‘ปิดสวิตช์ ส.ว.’ คือแก่น ! ‘ชัยธวัช’ กร้าว ถ้าแก้ ม.272 ถูกคว่ำวันนี้ ฝ่ายค้านต้องไม่ช่วย พปชร. ต่ออายุให้ ‘ระบอบประยุทธ์’ ชวน ส.ส. ใช้วาระ 3 ร่วมกันคว่ำร่าง รธน.สายพันธุ์ไพบูลย์ ทุกมาตรา
วันที่ 24 มิ.ย.ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวภายหลังรับหนังสือจากคณะราษฎรและแสดงจุดยืนของพรรคก้าวไกลต่อวาระแก้รัฐธรรมนูญ ที่จะกำลังมีการลงคะแนนว่า ถ้าวันนี้ การร่างแก้ไข มาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรีถูกคว่ำ สภาจะต้องไม่ผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยพรรคพลังประชารัฐทุกมาตราใน วาระ 3
“หัวใจของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตราในครั้งนี้ มีเรื่องหลักเรื่องเดียวที่พรรคพลังประชารัฐต้องการ คือ การแก้ระบบเลือกตั้งโดยไม่ปิดสวิตช์ ส.ว. ส่วนประเด็นถือเป็นเรื่องปลีกย่อย ดังที่มีการอภิปรายไปมากพอสมควรแล้วคือเป็นการแก้เพื่อโกง ด้วยการเปิดทางให้ ส.ส. และ ส.ว.แทรกแซงงบประมาณ และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้ อีกประเด็นที่แอบเอาไว้คือ การเพิ่มอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญให้เข้าไปวินิจฉัยล้วงมติของพรรคการเมืองได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับร่างรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยพรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกล มีความชัดเจนว่าไม่เห็นชอบ ส่วนร่างที่เหลือแม้หลายร่างจะมีเนื้อหาดูดี หรือหลายร่างเป็นพรรคก้าวไกลเคยเสนอเองด้วยซ้ำเมื่อปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน หรือการยกระดับเพิ่มสวัสดิการถ้วนหน้าให้ประชาชน เรื่องการต่อต้านรัฐประหารและการลดอำนาจ ส.ว.ในด้านอื่นๆ แต่เราพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าควรงดออกเสียง เพราะเราต้องการแสดงเจตจำนงให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนไม่สับสนว่า วาระที่แท้จริงที่เราต้องช่วยกันผลักดันเพื่อให้ออกจากวิกฤติรัฐธรรมนูญครั้งนี้ได้คือ การปิดสวิตช์ ส.ว. ถ้าปิดไม่ได้ ประเด็นอื่นเป็นเพียงไม้ประดับเพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดูดีขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ หลายเรื่องยังมีบทบัญญัติครอบคลุมในกฎหมายระดับรองอยู่แล้ว เพียงแต่มีปัญหาว่า หากโครงสร้างและอำนาจทางการเมืองยังคงไม่ยึดโยงกับอำนาจประชาชนที่แท้จริง ประเด็นเหล่านี้ก็ไม่อาจนำไปสู่การปฏิบัติได้ หรือบางเรื่องเป็นเรื่องนโยบายที่จำเป็นต้องผลักดันไปสู่การปฏิบัติผ่านนโยบายของรัฐบาลและการออกกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น เฉพาะหน้า ในวันนี้เราจึงตัดสินใจงดออกเสียง นอกจากนี้ สำหรับร่างที่เป็นไม้ประดับ หากจะผ่านหรือไม่ผ่าน เสียงของพรรคก้าวไกลก็ไม่ได้เป็นนัยสำคัญสำหรับร่างเหล่านี้”
...
