวันละหมื่น ตายวันละร้อย ศบค.ล้มเหลว ปล่อยให้แพทย์บริหารดีกว่า เปลี่ยนคนติดต่อซื้อ Vaccine เถอะครับ” มาตั้งหน้าสำนักงานทนายความวราวงษ์ พันธุ์ศิลา อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี ว่าที่ ร.ต.ฉัตรชัย หรือทนายแชมป์ แก้วคำปอด อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ แกนนำคณะอุบลปลดแอกนำรถเคลื่อนไปตามหน่วยราชการแต่ละจุดจะบีบแตร 3 ครั้ง ส่งสัญญาณเรียกร้องให้ยกเลิกการจัดงานแห่เทียนเข้าพรรษา เร่งจัดหาเตียงให้ผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเพียงพอ หยุดตั้งด่านตรวจ หยุดรับใช้เผด็จการ ไม่ใช้กฎหมาย ม.112 ดำเนินคดีประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหว

“ไมค์” นำคาร์ม็อบ 200 คัน ลุยระยอง

นายภานุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง พร้อมด้วยคาร์ม็อบร่วม 200 คัน จอดเรียงแถวหน้าปั๊ม ปตท. ต.ตะพง ริมถนนสุขุมวิท อ.เมืองระยอง เปิดไฟหน้า บีบแตรเป็นเชิงสัญลักษณ์ นายภานุพงศ์ เผยว่า จะเคลื่อนตัวไป 4 จุด เริ่มจากที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ จ.ระยอง เพื่ออ่านจดหมายเปิดผนึกให้นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ลาออก เพราะผิดพลาดเรื่องการบริหารงานจนทำให้โควิด-19 ระบาด จุดที่ 2 สำนักงานสาธารณสุข จ.ระยอง เพื่อให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ จุดที่ 3 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ จ.ระยอง และที่ศูนย์ราชการ จ.ระยอง เพื่ออ่านจดหมายเปิดผนึกส่งไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก เพราะบริหารประเทศล้มเหลว

ก่อจลาจลทำลายข้าวของ

ค่ำวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอก แม้แกนนำกลุ่มจะประกาศยุติการชุมนุมอย่างเป็นทางการไปตั้งแต่เวลา 18.30 น. แต่ยังคงมีแนวร่วมส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นจำนวนนับร้อยคน บ้างขับขี่รถ จยย. บ้างสวมเครื่องแบบคล้ายนักเรียนอาชีวะ ยังคงปักหลักกระจัด–กระจายอยู่ในพื้นที่ชุมนุมแยกนางเลิ้ง และบริเวณถนนนครสวรรค์ฝั่งแยกเทวกรรม ปิดถนนนำวัสดุใกล้มือมาเผาบนผิวการจราจร ขว้างปาสิ่งของใส่ภาพที่ตั้งอยู่หน้าหน่วยงานราชการ ทุบทำลายป้อมตำรวจริมถนนใกล้ตรอกวัดญวนจนได้รับความเสียหาย

อคฝ.ตั้งแถวไล่ให้กลับบ้าน

ต่อมาเวลา 19.18 น. กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนที่กระจายกำลังอยู่บริเวณโดยรอบพื้นที่ เริ่มตั้งแถวโอบล้อมกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยังตกค้างไม่ยอมกลับบริเวณแยกเทวกรรมและแยกพาณิชยการ พร้อมประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้ผู้ชุมนุมวัยรุ่นเดินทางกลับบ้าน มีการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางยิงไล่อีกครั้ง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมแตกฮือ หนีไปทางแยกยมราช กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมพื้นที่ตามถนนสายหลักและตรอกซอกซอยโดยรอบ กลุ่มผู้ชุมนุมทยอยกันเดินทางออกจากพื้นที่ไป