สภาฯถกร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 วันแรกร้อนฉ่า ฝ่ายค้านรุมยำ “ประยุทธ์” ใจดำเมินทุกข์ยากประชาชน ไล่ส่งไขก๊อกเซ่นจัดงบฯล้มเหลว เฉ่งตัดงบฯสาธารณสุขนักรบสู้โควิด-19 แต่หมกเม็ดอำพรางเพิ่มงบฯซื้ออาวุธ “สมพงษ์” ฉะผู้นำไร้ศักยภาพ บริหารห่วยทุบเศรษฐกิจเจ๊งแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท “ประเสริฐ” หวดมือไม่ถึงสร้างแต่หนี้ ละเลยปราบทุจริต “วิโรจน์” สับเละหมกเม็ดซ่อนงบฯจัดหายุทโธปกรณ์ แฉ ทบ.-ทร.ได้เพิ่ม 2.6 พันล้าน เอาไปซื้อวัคซีนแอสตราฯ 22 ล้านโดส ฉีดได้ 11 ล้านคน เด็ก ปชป. ภท.จับมือถล่มจัดงบฯผิดแผน “อิสระ” เฉ่งงบแก้จน 9.4 ล้านคน ฐานรากได้หัวละ 174.75 บาท จะรอดยังไง “ภราดร” โวย สธ.ขอ 1.2 หมื่นล้านซื้อวัคซีนถูกตัดเหี้ยน “ชาดา” ของขึ้นสะกิด “เสี่ยหนู” เขาไม่รักก็กลับบ้านเราเถอะ “บิ๊กตู่” โต้ดูดงบฯเอื้อพวกพ้อง ยันโปร่งใสรอบคอบ เมินฝ่ายค้านขู่โหวตคว่ำ
เปิดเวทีอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วันแรก ฝ่ายค้านพุ่งเป้าอภิปรายชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในการจัดสรรและปรับลดงบประมาณอย่างไม่เหมาะสมท่ามกลางวิกฤติโรคโควิด-19 โดยเฉพาะงบของกระทรวงสาธารณสุข
...
สภาฯถกงบฯวันแรกคุมสุดเข้มโควิด
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่รัฐสภา บรรยากาศก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เป็นวันแรก มีการวางมาตรการควบคุมทางสาธารณสุขป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด ผู้เข้ามาในอาคารรัฐสภาทุกประตูเข้าออก ต้องสวมหน้ากากอนามัย กรอกแบบสอบถามยืนยันส่งออนไลน์ล่วงหน้าให้ ส.ส.มีผู้ติดตามได้คนเดียว และสั่งห้ามสื่อมวลชนขึ้นไปถ่ายรูปหรือทำข่าวบนชั้นลอยเด็ดขาด เกรงอาจมีละอองฝอยน้ำลายกระเด็นลงไปที่ห้องประชุมที่ ส.ส.นั่งอยู่ ผู้อภิปรายให้ใส่หน้ากากตลอดเวลา ถ้าจะถอดหน้ากากให้พูดที่โพเดียมหลังฉากกั้นอะคริลิกใสขนาดใหญ่ โดยเวลา 08.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางมาถึงด้วยสีหน้าปกติ กล่าวสั้นๆว่า “พร้อม” ก่อนขึ้นไปห้องรับรอง
มติ กก.คว่ำงบฯไร้สำนึกไม่เห็นหัว ปชช.
