ก้าวไกล “ล้ม” พ.ร.ก.เงินกู้ อัดตู่ล้มเหลวท้าให้ยุบสภา รัฐบาลโต้โปร่งใส

ฝ่ายค้านแบ่งกรอบ 4 ด้านถล่ม พ.ร.บ.งบฯปี 65 “สุทิน” จ่อประจาน “รัฐบาลประยุทธ์” ฝันหวานผิดพลาดเกินจริง ตั้งโจทย์ผิดพาชาติติดหล่มก้าวไม่พ้นวิกฤติ ฉะดีแต่กู้ทะลุเพดานทุบระบบการเงินการคลังพัง ส่อเจตนาจัดสรรงบฯเอื้อพวกพ้อง ทอดทิ้งคนไทย “ทัศนีย์” จับตาผลาญเงินกู้หาเสียงล่วงหน้า “อรุณี” กระทุ้งลุงหมดสภาพไล่ออกไปพัก “อนุสรณ์” เสี้ยมพวกกันเองยุแยงตะแคงรั่ว หยันเรือแป๊ะไปไม่สุดพรรคร่วมฯจ่อโดดหนี “ก้าวไกล” ยันจุดยืนไม่รับร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน ไม่ไว้วางใจรัฐบาลล้มเหลวบริหารเงินต่อ ท้ายุบสภาฯตอนนี้พรรคร่วม รบ.เละดูไม่จืด โฆษกรัฐบาลขอให้มั่นใจใช้เงินกู้โปร่งใส โอ่เตรียมสารพัดโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

พรรคฝ่ายค้านโจมตีการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 และร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทอย่างต่อเนื่อง โดยตอกย้ำความล้มเหลวในหลายมิติ โดยพรรคเพื่อไทยวางกรอบอภิปรายความผิดพลาดล้มเหลวเป็น 4 ด้าน ขณะที่พรรคก้าวไกลยืนยันจุดยืนไม่รับร่าง พ.ร.ก.กู้เงินดังกล่าว

ฝ่ายค้านตี 4 กรอบขึงพืดขย่มงบฯปี 65

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีได้เวลาอภิปราย 22 ชั่วโมง ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 22 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน โดยพรรคเพื่อไทยได้เวลาอภิปราย 12 ชั่วโมง จะอภิปราย 4 กรอบใหญ่คือภาพรวมเศรษฐกิจสังคมของประเทศในปี 65 จะชี้ให้เห็นว่ารัฐประมาณการผิดพลาดเกินจริงว่าโควิดจะหาย เศรษฐกิจจะฟื้นตัว กรอบที่ 2ชี้ให้เห็นว่าเมื่อประเมินสถานการณ์ผิดพลาดแล้วมาตั้งโจทย์ผิดและตอบโจทย์พลาด จึงจัดงบฯกระตุ้นเศรษฐกิจและแก้ปัญหาโควิดน้อยกว่าควรจะเป็น จะพาประเทศออกจากวิกฤติไม่ได้ กรอบที่ 3 ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลจัดงบฯผิดพลาดและประเทศไม่มีโอกาสลืมหูลืมตาคือการกู้จนชนกรอบเพดานวินัยการเงินการคลัง อาจทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ระบบการเงินการคลังของประเทศพังในที่สุด และกรอบที่ 4 ชี้ให้เห็นถึงการปรับลดงบฯไม่สมดุล มีเจตนาเอื้อพวกพ้องและทอดทิ้งประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เช่น การปรับลดงบประมาณที่ไม่สมดุลบางกระทรวง เช่น กระทรวงกลาโหมที่ควรลดจำนวนมากแต่ไม่ปรับ ดันไปลดของกระทรวงที่ควรเพิ่มคือกระทรวงสาธารณสุข และยังมีอีกหลายด้านหลายยุทธศาสตร์ที่ดูแล้วเป็นการปรับลดไม่สมเหตุ–สมผล ไม่เป็นไปตามสภาวการณ์ของประเทศ

ท้าพรรคร่วมฯเลือกมารยาทหรือ ปชช.

