วิกฤติน้ำท่วมใหญ่ประเทศไทย เกิดขึ้นติดต่อกัน 2 ปีแล้ว ปีที่แล้วและปีนี้ ผลจาก พายุไต้ฝุ่น พายุโซนร้อน   และ พายุดีเปรสชัน ที่เกิดถี่ขึ้นในทะเลจีนใต้ และ ลมมรสุม ที่พัดผ่านประเทศไทย ทำให้ฝนตกต่อเนื่องยาวนานขึ้น ซึ่งเป็นความผิดปกติของวงจรธรรมชาติที่เคยมีมาแต่ดั้งเดิม

ภัยน้ำท่วมที่เกิดถี่ขึ้นรุนแรงขึ้นในประเทศไทย พูดตามภาษา “กฎแห่งกรรม” ก็คือ ธรรมชาติกำลังมาเอาคืน แก้แค้นคนไทยที่ย่ำยีทำลายธรรมชาติ

การทำลายธรรมชาติของคนไทย โดยเฉพาะ “ป่าต้นน้ำ” และ “ป่าไม้” ที่เป็นตัวอุ้มน้ำและชะลอน้ำฝนตามธรรมชาติ ทำให้ประเทศไทยร้อนขึ้น ส่งผลให้ธรรมชาติเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เลวร้ายขึ้น และรุนแรงขึ้น ภัยแล้ง น้ำท่วม ดินถล่ม ท่านผู้อ่านทราบไหม คนไทย โดยเฉพาะ นายทุนพ่อค้าและข้าราชการ ที่เห็นแก่ตัว สมคบกันตัดต้นไม้ทำลายป่าไปเท่าไร

ในหนังสือ ภัยพิบัติ...คำเตือนครั้งสุดท้าย ของ คุณชาธร สิทธิเคหภาค ได้บันทึกไว้ว่า ปี 2504 เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้กว่า 273,629 ตารางกิโลเมตร เท่ากับ ร้อยละ 53 ของพื้นที่ประเทศไทยทั้งหมด พอมาถึง ปี 2547 พื้นที่ป่าไม้ลดเหลือ 167,590 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น ร้อยละ 32 ของพื้นที่ประเทศไทย แสดงว่าในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา คนไทยตัดไม้ทำลายป่าไปถึง 100,000 กว่าตารางกิโลเมตร หรือ 66 ล้านไร่ เท่ากับพื้นที่ 1 ใน 5 ของประเทศไทย

ถ้านับต่อจากปี 2547 มาถึงวันนี้ ไม่รู้มีป่าไม้ถูกทำลายไปอีกกี่ล้านไร่ จากการบุกรุกทำลายป่า โดยอ้างความยากจนและไม่มีที่ทำกิน แล้ว “นักการเมือง” ก็จัดหาพื้นที่ทำกินด้วยการทำลายป่าต่อไป แล้วเอาป่าที่ทำลายไปขายให้นายทุนอีกทอด

วันนี้ ธรรมชาติจึงกลับมาแก้แค้นคนไทยทุกคน เพราะ อาหารอันโอชะของพายุทุกลูก ก็คือ น้ำ ความร้อน และ ความชื้น ก่อเกิดเป็นพายุสารพัดชนิดที่โหมกระหน่ำเข้าแก้แค้นมนุษย์ ทำให้เกิดพายุถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยเกิดภัยพิบัตินานปีครั้ง หรือ 2–3 ปีครั้ง สองปีมานี้ประเทศไทยเจอสองครั้งเท่ากับเกิดขึ้นปีละครั้งแล้ว น่ากลัวไหม

มีบางตัวเลขที่ผมอยากคัดมาให้คนไทยจดจำ จะได้ช่วยกันรักษาป่าและต้นไม้ ที่เป็นตัวสร้างสมดุลให้กับโลกและประเทศไทย

วันนี้คนไทยทั้งประเทศใช้ “กระดาษทิชชู” เฉลี่ยคนละ 1 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งต้องใช้ต้นไม้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไม่ต่ำกว่าปีละ 1,105,000 ต้น

กรุงเทพฯ มีรถยนต์กว่า 2.5 ล้านคัน เสียค่าน้ำมันจากรถติดเฉลี่ยวันละ 300 ล้านบาท ปีละ 100,000 ล้านบาท (ไม่นับต่างจังหวัด) แต่ รัฐบาลเพื่อไทย ก็ยังตะบี้ตะบัน แจกเงิน 30,000 ล้านบาท ส่งเสริมให้คนมีรถส่วนตัวอย่างโง่เขลาและเห็นแก่ตัว เพื่อหาเสียง เท่ากับเพิ่มความร้อนและคาร์บอนไดออกไซด์ให้ประเทศไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงยิ่งขึ้นในอนาคต

คนไทยใช้กระดาษเฉลี่ยคนละ 50 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งการผลิตกระดาษใหม่ 1 ตัน ต้องใช้ต้นไม้ 17 ต้น กระแสไฟฟ้า 4,100 กิโลวัตต์ น้ำ 31,500 ลิตร และปล่อยคลอรีนเป็นของเสียต่อสิ่งแวดล้อมอีก 7 กิโลกรัม

แม้แต่ถุงพลาสติกที่คนไทยใช้ใน 1 ปี ถ้านำมาเรียงต่อกัน จะได้ระยะทางเท่ากับโลกกับดวงจันทร์ไปกลับถึง 7 รอบ ฯลฯ อีกมากมายที่เล่าไม่หมด

คุณหมอประเวศ วะสี เคยพูดถึงสิ่งแวดล้อมไทยว่า “คนไทยทำลายตนเอง ทำลายสิ่งแวดล้อมของตัวเอง ทำลายพื้นที่ป่าไม้กว่าร้อยละ 60 จนเหลือไม่ถึงร้อยละ 30 เราไม่คิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ต้องอยู่อย่างสมดุลกับธรรมชาติ” เมื่อคนไทยเป็นอย่างนี้ วันนี้ธรรมชาติจึงมาเอาคืน

ถ้าคนไทยไม่อยากเจอ ภัยแล้ง น้ำท่วม ดินถล่ม ที่รุนแรงเช่นนี้อีกในอนาคต สิ่งที่ทุกคนต้องทำทันทีในวันนี้ก็คือ ใช้ชีวิตด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อลดการทำลายธรรมชาติลง และต้องเร่ง “ปลูกป่า” ขึ้นทดแทนให้ได้ อย่างน้อยร้อยละ 50 ของพื้นที่ประเทศ ต่อต้านและลงโทษ คนทำลายป่า อย่างจริงจัง ไม่ว่ายากดีมีจน เพื่อ “ปลุกจิตสำนึก”  ให้ทุกคนรักษาธรรมชาติร่วมกัน เพื่อช่วยกันลดภัยพิบัติที่รุนแรงในอนาคต.

...

“ลม เปลี่ยนทิศ”