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ร่างงบฯปี 65 ควรเป็นงบฯฟื้นฟูประเทศ จำเป็นต้องตอบโจทย์ปัญหาของประเทศและผลกระทบที่ประชาชน ผู้ประกอบการได้รับ แต่การจัดสรรงบฯของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ผิดฝาผิดตัวและไร้สามัญสำนึก ทั้งนี้ พรรคมีมติไม่ให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 ผ่านในวาระแรก เพราะเป็นการจัดสรรงบฯไม่ตรงจุด ไม่สอดคล้องกับวิกฤติประเทศ ถึงเวลาแล้วที่ต้องมีผู้นำประเทศคนใหม่ต้องมีรัฐบาลที่จัดสรรงบฯเห็นหัวประชาชนมากกว่านี้ จึงขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกทันที
ผู้นำรับครัวเรือนอ่วม-เอสเอ็มอีไม่ฟื้น
ต่อมาเวลา 09.30 น. จึงเริ่มเปิดประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท วาระแรก มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม จากนั้นเวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ร่ายยาวชี้แจงกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยสรุปว่างบฯปี 65 ตั้งไว้ 3.1 ล้านล้านบาท เป็นงบฯแบบขาดดุลเศรษฐกิจไทยปี 65 คาดจะขยายตัวร้อยละ 4-5 คาดการณ์จะจัดเก็บรายได้ภาษีอากรและรายได้อื่นๆรวม 2.51 ล้านล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.26 จากปีก่อน หนี้สาธารณะ ณ วันที่ 31 มี.ค.64 มี 8.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 54.3 ของจีดีพี ยังอยู่ภายใต้กรอบตามวินัยการเงินการคลังร้อยละ 60 สถานะเงินคงคลัง วันที่ 30 เม.ย.64 มี 372,784 ล้านบาท แต่ภาคธุรกิจและครัวเรือนเปราะบางมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังไม่ฟื้นตัวจากการระบาดระลอกแรกและได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากระลอกใหม่ รายได้ความสามารถการชำระหนี้ลดลง
คุยใช้งบโปร่งใสพร้อมให้ตรวจสอบ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สาระสำคัญงบฯปี 65 แบ่งเป็น 1.งบฯกลาง 571,047 ล้านบาท 2.งบฯของหน่วยรับงบประมาณ 1.03 ล้านล้านบาท 3.งบฯบูรณาการ 208,177 ล้านบาท 4.งบฯบุคลากร 770,160 ล้านบาท 5.งบฯเงินทุนหมุนเวียน 195,397 ล้านบาท 6.งบฯเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ 297,631 ล้านบาท 7.งบฯเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 596.7 ล้านบาท 8.งบฯเพื่อชดใช้เงินทุนสำรองจ่าย 24,978.6 ล้านบาท จำแนกตามยุทธศาสตร์ 6 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านความมั่นคง 387,909 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.5 ของวงเงินงบฯ 2.ด้านการสร้างความสามารถการแข่งขัน 338,547 ล้านบาท 3.ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 548,185.7 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.7 4.ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 733,749.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.7 5.ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 119,600 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 6.ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ 559,300 ล้านบาท หรือร้อยละ 18 ยืนยันได้กลั่นกรองอย่างรอบคอบ จะเข้มงวด กวดขันป้องกันทุจริตการใช้งบฯ พร้อมให้องค์กรอิสระตรวจสอบ ประชาชนแจ้งข้อมูลมาได้ จะใช้งบฯสร้างสรรค์ โปร่งใส ทำเพื่อประชาชน เพื่ออนาคตลูกหลาน
“สมพงษ์” ฉะอยู่คนละโลกเหลวไม่เป็นท่า
จากนั้นนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายเป็นคนแรกว่า สิ่งที่เห็นจากร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 เหมือน พล.อ.ประยุทธ์อยู่คนละโลกกับประชาชนเจ้าของประเทศ ไม่อยู่บนโลกความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ทุกคนเผชิญอยู่ขณะนี้ ประชาชนลำบากแสนสาหัส แต่รัฐบาลกลับวางแผนจัดงบฯปี 65 ราวกับประเทศอยู่ในภาวะปกติ สะท้อนความล้มเหลว หละหลวมในการบริหาร นายกฯไม่ได้ยินเสียงประชาชนที่เดือดร้อน หรือมีศักยภาพการบริหารจัดการได้เท่านี้ ไม่สนใจประเทศจะเสียหายอย่างไร ขอให้ยังรักษาอำนาจผลประโยชน์พวกพ้อง วนเวียนปลาบปลื้มว่าควบคุมโรคระบาดได้ดี แต่อีกด้านกลับมืดบอดมองไม่เห็นความเดือดร้อนจากการพังทลายของภาคธุรกิจที่จมน้ำตายต่อหน้าต่อตา เป็นรัฐบาลที่ตัดสินใจผิดพลาดมากเท่าที่เคยมีมา โดยเฉพาะวัคซีนประชาชนไม่สามารถเลือกวัคซีนที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด การกระจายวัคซีนไม่หลากหลาย ไม่รวดเร็ว ไม่ทั่วถึง สะท้อนการไร้ศักยภาพของผู้นำขาดวิสัยทัศน์ ไม่มีแผนรับมืออย่างเป็นระบบ ล้มเหลวไม่เป็นท่า คนไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุด เศรษฐกิจเสียหายกว่า 1 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มจมดิ่งต่อไป
ใจดำอุ้ม กห.หั่นงบฯ สธ.-พม.-แรงงาน
นายสมพงษ์กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 ไม่อาจยอมรับให้ผ่านได้ 4 ประเด็น คือ 1.ไม่จัดลำดับความสำคัญปัญหา ไม่บรรเทาความเดือดร้อน ชัดเจนจัดงบฯให้กระทรวงกลาโหมมากที่สุด มากกว่ากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เกือบ 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่งบฯ สธ.ถูกปรับลดเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีถึงกว่า 4,000 ล้านบาท ทั้งกรมควบคุมโรค กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันวัคซีน หน่วยงานควบคุมโควิด เช่น การคัดกรอง การจัดหาชุดตรวจและบริหารจัดการวัคซีน ถูกตัดในช่วงจำเป็นสูงสุดด้านสาธารณสุข แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนงบฯเต็มที่ 2.