นายสุทินกล่าวต่อว่า จากประสบการณ์2ปีรัฐบาลดื้อมาก เราเคยแนะนำในวาระที่ 1 ไปมากแต่ไม่เคยปรับแก้ คราวนี้คิดว่าเหมือนเดิม แต่อาจมีอะไรนอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้ เพราะซีกพรรคร่วมรัฐบาลมีแกนนำหลายพรรครู้สึกสอดคล้องกับเรา บ่นอึดอัดและรับไม่ได้กับงบประมาณฉบับนี้ อยู่ที่ว่าเขาจะเลือกเอามารยาททางการเมืองหรือเลือกประชาชน เป็นโจทย์ที่พรรคร่วมหลายพรรคกำลังคิดหนัก วันนี้และปีหน้าประชาชนยังลำบากอยู่มาก เดือดร้อนหนักหนา ไม่มีความหวัง หาทางออกไม่เจอ อยู่ที่พรรคร่วมรัฐบาลจะหาทางออกให้เขาหรือไม่

“ทัศนีย์” ซัดผู้นำกู้เงินสร้างฐานการเมือง

น.ส.ทัศนีย์ บูรณะปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การออก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เป็นโอกาสดีที่รัฐบาลใช้โควิดเป็นข้ออ้างขอกู้เงินให้เหตุผลจะนำเงินมาเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูประเทศ ทั้งที่การระบาดระลอกนี้เกิดจากความสะเพร่าของรัฐบาล ไร้มาตรการป้องกัน นายกฯใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนานนับปี หวังใช้กฎหมายสร้างอำนาจให้ตัวเอง ยังมีข้อครหามากมายในการใช้เงินกู้ของรัฐไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หลายฝ่ายเชื่อว่ารัฐบาลจะใช้เงินกู้ไปสร้างฐานการเมืองล่วงหน้าผ่านโครงการรัฐ หากอยากให้การเยียวยาถึงมือผู้เดือดร้อนจริง ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น

กระแทกลุงหมดสภาพก็ออกไปพัก

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กตั้งคำถามถึงงบฯด้านการศึกษา เหตุใดการศึกษาเด็กไทยไม่เคยอยู่ในหัวใจของรัฐบาล งบกระทรวงศึกษาธิการลดลงถึง 6.7% ใน พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และที่กู้มาใหม่อีก 5 แสนล้าน ยัง ไม่มีงบส่วนใดโอบอุ้มพัฒนาเด็กไทย เด็กทุกคนไม่ว่ารวยหรือจนต้องเข้าถึงการศึกษาดีที่สุดอย่างเสมอภาคกัน เข้าถึงคุณภาพการเรียนการสอนเท่าเทียมกัน ไม่ควรมีอุปสรรคใดที่มาขวางกั้นโอกาสทางการศึกษา รัฐบาลล้มเหลวการแก้ไขปัญหาระบบการศึกษา ล้มเหลวแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ล้มเหลวทั้งวิธีคิดจัดลำดับความสำคัญการตั้งงบฯ ล้มเหลวแล้วล้มเหลวอีกล้มเหลวซ้ำซากมา 7 ปีแล้ว ขอคืนการศึกษาให้แก่เยาวชนคืนความหวัง คืนอนาคตให้แก่ประเทศ อย่าให้ประเทศพังไปกว่านี้ อย่าให้มันสายไปกว่านี้เลย ถ้าลุงๆทั้งหลายเสื่อมสมรรถภาพทางปัญญาแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะทำให้ประเทศดีขึ้นได้ ขอแนะนำทำไม่ได้ก็ออกไปเถอะ ไปพักให้คนที่พร้อม ให้คนที่มีความรู้ความสามารถ ได้เข้ามากอบกู้สิ่งที่ลุงทำพังเถอะ

“อนุสรณ์” แซะคน รบ.ยุแยงกันเอง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนายกฯระบุพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ขัดแย้งเรื่องวัคซีน มีปัญหาเพราะคนยุแยงตะแคงรั่วว่า ถ้าจะมีคนยุแยงตะแคงรั่วอย่างที่ว่าน่าจะมาจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง แต่ละวันได้เห็นการแถลงของสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลเป็นความขัดแย้ง แม้แต่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเองยังตั้งโต๊ะแถลงเรียกร้องให้กระจายวัคซีนให้ทั่วถึง ส.ส.ภูมิใจไทยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายกฯดุเดือดหลายครั้ง ทั้งใช้หน่วยงานความมั่นคงนำการสาธารณสุข การบริหารจัดการของ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจรัฐมนตรีมาไว้เพียงคนเดียว พล.อ.ประยุทธ์ยังยอมรับว่ามีรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลแอบนินทาตัวเอง จากแอบนินทาเลยมาตั้งโต๊ะแถลงตำหนิรุนแรง เป็นหลักฐานความขัดแย้งแตกแยกเกิดจากพรรคร่วมรัฐบาลเอง จากนี้ไปเชื่อว่าความสับสนขัดแย้งแตกแยกจะคงอยู่ต่อไปชนิดที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งโต๊ะแถลงว่าพร้อมเลือกตั้งทุกเมื่อ

