พปชร.กางปีกป้องงบฯลับ “วิรัช” โต้ไม่ได้มีอยู่ แต่ในกลาโหม-สำนักนายกฯ ตีกัน กมธ.ทำอะไรมากไม่ได้ ท้าฝ่ายค้านรู้ซ่อนอยู่ตรงไหนเปิดมาเลย “เรืองไกร” ตอกทุกรัฐบาลมีมานานเป็นปกติ หยันอ่านกฎหมายให้แตกก่อนมาให้ข่าวเปิดประเด็น ยื่นหนังสือถึง “ชวน” กับประธาน กมธ.งบฯเตือน “พิธา” ส่อฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ม.144 ห้าม ส.ส.หรือ ส.ว.มีเอี่ยวแปรญัตติ ขู่ระวังถูกยื่นถอดถอน “ประธานวิปรัฐบาล” มั่นใจ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านไร้ปัญหา เหน็บอภิปรายดุเยี่ยงราชสีห์ สุดท้ายผ่านฉลุย “พิชัย” จี้ใจดำถาม 10 ข้อคาใจถลุงเงินกู้ หวด “บิ๊กตู่” สร้างหนี้ท่วม กลัวพี่โทนี่หรือคนอื่นกู้เศรษฐกิจดีกว่า ศาลคาดโทษคุมพฤติกรรม “เพนกวิน”

จากกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ประกาศจะตัดลดงบฯจัดซื้ออาวุธของกองทัพนำไปกระจายคืนสู่หน่วยงานต่างๆ ล่าสุดนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐเตือนอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 144 และอาจถูกยื่นร้องเพิกถอนจากตำแหน่ง

...

“เรืองไกร” ขู่ “พิธา” ก้าวก่ายงบฯ 65

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2565 สัดส่วนพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.วิสามัญฯระบุจะตัดลดงบฯปี 2565 เพื่อกระจายคืนสู่หน่วยงานต่างๆ อาทิ กองทุนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานประกันสังคมว่า วันที่ 7 มิ.ย. จะทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯให้เตือนนายพิธาว่าสิ่งที่ระบุอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ที่กำหนดห้าม ส.ส. ส.ว.แปรญัตติงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ ส.ส. และ ส.ว.มีส่วนในการใช้งบฯไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม

ระวังขัด รธน.เสี่ยงถูกร้องสอย

“รู้สึกไม่สบายใจการกระทำของนายพิธามี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งแม้ ส.ส. จะปรับลดงบฯได้ แต่อีกส่วนคือการปรับลดงบฯที่ส่งผลให้ ส.ส. หรือ กมธ.มีส่วนในการใช้งบฯไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมจะกระทำมิได้ การที่นายพิธาอ้างจะนำงบฯที่ปรับลดลงไปใช้อย่างนั้นอย่างนี้จึงทำไม่ได้ กรณีนายพิธาเป็นความคิดที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่เกิดการกระทำตามมา เพื่อให้เกิดความระมัดระวังไม่ให้ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 จะนำเรื่องแจ้งต่อนายชวนและนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ประธาน กมธ.วิสามัญฯให้เตือน ส.ส. และ กมธ.ระวังการพิจารณางบฯปี 65 หากส.ส. หรือ ส.ว. มีส่วนได้เสียกับงบฯ อาจถูกยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนออกจากตำแหน่งได้”

โต้งบฯลับมีทุก รบ.อ่าน ก.ม.ให้แตกก่อน

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า ยอมรับว่ามีงบฯลับใน พ.ร.บ.งบฯมานานแล้ว ทุกรัฐบาลถือเป็นปกติ ในหน่วยงานความมั่นคง ทั้งตำรวจ ทหาร มีความจำเป็น แต่ตรวจสอบได้ โดยต้องเป็นลำดับชั้นความลับ เช่น งบฯสายข่าวค้ายาเสพติด สายข่าวค้ามนุษย์ บางเรื่องไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันทุกอย่างตรวจสอบได้ การใช้มีขั้นตอนมีระเบียบ แต่คนที่ไม่เคยตรวจสอบอาจไม่เข้าใจและให้ข่าวกับสื่อ หากตรวจสอบจะเห็นว่าสำนักนายกรัฐมนตรีมีกว่า 10 หน่วยงานที่มีงบฯลับ กระทรวงการต่างประเทศก็มีถือเป็นเรื่องปกติ และเท่าที่ดูงบฯปี 65 ยังไม่พบความผิดปกติของงบฯลับที่ขอมา แต่อาจต้องขอปรับลดงบฯได้ หาก พบว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเมื่อตัดแล้วจะไม่สามารถนำไปใช้ส่วนอื่นได้ ต้องดูตามคำขอของหน่วยงานราชการ ถ้าอ่านกฎหมายก่อน ให้สัมภาษณ์จะดี เพราะเราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติพูดออกไปจะเสียหาย ไม่ใช่อยากพูดอะไรก็พูด การพูดนอกกรอบกฎหมายทั้งที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติเป็นเรื่องน่าอาย