ไม่คำนึงถึงปัญหาทุกข์ร้อนประชาชน ที่ต้องการสวัสดิการดูแลชีวิตประชาชน แต่งบฯกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กระทรวงแรงงาน ถูกตัดลดลงอย่างมาก รัฐบาลใจดำกับประชาชน 3.ไม่มีวิสัยทัศน์ ขาดการคิดวางแผนงบประมาณในการวางโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเตรียมให้ประเทศออกจากวิกฤติ เช่น การฟื้นฟูส่งเสริมกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี 4.สะท้อนถึงความอ่อนด้อยการบริหารจัดการ ไม่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นจะก้าวพ้นวิกฤติในอนาคตได้ จัดงบฯปี 2565 ชนเพดาน กู้ชดเชยขาดดุลเพิ่มไม่ได้อีกแล้ว ไม่รู้จักหาเงินเข้าประเทศ รู้จักแต่การกู้ นำมาใช้แบบไม่ก่อให้เกิดรายได้ งบประมาณประเทศที่ถูกจัดอย่างไร้ยุทธศาสตร์ไม่อาจยอมรับให้ผ่านสภาได้
“ประเสริฐ” สับ “ลุงตู่” มือไม่ถึงสร้างแต่หนี้
ต่อมาเวลา 11.58 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทยอภิปรายว่า จัดงบฯเหมือนสถานการณ์ปกติในช่วงวิกฤติโควิด ไม่เห็นความเดือดร้อนของประชาชน 7 ปีสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์มือไม่ถึง สร้างหนี้เพิ่มให้ประเทศ ตั้งงบฯลงทุนเพียง 20% หรือ 6.2 แสนล้านบาท แต่กลับตั้งงบฯซื้ออาวุธจำนวนมาก น่าห่วงรัฐวิสาหกิจ 52 แห่ง บางแห่งยังขาดทุน เช่น การบินไทย เป็นภาระงบฯตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจกว่า 50 แห่ง ล้วนเป็นทหารต่างตอบแทนพวกพ้อง ปล่อยให้ทุจริตคอร์รัปชัน เช่น องค์การคลังสินค้า (อคส.) สวาปามทั้งหน้ากากอนามัยและถุงมือยาง ขอตั้งข้อสังเกต 5 ข้อ 1.งบฯไม่สะท้อนปัญหา นายกฯไม่พูดถึงโควิด-19 ไม่จัดงบฯฟื้นฟูเศรษฐกิจ 2.ตลอด 7 ปีใช้งบฯสูงถึง 20.8 ล้านล้านบาท และจะใช้เพิ่ม 3.1 ล้านล้านบาท แต่เศรษฐกิจโตแค่ 1% เป็น “รัฐบาลเวรี่กู้” กู้เป็นอย่างเดียว 3.ไม่ลำดับความสำคัญตัดงบฯกระทรวงอื่นแต่เพิ่มให้กลาโหม กระทรวง สธ.กำลังต่อสู้กับโควิดแต่ถูกลดงบฯลงครั้งแรกในรอบ 12 ปี ตัดมากถึง 4.3 พันล้านบาท ศบค.ให้ทหารเข้ามาคุมยึดอำนาจสาธารณสุข ไม่มีความรู้ ล้มเหลวกระจายวัคซีนจัดให้จังหวัดพวกพ้อง จน ส.ส.รัฐบาลต้องออกมาทวงวัคซีน
ฉะไร้ประสิทธิภาพ ละเลยปราบโกง
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า 4.กระจายงบฯเอื้อพวกพ้อง ฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติแค่วาทกรรมสร้างภาพสวยหรู พื้นที่สีแดงได้วัคซีนน้อยกว่าพื้นที่สีเขียวและสีขาว วันที่ 7 มิ.ย. ที่คุยว่าปูพรมฉีดแอสตราเซเนกาจะติดโรคเลื่อนหรือไม่ ถ้ามีปัญหานายกฯต้องรับผิดชอบลาออก 5.งบฯองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ลดน้อยลง ทั้งที่เลื่อนจัดเก็บภาษีส่วนท้องถิ่นและจัดเก็บได้น้อยอยู่แล้ว แทนที่จะอุดหนุนท้องถิ่นลดความเหลื่อมล้ำ แต่หั่นงบฯ อปท. เหลือ 7.3 หมื่นล้านบาท ซ้ำยังจัดแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา ผลาญงบฯอุดหนุนเฉพาะกิจแทนที่จะจัดเป็นงบฯอุดหนุนทั่วไป ถ้ารัฐบาลกล้าให้เงินอุดหนุนส่วนท้องถิ่นป่านนี้ได้ฉีดวัคซีนไปแล้ว วันนี้เกิดวิกฤติศรัทธานายกฯถ้ายังปล่อยให้บริหารกำลังพาชาติเสี่ยงวินัยการเงินคลัง บริหารมา 7 ปี เพิ่งจะประกาศให้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันเป็นวาระแห่งชาติ เพราะถูกจัดลำดับให้ตกต่ำลงเรื่อยๆ ไม่มีความตั้งใจปราบปรามการทุจริตเลย
กก.อัดเละหมกเม็ดซ่อนงบซื้ออาวุธ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า รัฐบาลจัดงบขาดสามัญสำนึก ไม่รู้อะไรควรเร่งหรือชะลอ ประเทศเปรียบเหมือนบ้านที่พ่อแม่ล้มป่วย ตกงาน แต่ลูกทรพียังตื๊อซื้อของเล่นให้ได้ ประชาชนอยู่ท่ามกลางความเป็นความตาย ไม่รู้ว่าจะได้วัคซีนหรือฟอร์มาลินก่อนกัน จัดงบไร้สามัญสำนึกแล้ว ยังอำพรางหลอกลวงประชาชน แกล้งทำตัวเลขให้ภาพรวมลด ไปเจาะไส้ในกลับซุกซ่อนโครงการน่าละอาย เช่น งบกองทัพบก ปี 65 แม้ปรับลดลง 6,603 ล้านบาท แต่ถ้าไปดูงบจัดหายุทโธปกรณ์ปี 65 ได้งบ 4,937 ล้านบาท เพิ่มจากปี 64 ถึง 1,804 ล้านบาท หรือกองทัพเรือได้งบจัดหายุทโธปกรณ์ปี 65 รวม 1,405 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่ได้งบ 533 ล้านบาท ถึง 873 ล้านบาท กองทัพบกและกองทัพเรือได้งบจัดหายุทโธปกรณ์เพิ่มขึ้นถึง 2,678 ล้านบาท ถ้านำไปซื้อวัคซีนไฟเซอร์จะได้ 4.4 ล้านโดส ฉีดได้ 2.2 ล้านคน ซื้อวัคซีนแอสตราเซเนกาได้ 22 ล้านโดส ฉีดได้ 11 ล้านคน หรือซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ 22 ล้านเม็ด ช่วยชีวิตประชาชนหายใจเหนื่อยหอบได้ 446,000 คน เป็นพฤติกรรมแสร้งลดงบภาพรวมอำพรางแล้วแอบเพิ่มซื้ออาวุธ ประชาชนขาดวัคซีนขาดยา ไม่ได้ขาดปืนใหญ่ รถถัง
ไร้สำนึกหั่นเหี้ยน สธ.-ศธ.ไล่ไขก๊อก
นายวิโรจน์กล่าวว่า ขณะที่งบฯกระทรวง สธ. กรมควบคุมโรคหน่วยงานหลักสกัดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด ปี 65 ได้เพียง 3,565 ล้านบาท ขณะที่งบฯปี 64 อยู่ที่ 4,044 ล้านบาทลดลง 479 ล้านบาท แย่กว่านั้นเทียบกับงบฯปี 62 ยังไม่เจอโควิดได้รับ 4,036 ล้านบาท ถือว่างบฯปี 65 ได้น้อยกว่าปี 62 ถึง 470 ล้านบาท จัดงบไร้สามัญสำนึกที่สุด งบการศึกษาเด็กด้อยโอกาสปี 64 มีอยู่ 604 ล้านบาท ดูแลเด็กด้อยโอกาส 33,528 คน แต่ปี 65 มีเด็กด้อยโอกาสเพิ่มจากสถานการณ์โควิดเป็น 34,005 คน กลับถูกตัด 72 ล้านบาท เหลือ 532 ล้านบาท งบป้องกันประเทศถูกปรับลด 10,383 ล้านบาทคิดเป็น 4.9% แต่งบสาธารณสุขและงบการศึกษาถูกปรับลดลงมากกว่า งบฯสาธารณสุขถูกปรับลดลงถึง 37,207 ล้านบาทคิดเป็น 