จะไม่ครบเทอมเหตุพรรคร่วมฯโดดหนี

นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า ช่วงเวลาที่เหลือจะได้เห็นความพยายามกระโดดหนีออกจากความล้มเหลว และปั่นคะแนนของแต่ละพรรค ต้องไม่ลืมว่าวันนี้แม้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แต่เมื่อเลือกตั้งทุกพรรคกลายเป็นคู่แข่งกันทันที เป็นวิกฤติช่วงรัฐบาลขาดความเชื่อมั่น ยิ่งมีวิกฤติเสถียรภาพรัฐบาล อายุรัฐบาลน่าจะเหลือน้อยเต็มที การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ขนาดการอภิปรายยังไม่เริ่ม ยังมีการอภิปรายนอกสภาฯจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ตำหนิข้อผิดพลาดการบริหารจัดการงบฯปี 65 เมื่อมีการอภิปรายจริง เสถียรภาพรัฐบาลที่มีปัญหาจะส่งผลต่อการพิจารณางบฯ 65 แน่นอน ที่สุดความอดทนของพรรคร่วมรัฐบาลต่อนายกฯจะสิ้นสุดลง ที่ผ่านมาแต่ละพรรคเห็นชัดแจ้งว่าเป็นเพียงนั่งร้านค้ำยันอำนาจให้นายกฯเท่านั้น จากนี้ไปจะมีความพยายามเอาตัวรอด จนรัฐบาลอยู่ไม่ได้ รัฐบาลจะอยู่ไม่ครบเทอมจะเกิดจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง

“ศิริกัญญา” โวยตัดเหี้ยนงบสวัสดิการ

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลฝ่ายนโยบายกล่าวถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 ว่า เราอยากเห็นการฟื้นฟูด้านสวัสดิการ เพราะการผ่านวิกฤติโควิด-19 เปิดแผลสำคัญของประเทศไทย ประชาชนเปราะบาง ไร้ความมั่นคงในชีวิต เมื่อมีวิกฤติมากระทบ จากคนเคยจนอยู่แล้วกลายเป็นจนลงไปอีก จากเคยมีรายได้กลางๆอาจกลายเป็นคนจนได้ในข้ามคืน เพราะประเทศไม่มีหลักประกันใดให้ประชาชน สิ่งที่เจอในงบฯปี 65 คืองบสวัสดิการถูกตัดอย่างถ้วนหน้า งบบัตรคนจนโดนตัด 2 หมื่นล้านบาท งบบัตรทองโดนตัด 1.8 พันล้านบาท งบประกันสังคมโดนตัด 2 หมื่นล้านบาท ยิ่งทำให้เวลาฟื้นตัวของประเทศไม่ได้สร้างความมั่นคงในชีวิตให้ประชาชนเลย การฟื้นฟูเอสเอ็มอี ปีกว่าๆที่ผ่านมามีทั้งเอสเอ็มอีถูกสั่งปิดหรือถูกผลกระทบเศรษฐกิจตกต่ำแต่ยังไม่เคยได้รับการช่วยเหลือเยียวยาทางตรงจากรัฐบาลเลยงบฯปี 65 เกี่ยวกับเอสเอ็มอีลดลงจาก 2.1 พันล้านบาท เหลือ 1.9 พันล้านบาท งบสนับสนุนสถาบันการเงินต่างๆที่จะช่วยเหลือสินเชื่อเอสเอ็มอีก็ถูกตัดลดลง

กก.ไม่รับร่าง ก.ม.กู้เงินไล่ “บิ๊กตู่” ไขก๊อก

เมื่อถามถึงแนวทางของพรรคก้าวไกลต่อการโหวต พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีมติไม่รับร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้ เหตุผลไม่ใช่ว่าไม่อนุญาตให้กู้เงินเพิ่ม แต่เราไม่ไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้ได้บริหารเงินต่อ เนื่องจากครั้งที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าไร้ประสิทธิภาพมาก หากพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ รัฐบาลต้องยุบสภา สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอยู่แล้วในยามที่ความเชื่อมั่นของรัฐบาลตกต่ำ รัฐบาลต่างๆทั่วโลกจะใช้วิธีการให้หัวหน้ารัฐบาลลาออกหรือยุบสภา เพื่อจะกลับไปถามมติจากประชาชนอีกครั้งหนึ่งว่ายังไว้วางใจให้รัฐบาลชุดเดิมบริหารงานต่อหรือไม่ เช่น ประเทศสิงคโปร์เมื่อปีที่แล้วท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 มีการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ นายกฯของหลายประเทศลาออก แสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารงานผิดพลาดเรื่องโควิด-19

