'ยิ่งลักษณ์' ย้ำยังไม่จำเป็นต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เกรงจะกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน เล็งหาศูนย์อพยพและจุดจอดรถเพิ่มเติม ช่วยเหลือผู้ประสบภัย วอนขอความร่วมมือผู้ว่าฯ กทม. และทุกฝ่ายทำงานโดยไม่แบ่งแยกพรรคการเมือง...
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 ต.ค. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ออกมาเรียกร้องให้ ศปภ. ดูแลประชนที่ได้รับผลกระทบจากการที่น้ำทะลักเข้าคลองประปา เขตหลักสี่ และดอนเมือง โดยอ้างว่า กทม.ไม่ได้รับผิดชอบดูแลพื้นที่น้ำในคลองประปาว่า วันนี้ตนไม่ต้องการที่จะพูดคำว่า เราต้องการความเป็นเอกภาพ เพราะวันนี้คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ต่างจังหวัด หรือ กทม. ต้องมีภาระรับผิดชอบร่วมกัน และขอให้ กทม.ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ ขอความกรุณาอย่ามองว่าส่วนไหนเป็นหน้าที่ของ ศปภ. หรือรัฐบาลเลย เพราะที่จริงแล้วรัฐบาลดูภาพรวม และดูแลพี่น้องประชาชนหลายจังหวัด ถ้าทาง กทม.จะช่วยเหลือได้ในส่วนของพื้นที่นี้จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งทางรัฐบาลพร้อมสนับสนุน แต่ถ้า กทม.คิดว่าดูแลไม่ไหว เราก็จะเข้าไปดูแล ในความรับผิดชอบพี่น้องประชาชนนั้น ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดใด ถือว่าเป็นหน้าที่ที่เรารับผิดชอบร่วมกัน และวันนี้ต้องขอแรงในการรวมพลังช่วยกันทุกส่วน เพื่อต่อสู้กับอุทกภัย เพราะครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งที่หนักมาก เราต้องการความร่วมมือร่วมใจความเป็นเอกภาพ ที่จะมองภาพรวม ถ้าต่างคนต่างมองในมุมของตนเอง จะทำให้ประเทศเดินไม่ได้ วันนี้ตนได้เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ที่จะต้องมาทบทวนกันอีกครั้งว่าจุดใดบ้าง ที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และอีกส่วนต้องวางแผนในการดูแลประชาชน เพราะวันนี้เรื่องชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้สั่งการให้แบ่งสายโดยประกาศออกไมค์ให้พี่น้องประชาชนอพยพ เพราะเราคงรับออกมาทีละครอบครัวคงไม่ได้
...
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงเวลาที่นายกฯจะพิจารณาประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อจะได้มีอำนาจสั่งการได้เต็มที่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็จะไปพิจารณาดู แต่จริงๆ แล้วต้องเรียนว่าการสั่งการวันนี้ เชื่อว่าทุกหน่วยงานมีใจช่วยเหลือ ประเทศไทยวันนี้เราไม่อยากเห็นภาวะเช่นนี้ เพราะจะทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีปัญหาอยู่แล้ว ขอให้ประชาชนทุกคนร่วมใจกันเถอะ ทำงานที่จะกู้ภาวะวิกฤตินี้ ถ้ายิ่งประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยิ่งทำให้ความมั่นใจของต่างชาติ ก็จะบอกว่า ประเทศไทยดูแลกันเองไม่ได้ ซึ่งจริงๆ วันนี้เราต้องนำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นความสามัคคีปรองที่เราจะทำงานร่วมกัน อย่างในส่วนของเหล่าทัพ เราได้รับความร่วมมือจากทุกเหล่าทัพอย่างดี ก็ไม่แน่ใจว่าการที่จะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น จะช่วยให้ดีขึ้นหรือไม่ ถ้าใจของคนเราไม่ได้รวมกัน ที่สำคัญวันนี้การประกาศ พ.ร.ก.นั้น คือการบังคับใช้หน่วยงานราชการแต่วันนี้ ศปภ.ได้รับความร่วมมืออย่ามากจากพี่น้องประชาชน จากหน่วยงานเอกชน ทุกหน่วยงานที่มาช่วยกัน รวมทั้งสื่อมวลชนก็ช่วยกันอย่างเต็มที่เลย ไม่แน่ใจว่าประกาศ พ.ร.ก.จะได้ ประโยชน์อะไร เพราะมันคือการทำงานร่วมกัน