“วิรัช” ออกตัวปรับแก้งบฯลับลำบาก

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธาน กมธ.งบฯปี 65 กล่าวว่า กรณีฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตงบฯลับของหน่วยงานต่างๆ งบฯลับไม่ได้มีอยู่ในกระทรวงกลาโหม สำนักนายกฯ แต่ยังมีอยู่ในกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต ตำรวจป.ป.ง. ถ้าเห็นว่ายังมีงบฯลับซ่อนอยู่ที่ใดขอให้ช่วยเปิดว่ามีอยู่ตรงไหนบ้าง การตรวจสอบงบฯลับตามธรรมเนียมจะให้ประธานในที่ประชุมดูว่าใช้อะไรบ้างแล้วส่งคืน ถือเป็นความลับ คนได้ดูงบฯลับคือคนนั่งประชุมในช่วงเวลาดังกล่าว ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นเช่นกัน งบฯลับคืองบฯลับ ไม่ได้ปรับให้เป็นกำนัลแก่ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เป็นส่วนหนึ่งที่พิจารณาทุกปี จะเปิดเผยได้หรือไม่เป็นหน้าที่ฝ่ายบริหาร ยอมรับว่า กมธ.คงทำอะไรมากไม่ได้ เมื่อถามว่าหลายฝ่ายกังวลงบฯสาธารณสุขถูกปรับลดลง ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 นายวิรัชตอบว่า กมธ.อยากทราบถึงการฉีดวัคซีน ถ้าเป็นไปได้อยากให้พิจารณาเป็นลำดับต้นๆ เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเพิ่มงบฯให้กับกรมควบคุมโรคติดต่อนายวิรัช กล่าวสั้นๆว่า “มีความเป็นไปได้ ต้องหารือกันก่อน”

หยันฝ่ายค้านขู่ฟ่อแต่สุดท้าย พ.ร.ก.ฉลุย

นายวิรัช ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทในวันที่ 9 มิ.ย. ว่า พรรคพลังประชารัฐมีผู้อภิปราย 12 คน บวกกับ ส.ส.รัฐบาลอื่นๆรวม 25 คน จะให้เวลาฝ่ายละ 9 ชั่วโมง คาดว่าจะจบภายใน 1 วัน ส่วนฝ่ายค้านประกาศไม่ให้ พ.ร.ก.กู้เงินผ่านสภาฯนั้นพูดเหมือนตอนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 บอกว่าจะไม่ให้ผ่าน แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ ฝ่ายรัฐบาลต้องผ่าน พ.ร.ก.ฉบับนี้ แม้ว่าการอภิปรายจะเป็นแบบราชสีห์ แต่การโหวตต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

กมธ.งบฯห่วงรายได้ท่องเที่ยวหด

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุม กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ประธาน กมธ.งบฯปี 65 ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเชิญตัวแทนสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาให้ข้อมูลถึงภาพรวมสภาวะเศรษฐกิจประเทศ ต่อมาเวลา 15.05 น. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ โฆษก กมธ.งบฯปี 65 แถลงว่า ภาพรวมเศรษฐกิจอยู่ในภาวะเผชิญความท้าทายหลายด้าน ที่น่าเป็นห่วงมากสุดคือภาคการท่องเที่ยวที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะหดตัวมากส่งผลให้รายได้หลักหายไป

ติง ขรก.ไม่ใส่ใจงบฯระวังตกม้าตาย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษก กมธ. กล่าวว่า แม้พรรคฝ่ายค้านจะทำงานร่วมกับรัฐบาลในการพิจารณางบฯแต่ไม่ได้เห็นด้วยทุกเรื่อง ขอเตือนส่วนราชการต่างๆโดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงตั้งแต่ปลัดกระทรวง รองปลัด และอธิบดี ที่ปล่อยให้ลูกน้องทำระวังตกม้าตาย เพราะแค่วันแรกก็พบตัวเลขไม่ตรงกันแล้ว พรรคฝ่ายค้านจะติดตามตรวจสอบ จัดเวรยามในการประชุมโดยจะขาดได้ไม่เกิน 5% เพื่ออยู่เป็นองค์ประชุมตลอด การทำงบฯครั้งนี้ต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้น อย่าคิดว่าจะผ่านสะดวก