ยุบสภาตอนนี้พรรค รบ.ดูไม่จืด

น.ส.ศิริกัญญากล่าวอีกว่า ถ้าต้องยุบสภาเพราะร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้ไม่ผ่าน ไม่มีปัญหาพรรคพร้อมจะลงสนามเลือกตั้งครั้งใหม่อยู่แล้ว แต่ทางกลับกัน คิดว่าเป็นการขู่ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯที่ไม่ได้ขู่พรรคฝ่ายค้าน แต่ขู่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ช่วงนี้เราจะได้ยินข่าวรอยปริร้าวความบาดหมางระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลมาโดยตลอด เรื่องของนายกฯกับรองนายกฯได้ยินมาบ่อยแล้ว พรรคประชาธิปัตย์เองมีคลื่นจากภายในพรรคด้วยกันเอง ที่เสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ถ้ายุบสภาตอนนี้คงดูไม่จืดสำหรับพรรคร่วมรัฐบาล ความนิยมตอนนี้ตกต่ำมากเหลือเกิน หลังจากมีความผิดพลาดเรื่องการจัดหาและกระจายวัคซีนมาโดยตลอด

มติ ปชป.เห็นชอบงบฯ 65 วาระที่ 1

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 ในวาระแรกวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย.ว่า มี ส.ส.เสนอตัวอภิปรายวาระแรก 13 คน ทุกคนทำการบ้านเตรียมข้อมูลเต็มที่ นำทีมโดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ นายกนก วงษ์ตระหง่าน นายเกียรติ สิทธีอมร พรรคได้เวลา 138 นาที วาระรับหลักการ ส.ส.จะอภิปรายถึงแหล่งที่มาและประมาณการรายได้ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ และที่สำคัญความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาต่างๆ หลักการต้องอยู่ภายใต้กรอบวินัยทางการเงินการคลังของรัฐ และสภาพปัญหาในพื้นที่ต่างๆ พรรคจะยึดหลักการอภิปรายมุ่งตอบสนองความต้องการของประชาชนและประเทศเป็นสำคัญ ในการประชุม ส.ส.พรรคเมื่อ 26 พ.ค. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในวาระที่หนึ่งคือรับหลักการเท่านั้น

รบ.ขอมั่นใจใช้เงินกู้ 5 แสน ล.โปร่งใส

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ.2564 ไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. กำหนด 3 แผนใช้อย่างชัดเจน ได้แก่ 1.แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดโควิด-19 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการแพทย์และสาธารณสุข การวิจัยและพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ 2.แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือ เยียวยา หรือชดเชยให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ ซึ่งได้รับผลกระทบโควิด-19 วงเงิน 3 แสนล้านบาท เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ช่วยผู้ประกอบอาชีพและผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่อง และ 3.แผนงานหรือโครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบวงเงิน 170,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับแผนงาน/โครงการ เพื่อรักษาระดับการจ้างงาน กระตุ้นการลงทุนและการบริโภค กรณีจำเป็น ครม.อนุมัติปรับกรอบวงเงิน เพื่อสอดคล้องสถานการณ์รัฐบาลได้กำหนดชัดเจนใน พ.ร.ก.ฉบับนี้ ว่าเงินกู้ 5 แสนล้านบาทนี้ จะนำไปใช้เพื่อการอื่นนอกจาก 3 แผนงานไม่ได้เด็ดขาด จึงขอให้ประชาชนมั่นใจเจตนารัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดโควิด-19 อย่างแท้จริง มั่นใจความโปร่งใส เจตนาใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

แจงเบิกจ่ายเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท

นายอนุชากล่าวว่า สำหรับ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท พ.ศ.2563 ณ วันที่ 21 พ.ค.64 ครม.อนุมัติโครงการแล้ว 287 โครงการ รวมทั้งสิ้น 817,223 ล้านบาท และเบิกจ่ายแล้ว 680,099 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.22 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปี 63 มีอัตราตัวเลขหดตัวในปริมาณที่ดีกว่าที่หลายหน่วยงาน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไอเอ็มเอฟคาดการณ์ไว้ ส่วนที่เหลือรัฐบาลเตรียมออกมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจอื่นๆ ครม.อนุมัติหลักการแล้ว เช่น โครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” และโครงการช่วยเหลือประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนกลุ่มผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ กระทรวงการคลังจะเสนอรายละเอียดโครงการให้ ครม.พิจารณาในระยะต่อไป สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ระลอกนี้แพร่กระจายรวดเร็ว ติดเชื้อเป็นวงกว้างทั่วประเทศ ทำให้ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จำเป็นเร่งด่วนต้องเตรียมงบฯเพิ่มเติมรองรับให้ระบบเศรษฐกิจและสังคมประเทศกลับสู่สภาวะปกติได้เร็ว