10.8% ขณะที่งบการศึกษาถูกปรับลดลงถึง 26,524 ล้านบาท คิดเป็น 5.5% ภายใต้นายกฯที่ไร้สามัญสำนึก อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ กล้าซุกซ่อนงบไร้กาลเทศะอยู่เต็มไปหมด ยืนยันไม่อาจรับงบฯปี 65 ได้ ขอให้รัฐบาลชุดนี้ลาออก อย่าอ้างสถานการณ์ที่ถูกรุมเร้าด้วยปัญหา ไม่ควร เปลี่ยนม้ากลางศึก แนะนำให้ลองก้มลงไปดูก่อน ถ้ารู้แน่ๆว่าที่ขี่อยู่ไม่ใช่ม้า ถ้าเปลี่ยนเป็นม้าได้เมื่อไหร่ก็คุ้ม
“ทวี” ซัดซุกนัยเพิ่มเหลื่อมล้ำทับซ้อน
จากนั้นเวลา 12.50 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า นายกฯใจดำมาก จัดงบฯแบบมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนเพื่อความปลอดภัยของรัฐบาล ครม. และคนร่ำรวยกลุ่มหนึ่ง ปล่อยให้ประชาชนอยู่ด้วยความทุกข์ยาก นายกฯตัดงบฯของสำนักงบฯที่คุมเองเพียง 13 ล้านบาท หรือ 1.24% แต่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตัดถึง 25% สำนักงานพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ตัด 24% งบกรมแรงงานดูแลคนตกงานกลับตัด 28% นายกฯสร้างความเหลื่อมล้ำเพิ่มพูนให้พวกพ้อง จัดงบฯมีผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ควรผ่าน ควรนำกลับไปทำใหม่ งบผูกพัน 1 แสนกว่าล้านบาท ควรนำไปช่วยประชาชนฟื้นฟูเยียวยามากกว่า
“ชาดา” บอก หน.หนูเขาไม่รักก็กลับบ้านเรา
ต่อมาเวลา 15.05 น. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่าครั้งนี้เป็นการทำงบฯไม่ให้เกียรติพี่น้องประชาชน สำนักงบฯตัดงบกระทรวง สธ.ลงแทบทุกกรมทุกส่วน ทั้งที่มีสถานการณ์โควิด-19 บอกว่าไปใช้งบฯกลางก็ทำได้ลำบาก เหมือนส่งทหารไปรบแต่ไม่ให้อาวุธ ไม่ให้สิ่งอำนวยความสะดวกไปด้วยแล้วคิดว่าศึกนี้จะชนะหรือ แบบนี้คือจัดงบฯไม่สนใจความรู้สึกประชาชน ไม่นึกถึงคนทำงานว่าต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆมากมาย งบฯกระทรวง สธ. 4 หมื่นล้านบาท น้อยนิด สิ่งสำคัญเบี้ยเลี้ยงเสี่ยงภัยของแพทย์ 6 พันกว่าล้านบาท ตั้งแต่โควิดรอบแรก จนวันนี้ท่านยังไม่เบิกจ่ายให้เขา แล้วแบบนี้จะอยู่กันอย่างไร ทำให้ประชาชน คนทำงานเจ็บปวด
อยากให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และสำนักงบฯไปที่ รพ.รัฐบ้าง ยังขาดแคลนอะไรบ้าง ในสถานการณ์โควิดยังตัดแม้แต่งบแพทย์ปฐมภูมิที่ดูแลประชาชนโดยตรง ใจดำมาก อยากให้สภาพัฒน์พิจารณาและดูบทบาทหน้าที่ตัวเองใหม่ แทนที่จะทำหน้าที่วิเคราะห์แนะนำรัฐบาล แต่กลับมาพิจารณางบเสียเอง “หรือสำนักงบฯคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่รักนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เสียแล้ว ท่านถึงได้ตัดงบฯแบบนี้ ผมก็อยากจะบอกว่าหัวหน้าครับถ้าเขาไม่รักก็กลับบ้านเราเถอะ” นายชาดากล่าว
ยำรัฐราชการสูบงบฯสวัสดิการปชช.