“พิชัย” ตั้ง 10 คำถามใช้ พ.ร.ก.เงินกู้

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลจะนำ พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เข้าพิจารณาในสภาฯวันที่ 9 มิ.ย. จะเป็นการสร้างหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอีกมาก หลังออก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทไปแล้ว แต่ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น รัฐบาลเขียนกรอบไว้กว้างๆแต่ไม่มีรายละเอียดอะไรเลยว่าเอาไปใช้ทำอะไรบ้าง อยากให้นายกฯตอบ 10 คำถามคาใจ ดังนี้ 1.การออก พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านจะผิดวินัยการเงินการคลังและผิดกฎหมายหรือไม่ 2.ยิ่งตอกย้ำว่ารัฐบาลกู้เงินมาใช้มากกว่าการลงทุนเพิ่มมากขึ้นอีกใช่หรือไม่ 3.ที่บอกจะทำให้จีดีพีเพิ่มอีก 1.5-2.5% เป็นไปได้อย่างไร คราวก่อนใช้ไป 1 ล้านล้านบาทยังช่วยได้เพียง 2% 4.การออก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทลดลงจากที่ตั้งใจกู้ 7 แสนล้านบาท ตัดเรื่องใดออกไปบ้าง ทำไมถึงตัดหรือไม่ได้มีแผนงานแต่แรก แต่กู้ไว้ก่อนแล้วค่อยมาคิด 5.มีงบกระทรวงกลาโหมแอบซุกใน พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทนี้อีกหรือไม่ 6.กำหนดกรอบการใช้ให้ชัดเจนได้หรือไม่ 7.การใช้จ่ายสาธารณสุข 30,000 ล้านบาท จะจัดหาวัคซีนให้ประชาชนเพียงพอหรือไม่ มีวัคซีนให้เลือกหรือไม่ 8.การใช้ 3 แสนล้านบาทเยียวยาอย่างไร 9.การกระตุ้นเศรษฐกิจ 170,000 ล้านบาท จะนำไปใช้ด้านใดบ้าง และ 10.รัฐบาลมีแนวทางการใช้หนี้หรือลดสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีได้อย่างไร

เฉ่งพอกหนี้ท่วมกลัว “พี่โทนี่” ฟื้น ศก.

นายพิชัยกล่าวอีกว่า นี่เป็น 10 คำถามพื้นฐานที่ประชาชนอยากทราบ และอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบให้ชัดเจน เท่าที่เห็นอยู่ปัจจุบันเหมือนประเทศไม่มีแนวทางหาเงินเพื่อฟื้นเศรษฐกิจได้เลย ห่วงว่ารัฐบาลจะก่อหนี้จนล้นเกิน ไม่อยากคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งใจสร้างหนี้จนท่วมเพราะห่วงว่ารัฐบาลในอนาคตจะฟื้นเศรษฐกิจได้ดีกว่าที่พวกตัวเองบริหารอยู่ใช่หรือไม่ หรือเพราะกลัวพี่โทนี่จะฟื้นเศรษฐกิจได้จริงใน 6 เดือน หากยังสร้างหนี้เพิ่มไม่หยุดแต่ไม่รู้จักวิธีหารายได้จะทำให้ประเทศไทยเสียหายเสื่อมถอยไปอีกนาน ประชาชนยิ่งลำบากกันมากจนทนกันไม่ไหว