เมื่อถามว่า แต่ทาง กทม.ไม่ให้ความร่วมมือเราจะเดินหน้าทำงานต่อไปได้อย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงต้องหารือ กทม.อย่างชัดเจน ก็หวังว่าเราจะไม่มาเล่นการเมืองกันตรงนี้ หวังว่าเราจะทำงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน แล้วอย่ามองว่าการเป็นคนละพรรค หรือคนละเขตนั้นจะทำงานร่วมกันไม่ได้ ตนยินดีเข้าไปทำงานร่วมกับทุกหน่วยงาน และยินดีรับฟังทุกหน่วยงานเพื่อคนไทยทุกคน
เมื่อถามต่อว่า ถ้า กทม.บอกว่าไม่พร้อม รัฐบาลจะยินดีเข้าไปดูแลหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "ดิฉันขอไม่พูดดีกว่า เพราะถ้าการพูดของเราออกไปยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดซึ่งกันและกัน ดิฉันอยากจะมองในเจตนาดีว่า ท่านผู้ว่าฯกทม.เอง อยากให้มีกลไกช่วยกัน ขอให้ท่านทำหน้าที่ของท่านอย่างเต็มที่ และขอร้องทุกท่านทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อประชาชน วันนี้ให้เราก้าวผ่านวิกฤติให้ได้"
เมื่อถามย้ำว่า ถ้าพื้นที่ไหน กทม.ไม่พร้อม ศปภ.พร้อมจะเข้าไปดูหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า พร้อม เราพร้อมเข้าไปช่วย อย่างเมื่อคืนวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา เราก็เข้าไปดูพื้นที่สายไหม เพราะเราเป็นห่วง ก็เข้าไปดูเพื่อให้แน่ใจว่า กทม.ต้องการความช่วยเหลือจากเราหรือไม่ ล่าสุดที่ได้ไปดูสามารถดูแลตัวเอง และก็มีการฝากทาง กทม.แล้วในเรื่องการระบายน้ำให้เต็มที่ ตนคอยที่จะความร่วมมือ และยินดีเสมอส่วนไหนที่ ศปภ.หรือรัฐบาล ทุกหน่วยงานจะเข้าไปดูได้ก็ยินดีช่วยกันเต็มที่ อยากให้รวมกันเป็นหนึ่งจริงๆ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์คลองประปา ตนจะเข้าไปประชุมสถานการณ์ ตนได้สั่งการ กทม. ที่ดูเรื่องน้ำให้ประชุมประเมินสถานการณ์อีกครั้ง ส่วนใหญ่พื้นที่เขดอนเมืองยังสูง แต่เราอยากดูเรื่องเส้นทางคมนาคมที่เป็นปัญหา จัดสรรพื้นที่ให้ประชาชนจอดรถ และต้องขอพื้นที่การจราจรเพราะถ้าจอดปิด การจราจรจะเดินทางกันไม่ได้ ก็ยิ่งจะทำให้ผู้คนตระหนกตกใจ และไม่สามารถจะเข้าไปดูแลช่วยเหลือกันได้ รวมถึงการดูแลพื้นที่สำคัญ เช่น บริเวณพระราชวัง หรือพื้นที่สำคัญๆ ต้องมีผู้ที่คอยดูแลปกป้องรักษาด้วย ขณะเดียวกันต้องมีอีกทีม ที่ต้องดูแลการอพยพพี่น้องประชาชนให้มากขึ้น และหาพื้นที่ศูนย์อพยพเพิ่มเติม จะขอไปประเมินตรวจสอบให้รอบคอบก่อน
ต่อข้อถามว่า วันนี้นายกฯประเมินว่า น้ำจะเข้า กทม.มากขนาดไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องขอดูเรื่องการทำงานระบายน้ำ จากที่ได้อธิบายไปเมื่อวันที่ 20 ต.ค.ไปแล้วว่า น้ำในส่วนของคลองเปรมประชากรนั้นมามาก และพื้นที่ตรงนั้นเป็นแอ่ง ดังนั้น เราจะพยายามให้น้ำเบี่ยงออก เพื่อให้คลองรังสิตประยูรศักดิ์ระบายน้ำได้ เท่าที่ทราบระดับน้ำสูง ไม่ทราบว่าเครื่องระบายน้ำจะทำงานได้เต็มที่หรือไม่ ซึ่งทางกรมชลประทานประเมินอยู่ อยากให้พี่น้องประชาชน กทม.ทุกส่วนเตรียมเคลื่อนย้ายสิ่งของให้สูงขึ้น เป็นการเตรียมตัวพร้อมไว้ก่อน เราพยายามจะประเมินสถานการณ์ให้เร็ว และแจ้งให้ทราบ วันนี้เราหาทางเร่งระบายน้ำ
เมื่อถามว่า นายกฯ จะแน่ใจได้อย่างไรว่า กทม.จะเปิดประตูน้ำตามที่ร้องขอไปแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เดี๋ยวจะมีการคุยกับทาง กทม.อีกครั้ง ในภาพรวม ว่า กทม.จะรับปริมาณน้ำได้เท่าไหร่