ช่วงบ่าย ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ยังสลับกันขึ้นมาอภิปราย โดย ส.ส.ฝ่ายค้าน อาทิ นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย นพ.ประสงค์ บูรณพงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไปในแนวทางเดียวกันพุ่งเป้าโจมตีการจัดทำงบฯแบบผิดฝาผิดตัว ไม่สอดคล้องสถานการณ์ ลดงบฯสาธารณสุขศึกษาสวัสดิการประชาชน ไม่มุ่งเน้นแก้ปัญหาโควิดและฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.กู้เงินที่ไม่มีรายละเอียดเหมือนตีเช็คเปล่า ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่างบฯปี 65 แสดงรัฐราชการใหญ่โตเทอะทะขึ้นเรื่อยๆ งบฯเงินเดือนและสวัสดิการข้าราชการสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่รัฐบาลเลือกตัดงบฯสวัสดิการประชาชน เช่น บัตรทอง งบฟื้นฟูประเทศ งบวิจัย การศึกษา เอสเอ็มอี
ปชป.-ภท.แท็กทีมขยี้จัดงบฯผิดแผน
กระทั่งเวลา 16.00 น. บรรยากาศเริ่มเข้มข้นขึ้นเมื่อ ส.ส.รัฐบาลทั้งพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ขึ้นมาอภิปรายท้วงติงการจัดงบฯปี 65 ว่าจัดสรรไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริง อาทิ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า จัดงบฯไม่ตอบโจทย์เศรษฐกิจการผลิตและเศรษฐกิจ ยุทธศาสตร์ 15 แผนมีแค่ 3 แผนที่เงินลงไปสู่เศรษฐกิจจริง คือการเกษตรสร้างมูลค่าเพิ่มรายได้ท่องเที่ยวการพัฒนาเอสเอ็มอีแต่ได้รับงบ 53,198 ล้านบาท หรือ 1.72 % ขณะที่เอสเอ็มอี ไทยเส้นเลือดใหญ่เศรษฐกิจมี 3 ล้านกว่ารายบาดเจ็บสาหัสเงินใส่ไปแค่นี้เหมือนเอายาแดงไปปฐมพยาบาลจะรอดชีวิตได้อย่างไร 2.เศรษฐกิจฐานราก ตั้งเป้าลดความยากจนได้งบฯ แค่ 1,642 ล้านบาทลดลงกว่าพันล้านบาท ประชากรเศรษฐกิจฐานรากมี 9.4 ล้านคน หารเฉลี่ยได้คนละ 174.75 บาทจะต่อชีวิตอย่างไร เทียบกับงบฯพัฒนาบุคลากรภาครัฐ 1.2 ล้านล้านบาท ต่างราวฟ้ากับเหว
“ภราดร” โวยหั่นงบฯท่องเที่ยว-จัด
ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ผิดหวังที่จัดสรรงบฯไม่เป็นไปตามสถานการณ์ประเทศ ตั้งแต่ 1.งบฯกลุ่มจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น จ.ศรีสะเกษ อ่างทอง หลายโครงการเป็นประโยชน์ต่อคนท้องถิ่นถูกตัดออก 2.งบฯกระทรวงการท่องเที่ยวฯ นายกฯมีนโยบายชัดเจนจะเปิดประเทศภายในสิ้นปีรองรับนักท่องเที่ยวปีที่ผ่านมาจัดสรรงบฯให้ ททท. 4.85 พันล้านบาท แต่งบฯปี 65 ได้แค่ 2.88 พันล้านบาทหายไป 2 พันล้านบาท แสดงว่าสำนักงบฯจัดสรรงบไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ไม่เป็นไปตามสถานการณ์ 3.กระทรวง สธ.ถูกตัดกว่า 4 พันล้านบาท ค่าตอบแทนอสม.โอนมาให้ไม่ครบ งบฯบัตรทองก็ถูกตัดกรมควบคุมโรคเคยได้ 4 พันล้านบาท ปีนี้เหลือ 3.5 พันล้านบาท ทั้งที่สำคัญอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ที่สำคัญกรมควบคุมโรคของบฯ 1.2 หมื่นล้านบาท ซื้อวัคซีน 70 ล้านโดสมาฉีดให้ประชาชน แต่กลับถูกตัดออก อ้างเหตุผลจะให้ไปใช้งบฯกลางหรืองบฯเงินกู้