รบ.เหลวจนกองเชียร์ชุดสุดท้ายตีจาก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ประกอบด้วย 3 แผนงาน คือ 1.แผนงานแก้ไขปัญหาการระบาดระลอกใหม่ 30,000 ล้านบาท 2.แผนงานช่วยเหลือเยียวยาหรือชดเชยประชาชนและผู้ประกอบ– การ 300,000 ล้านบาท และ 3.แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 170,000 ล้าน พ.ร.ก.ฉบับนี้ไม่ต่างจากพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ในปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้สรุปผลการดำเนินการรายงานให้ประชาชนรับทราบรัฐบาลต้องวิเคราะห์ว่ามีปัญหาอะไรที่ควรป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ ทั้งการใช้เงินล่าช้า ไม่เป็นตามเป้า ไม่สามารถป้องกันโควิดได้ ปัญหาการจัดหาวัคซีนล่าช้าไม่เพียงพอความต้องการ โอกาสที่รัฐบาลจะได้กู้ครั้งที่ 3 คงยากแล้วเต็มเพดาน 60% ของจีดีพีประเทศ รัฐบาลล้มเหลวจนกองเชียร์ชุดสุดท้ายยังตีจาก มีโอกาสจะกลับบ้านแบบโดดเดี่ยว จึงต้องใช้เงินกู้ครั้งสุดท้ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด

บริหารวัคซีนห่วยโยงเล่นการเมือง

นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า แผนบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลล้มเหลวจนไม่สามารถบริหารจัดการให้สำเร็จตามที่ประกาศจะลุยฉีดวัคซีนให้ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรไทยภายในสิ้นปี 2564 น่าเป็นไปได้ยาก สัญญาส่งมอบแอสตราเซเนกาเดือนละ 6 ล้านโดส แต่ลอตแรกมาแค่ 1.8 ล้านโดส ต้องนำเข้าวัคซีนซิโนแวคมาเพิ่ม 11 ล้านโดส วัคซีนซิโนแวคกลายเป็นตัวหลักแทนม้าเต็ง ขนาดประกาศเป็นวาระแห่งชาติยังแกว่งขนาดนี้ รัฐบาลต้องไม่ปล่อยให้มีการใช้วัคซีนเป็นเครื่องมือหาเสียงของนักการเมืองบางพรรค ที่เปิดลงทะเบียนวัคซีนให้หัวคะแนนอ้างเป็นโควตาพิเศษ ลัดคิวฉีดวัคซีนหวังผลสร้างคะแนนนิยมหรือไม่ เอาชีวิตคนมาเล่นกับการเมือง แผนบริหารจัดการวัคซีนต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และสื่อสารกับประชาชนอย่างจริงใจตรงไปตรงมา

“การุณ” แนะให้ท้องถิ่นช่วยจ้างงาน

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย คาดการณ์ว่าวิกฤติโควิด-19 รอบนี้ก่อให้เกิดปัญหาด้านแรงงานรุนแรงที่สุด อาจมีคนตกงานถึง 9.21 ล้านคน และผู้จบการศึกษาใหม่ทั้งปี 63 และ 64 เสี่ยงไม่มีงานทำถึง 900,000 คน รัฐบาลต้องเร่งสร้างงานใหม่เพื่อช่วยเหลือคนตกงานในภาวะวิกฤติ รัฐบาลควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาช่วยจ้างงานบางประเภทในท้องถิ่น กำหนดมาตรการให้กระทรวงต่างๆจ้างงานบุคคลทั่วไปได้มากขึ้น รัฐต้องใช้นโยบายฝึกอาชีพเพิ่มทักษะแรงงานและจ่ายค่าตอบแทนการเข้าร่วมฝึกอาชีพให้ด้วย ใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสปรับนโยบายการสร้างงาน ในกลุ่มอาชีพพิเศษรัฐควรจ้างแรงงานอาสาสมัครแบบมีค่าตอบแทนในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ควรออกนโยบายดึงดูดให้ธุรกิจต่างๆจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น และน่าจะใช้มาตรการลดหย่อนภาษีหรือให้สิทธิประโยชน์อื่นเพื่อจูงใจ

