รัฐบาลเร่งเดินหน้าจัดหาวัคซีนโควิด-19 ทั้งวัคซีนโควิด-19 ตามแผนให้ได้ 150 ล้านโดสในกลางปี 65 ฉีดให้ประชาชนให้เร็วที่สุด ชี้ วัคซีนทางเลือกเป็นความสมัครใจ

วันที่ 10 ก.ค. 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า แนวทางในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย ยังเป็นไปตามกรอบแผนการจัดหา 150 ล้านโดส ภายในกลางปี 2565 เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึง โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมา ได้เร่งรัดให้มีการจัดหาทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก เน้นการจัดหาวัคซีนที่มีการใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายเพื่อรองรับสถานการณ์การกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งทั่วโลก

นายอนุชา กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลล่าสุดขณะนี้ประเทศไทยมีการจัดหาและดำเนินการเจรจาวัคซีนหลักไปแล้วมากกว่า 105.5 ล้านโดส และมีแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อให้สามารถจัดหาวัคซีนที่เป็นวัคซีนหลักให้แก่ประชาชนให้ครบ 150 ล้านโดส ภายในไม่เกินกลางปี 2565 วัคซีนหลักจะเป็นวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาและประชาชนสามารถเข้าถึงได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งวัคซีนหลักในปัจจุบันประกอบไปด้วย แอสตราเซเนกา (AstraZeneca), ซิโนแวค (Sinovac), ไฟเซอร์ (Pfizer) และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson) 

ส่วนวัคซีนทางเลือก เอกชนเป็นผู้จัดหา โดยองค์การเภสัชกรรมเป็นตัวกลางในการทำสัญญากับผู้ผลิต เนื่องจากขณะนี้ผู้ผลิตมีเจตจำนงชัดเจนว่าในภาวะที่มีการระบาดในปัจจุบัน ผู้ผลิตจะดำเนินการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ผ่านหน่วยงานรัฐบาลในแต่ละประเทศเท่านั้น เนื่องจากวัคซีนที่ใช้อยู่เป็นการใช้ในภาวะฉุกเฉิน มีการเจรจากับผู้ผลิตเพื่อเตรียมนำวัคซีนเข้ามาอย่างน้อย 10 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนทางเลือกในปัจจุบันประกอบด้วย ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) และโมเดอร์นา (Moderna) ซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือกที่ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่ายให้ทางเอกชน ทั้งนี้ วัคซีนซิโนฟาร์มเป็นวัคซีนทางเลือกที่ได้เริ่มฉีดให้กับประชาชนแล้ว

...

“การจัดหาวัคซีนหลักโดยรัฐบาลนั้น รัฐบาลจะเป็นผู้ดำเนินการเพื่อให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนวัคซีนทางเลือกเป็นการเปิดช่องทางเลือกให้แก่ประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและความสมัครใจของตนเอง โดยมีค่าใช้จ่ายตามที่เอกชนกำหนด ตามนโยบายของรัฐบาลในการจัดหาวัคซีนให้มากที่สุดและฉีดให้ประชาชนให้เร็วที่สุด”