“บิ๊กช้าง” แจงซื้ออาวุธใหม่แค่ 1 ใน 3
จากนั้นเวลา 19.00 น. พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงว่า กระทรวงกลาโหมได้งบฯปี 65 203,281 ล้านบาท ลดจากปีก่อน 11,248 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.24 ส่วนใหญ่ลดลงทุกรายการ มีแค่แผนงานบุคลากรภาครัฐปรับเพิ่มเป็นเรื่องบำเหน็จประจำปี งบรายจ่ายปี 65 แต่ละส่วนถูกปรับลดลงหมด อาทิ ทบ.ลดลง 6,603 ล้านบาท ทร.ลด 1,129 ล้านบาท ทอ.ลด 688 ล้านบาท การพัฒนายุทโธปกรณ์ กองทัพต้องเตรียมกำลังและยุทโธปกรณ์ให้พร้อม ประเทศไทยอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญเชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย มีผลประโยชน์ทางทะเลมูลค่า 24 ล้านล้านบาทต่อปี บางพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนกันอยู่ ต้องเตรียมกำลังไว้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มีการจัดหายุทโธปกรณ์ไม่เกิน 1 ใน 3 ส่วนที่เหลือใช้วิธีซ่อมบำรุง
“บิ๊กตู่” เมินขู่คว่ำโต้ประเคนงบพวกพ้อง
เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 ว่า ขอให้มั่นใจรัฐบาลเตรียมงบฯไว้พอแน่นอน โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข ขอร้องอย่าไปมองเพียงตัวเลขงบฯประจำ เรามีงบฯเงินกู้และเงินต่างๆด้านสาธารณสุขเพียงพอจัดหาวัคซีนอย่าไปกังวล แม้งบฯสธ.จะลดลงแต่ของกระทรวงยังมีงบสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และงบฯกองทุนรวมกันมากกว่างบฯกลาโหมแน่นอนรัฐบาลทำงบฯไม่ได้ทำเพื่อพวกพ้อง แต่ทำเพื่อประชาชน ไม่มีงบฯไหนไม่ถูกปรับลด ที่ฝ่ายค้านขู่คว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 วาระแรก “ก็เชิญเถอะครับ เป็นธรรมดาอยู่แล้วแหละ เขาคงไม่โหวตให้ผมหรอก ข้อสำคัญคิดถึงประชาชนกันบ้างหรือเปล่าเขารออะไรอยู่”
ภท.จ่อบอยคอตต่อสัมปทานบีทีเอส
วันเดียวกัน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและสภาองค์กรของผู้บริโภคจัดเสวนาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยโปรแกรม “Zoom” คัดค้าน ครม.ต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่มีข่าวกระทรวงมหาดไทยจะเสนอเข้า ครม.วันที่ 1 มิ.ย. โดย น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่าหวังว่าจะชะลอต่อสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ตั้งคณะทำงานจากทุกภาคส่วนหาทางออกร่วมกัน หากวันที่ 1 มิ.ย.มติ ครม.จะเก็บค่าโดยสาร 65 บาท ไปกลับ 130 บาทไม่ควรเป็นรัฐบาล เพราะไม่รักษาผลประโยชน์ แต่สร้างภาระให้ประชาชนไปอีก 30 ปี
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมไม่เห็นด้วย ได้ยื่นหนังสือคัดค้านถึงนายกฯถึงความครบถ้วนของสัญญาสัมปทาน เหตุใด กทม.ไม่สามารถชำระหนี้ได้ โอนหนี้ไปให้เอกชนได้หรือไม่ กทม. ไปตั้งบริษัท กรุงเทพธนาคมและไปจ้างบริษัทอื่นเดินรถ หลบเลี่ยงกฎหมายหรือไม่ หากบรรจุวาระเร่งด่วนให้ ครม.เห็นชอบ คิดว่ากระทรวงคมนาคมจะไม่เข้าร่วมพิจารณาใดๆ ส่วนตนอาจต้องยื่นฟ้องศาลปกครองอีกครั้ง