หวั่น กก.กลั่นกรองชุดเดิมเงินกู้สูญเปล่า

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลออก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้าน อ้างจะนำไปช่วยผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี แต่เงินที่กู้มารัฐนำไปใช้สร้างฐานการเมืองมากกว่าไปทำถนนหรือขุดลอกคูคลองในพื้นที่ของนักการเมืองพรรครัฐบาลซ้ำซ้อนกับงบฯประจำปี และการที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.กู้เงินอีก 500,000 ล้านบาท ทั้งที่ผ่านมาเต็มไปด้วยการปกปิดหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ถ้ารัฐบาลเคารพประชาชนต้องสื่อสาร ให้ข้อมูลมากกว่านี้ และยังไม่มีอะไรการันตีว่าเงินกู้ 5 แสนล้านบาท จะถูกนำไปใช้ถูกทิศถูกทาง เพราะคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินยังใช้ชุดเดิม ไม่มีหน่วยงานหรือกลไกที่จะมาช่วยเร่งรัดเบิกจ่าย หากรัฐบาลไม่สามารถชี้แจงได้คงให้ผ่านไม่ได้ การช่วยเหลือผู้ประกอบการรัฐบาลต้องไม่ตั้งเงื่อนไขที่เป็นกำแพงหนาทำให้ผู้ประกอบการเข้าไม่ถึงเงินกู้ ต้องไม่เลือกปฏิบัติช่วยเฉพาะผู้ประกอบการชั้นดี จะล้มเหลวรอบสอง กู้ชีวิตผู้ประกอบการที่กำลังโคม่าไม่ได้รัฐบาลเป็นคนดึงสายออกซิเจนผู้ประกอบการออก สุดท้ายเอสเอ็มอีไม่รอดพ้นวิกฤติ

“ธนาธร” จี้ รบ.เปิดความจริงวัคซีน

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เฟซบุ๊กไลฟ์รายการ “คิดไปข้างหน้ากับธนาธร” ถึงการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดและการจัดการวัคซีนตอนหนึ่ง ว่า เดือน มิ.ย.รัฐบาลไทยมีแผนฉีดวัคซีนให้ได้ 5-6 ล้านโดส ต้องฉีดถึง 2 แสนโดสต่อวัน เดือนต่อๆไปอาจต้องเพิ่มฉีดถึง 5 แสนโดสต่อวัน พบความจริงว่าภาครัฐเปิดเผยฐานข้อมูลน้อยเกินไป ไม่มีการอัปเดตให้เท่าทันสถานการณ์ หนำซ้ำข้อมูลบางอย่างไม่ตรงขัดแย้งกันเอง โดยเฉพาะวัคซีนยี่ห้ออะไรบ้าง ฉีดไปแล้วเท่าไหร่ เหลืออยู่เท่าไหร่ จำนวนผู้ติดเชื้อแยกย่อยเป็นรายพื้นที่ สิ่งต่างๆเหล่านี้ที่นำเสนอไม่ได้เกินความสามารถประเทศไทยมีศักยภาพทำได้ ประชาชนจะได้ไม่ต้องสับสน หวังว่ารัฐบาลจะปรับปรุงกระบวนการเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วที่สุด กลับมาใช้ชีวิตตามปกติไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อการยืดเยื้อของสถานการณ์โควิด

“ชวน” นัดถกวิป 3 ขั้ววางปฏิทินรื้อ รธน.

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯกล่าวถึงการประชุมสภาฯเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทในวันที่ 9 มิ.ย.ว่า เป็นไปตามข้อตกลงของวิป 3 ฝ่ายจะใช้เวลาพิจารณา 1 วัน หากพิจารณาไม่แล้วเสร็จลงมติในวันที่ 10 มิ.ย.ได้ ส่วนการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 สัปดาห์หน้าจะหารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาว่าจะประชุมได้เมื่อใด จะเชิญทุกฝ่าย ทั้งวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน วิปวุฒิสภา รวมถึงเจ้าของญัตติมาหารือแนวทางการประชุม เพื่อให้การประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากจำนวนคนเพิ่มขึ้นมา แต่การประชุมต้องมี

ศาลกำชับคุมพฤติกรรม “เพนกวิน”

ที่ศาลอาญา ศาลนัดไต่สวนคำร้องที่นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษา กมธ.ปรึกษา กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวที่นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ผิดเงื่อนไขศาลกับพวก จำเลยคดีมาตรา 112 ผิดเงื่อนไขศาล หลังโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กในชื่อสาส์นแรกแห่งอิสรภาพ รวมทั้งทำกิจกรรมยืนนาน 112 นาที โดยมีนายไพรัชและนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์บิดา มารดา และนายอดิศร จันทรสุข อาจารย์ ม.ธรรมศาสตร์ ผู้กำกับดูแลนายพริษฐ์ มาศาล หลังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดยื่นคำแถลง ศาลได้กำชับผู้กำกับดูแลนายพริษฐ์ ให้ทำหน้าที่สอดส่องดูแลให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดโดยเคร่งครัด หากปรากฏจำเลยกระทำหรือโพสต์ข้อความในลักษณะเดียวกันอีก ศาลจะใช้ดุลพินิจเรียกมาไต่สวน และพิจารณามีคำสั่งเกี่ยวกับการเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวตามที่เห็นสมควร