การแพร่ระบาด ของโควิด-19 ในประเทศไทย รอบนี้ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ พิสูจน์ถึงภาวะผู้นำของผู้บริหาร ได้ชัดเจนที่สุด และพิสูจน์ ความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อผู้นำ ได้อย่างกระจ่างชัด กรณี การสั่งซื้อวัคซีนตัวเลือก ที่ต้องผ่านภาครัฐ ต้องผ่าน องค์การเภสัชกรรม ต้องผ่าน อัยการสูงสุด แต่ การที่ วัคซีนที่สั่งซื้อไม่มาตามนัด รัฐไม่ติดใจเอาความฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเหมือนหลายประเทศในยุโรปแต่ใช้วิธีเจรจาประนีประนอมแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย

นี่คือวิสัยทัศน์การทำงานของผู้บริหารประเทศ

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมคณะลงพื้นที่เปิดโครงการนำร่อง การท่องเที่ยว ที่ จ.ภูเก็ต ในโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สีสันบรรยากาศจะเป็นอย่างไร ประชาชนคงตัดสินด้วยภาพข่าวต่างๆที่ประจักษ์กับสายตา ในเมื่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินห้ามเปิดสถานบันเทิง รับประทานเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านได้ ห้ามออกนอกพื้นที่ จ.ภูเก็ต พร้อมเงื่อนไขการเดินทางเข้า จ.ภูเก็ตอีกมากมาย

เท่ากับว่าการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ก็เหมือนการขายผ้าเอาหน้ารอด

อีก 120 วันจะเปิดประเทศ ก็คงจะเป็นอีก 120 วันไปเรื่อยๆ เพราะปัจจัยของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ มีแต่เพิ่มจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิต ในขณะที่ ระบบสาธารณสุข เริ่มจะวิกฤติ ประกอบกับ การฉีดวัคซีน ที่แผ่วลงทุกวันจาก 4 แสนโดส เหลือ 3 แสนโดส หรือ 2 แสนโดส วันหยุดเหลือไม่ถึงแสนโดส

พิสูจน์ความล้มเหลวในการรับมือกับโควิด

นาทีนี้รัฐคงไม่ต้องกลัวเสียหน้า และไม่ต้องรีบที่จะ ประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาล ทั้ง 7 ด้าน สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ ต่อยอดโครงสร้างพื้นฐาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การพัฒนาระบบการบริการงานภาครัฐ อุตสาหกรรมเดิมต้องเข้มแข็งขึ้น อุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต สร้างภูมิคุ้มกันและแต้มต่อให้เอสเอ็มอี และการพัฒนาระบบการบริหารงานภาครัฐ

...

ช่วยดูอารมณ์ชาวบ้านด้วย

นอกจากจะไม่ถูกกาลเทศะ ยังจะสร้างภาพลักษณ์ที่ล้มเหลวของรัฐบาลเอง สิ่งที่ชาวบ้านต้องการมากที่สุดคือจะทำอย่างไรให้ถึง ระบบสาธารณสุขในการรักษาพยาบาล ให้ปลอดภัยจาก โควิด-19 ได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ไม่ใช่เซเลบคนดัง ดารานักร้อง มีเตียงคนป่วยไว้บริการ 24 ชั่วโมง แต่ชาวบ้านทั่วไปต้องไปนอนรอการรักษาอยู่ท้ายรถกระบะ เตียงก็ไม่มี ห้องไอซียูก็ไม่มี หมอพร้อม วัคซีนพร้อม แต่รัฐบาลไม่พร้อม

ไม่ต้องกลัวเสียหน้า หรือต้องไปเต้นตามการประชดประชันของคนนอก เมื่อรัฐมีอำนาจสูงสุดอยู่ในมือก็ใช้อำนาจให้เกิดประโยชน์สูงสุดในยามที่ประเทศเจอกับวิกฤติหนักหนาสาหัส ณ จุดนี้ต้องจัดระบบการบริหารจัดการรับมือวิกฤติให้เข้มแข็งที่สุด พวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ปลด เปลี่ยน ปรับ ไม่ต้องมากลัวลูบหน้าปะจมูกใครทั้งสิ้น

ก่อนที่ชาวบ้านจะออกมาปิดสวิตช์ล็อกดาวน์รัฐบาล.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th