ชัยธวัช กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ทุกพรรคการเมืองปฏิเสธไม่ได้ว่า มาตรา 272 เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ถ้าปลดไม่ได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็จะเกิดวิกฤติทางการเมืองอยู่ดี ดังนั้น ข้อเสนอของพรรคก้าวไกลคือ หากวันนี้ข้อเสนอยกเลิก มาตรา 272 ถูกคว่ำโดยพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ว. พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องเชิญชวนให้เพื่อน ส.ส. ที่เห็นด้วยกับปัญหานี้ทุกพรรคการเมืองมาร่วมกันโหวตเพื่อคว่ำร่างของพรรคพลังประชารัฐ ในวาระที่ 3
“เพราะในเมื่อแก่นถูกคว่ำไปแล้ว ที่เหลืออยู่ก็คือแผนต่ออายุให้ระบอบประยุทธ์ ไม่มีเหตุผลที่เราจะไปร่วมวงตรงนั้น โดยเฉพาะพรรคที่ไม่ได้มีรัฐมนตรี ซึ่งส่วนใหญ่คือพรรคร่วมฝ่ายค้านในปัจจุบัน บวกกับพรรคเล็กในฝั่งรัฐบาลยังมีเสียงรวมกันอีกร้อยละ 20 ของตนที่จะต่อรองในวาระที่ 3 วันนี้ว่าถ้า ส.ว.อยากหนุนร่างของพรรคพลังประชารัฐก็ต้องโหวตคว่ำปิดสวิตช์ตัวเองลงด้วย ไม่ใช่กินรวบไปหมด พรรคฝ่ายค้านยังมีตรงนี้เพื่อแสดงเจตจำนงและความจริงใจต่อประชาชนในการออกจากวิกฤติรัฐธรรมนูญครั้งนี้ได้”
สำหรับการไปพบกับคณะราษฎรที่เดินทางมาชุมนุมที่รัฐสภา ในโอกาสครบรอบการอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน 2475 ชัยธวัช ในฐานะเลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้ร่วมปราศรัยบนเวทีโดยกล่าวว่า วันที่ 24 มิถุนายน 2475 ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองและมีรัฐธรรมนูญฉบับแรก แต่ต้องยอมรับว่าแม้วันนี้จะเป็นวันที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองและเป็นจุดกำเนิดที่ทำให้มีระบบรัฐสภา แต่กลับเป็นวันที่รัฐสภาในวันนี้และหลายสิบปีที่ผ่านมาพยายามลบมันออกไปและไม่เคยให้ความสำคัญอีกเลย
ชัยธวัช ย้ำว่า พรรคก้าวไกลเห็นว่า จะแก้อะไรก็ตาม แต่หากไม่ปิดสวิตช์ ส.ว.ก็คือละครฉากใหญ่ คือปาหี่ที่เอาไว้ตบตาประชาชน ส่วนเส้นทางหลังจากนี้ที่จะนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เห็นว่าควรจะรับข้อเสนอที่ราษฎรมายื่นทั้งหมด แต่จะพูดว่า เห็นด้วยก็ไม่ได้เพราะเราเห็นตรงกันตั้งแต่ต้น ณ ปัจจุบัน รัฐสภาได้ผ่านกฎหมายการออกเสียงประชามติไปแล้ว ซึ่งสามารถผลักดันให้เกิดประชามติได้หลายช่องทาง ช่องทางหนึ่งคือการเข้าชื่อของประชาชน ช่องทางหนึ่งคือการผลักดันผ่านรัฐสภา จากนี้คงต้องช่วยกันทุกช่องทาง ในฐานะพรรคการเมืองจะผลักดันผ่านช่องทางของรัฐสภาและถ้าสามารถผลักดันให้รัฐสภาเห็นชอบให้มีการจัดทำประชามติถามพี่น้องประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดของประเทศนี้และเป็นผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญว่า เห็นชอบหรือไม่ที่จะยกเลิกของ คสช. และจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับถ้าผ่านเรื่องก็จะส่งไปยังคณะรัฐมนตรี นี่คือกระบวนการทางกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องผลักดันกันต่อไปและกดดันรัฐบาลให้จัดทำประชามติให้ได้ หรือแม้แต่ถ้าประชามติผ่าน สภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนต้องไม่จำกัดอำนาจของประชาชน ห้ามเตะหมวดใดหมวดหนึ่งเพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปห้ามและเป็นการไม่เคารพอำนาจของประชาชน พรรคก้าวไกลยืนยันตรงนี้เพราะเชื่อว่า ถ้าเวทีสภาร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นพื้นที่ให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ทุกความฝัน ทุกอุดมคติได้เข้าไปต่อสู้ถกเถียงกันก็จะไม่สามารถสร้างฉันทามติใหม่ให้กับสังคมไทยได้