“ธนกร” จวก “ธนาธร” อวดเก่งทุกเรื่อง

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าเสนอแนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ถึงวิธีพาประเทศพ้นวิกฤติโควิด-19 ว่า การเสนอแนะอะไรที่เป็นประโยชน์รัฐบาลรับฟัง แต่นายธนาธรชอบอวดเก่ง เก่งแต่พูดโชว์ความฉลาด แต่ทำอะไรไม่เคยสำเร็จ คนไทยยังจำไฮเปอร์ลูบได้ดี นายธนาธรมักอาศัยจังหวะออกมาโจมตีรัฐบาลลักษณะเสนอแนะอยู่ร่ำไป การแก้ปัญหาโควิด-19 รัฐบาลยังคงเดินหน้าตามแผน แต่บางครั้งต้องปรับแผนบ้างเพื่อให้ทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขอให้นายธนาธรดูเป้าหมายหลักอย่าจุกจิก ทางที่ดีควรไปดูแลเครือข่ายให้หยุดปั่นกระแสหรือสร้างเฟกนิวส์เรื่องโควิดดีกว่า หยุดโชว์ความฉลาดบ้าง

จี้ “พิธา” สอบลูกพรรคปั้นน้ำเป็นตัว

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวหา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐและ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลได้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ส.ส.พรรคฝ่ายค้านได้ฉีดวัคซีนซิโนแวคว่า เข้าใจว่าต้องการสร้างประเด็นกลบกระแสกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลไม่พอใจ ส.ส.ก้าวไกลเข้าฉีดวัคซีนซิโนแวค ถูกวิจารณ์ว่าฉีดไปด่าไป เกรงกระทบต่อฐานเสียง จึงพยายามสร้างเรื่องขึ้นมาแก้เกี้ยว สร้างความเกลียดชังในสังคม ใช้เกมทางการเมืองทำลายฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้จริยธรรม ปั้นน้ำเป็นตัว ทำตัวเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ใส่ร้ายเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติ จึงเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลตรวจสอบพฤติกรรมและมีบทลงโทษ หากเพิกเฉยยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์พรรคเด็กเลี้ยงแกะ

“พิมพ์รพี” บี้ดีอีเอสฟัน “ประเสริฐพงษ์”

น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าได้ไปฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 2 อยู่ในเหตุการณ์วันที่นายประเสริฐพงษ์ฉีดวัคซีนที่ รพ.กระบี่ ยังได้บอกกับนายประเสริฐ-พงษ์ด้วย จะบอกว่าได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อนคงไม่ได้ บุคลากรทางการแพทย์ จ.กระบี่ ไม่มีการสอบถามว่าเป็นนักการเมืองซีกไหน ทำหน้าที่สมเกียรติภูมินักรบชุดขาว ขอเรียกร้องให้ รมว.ดีอีเอสดำเนินคดีในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จและขอให้คณะ กมธ.กิจการสภาฯสอบสวนเรื่องนี้โดยด่วน นอกจากสร้างความเสื่อมเสียให้สภาฯแล้วยังก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม อันอาจกระทบต่อความมั่นคงของรัฐในภาวะวิกฤติด้วย และอยากให้มีการยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.สอบจริยธรรมร้ายแรงเพื่อส่งศาลฎีกาถอดถอนออกจาก ส.ส.ด้วย

กก.โต้ดราม่าฉีดวัคซีน ส.ส. 2 ขั้ว

นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ส.ส.รัฐบาลรุมถล่มหลังทวีตข้อความระบุ ส.ส.พลังประชารัฐและ ส.ส.รัฐบาลได้ฉีดแอสตราเซเนกา แต่พรรคฝ่ายค้านได้ฉีดซิโนแวคว่า ไม่ได้บิดเบือน ตนอายุยังไม่ถึง 60 ปีได้ฉีดซิโนแวค ก่อนฉีดมี ส.ส.ถูกถามว่าเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ถามเพื่ออะไรมิหนำซ้ำในเอกสารใบรับนัด ไม่ได้เขียนว่าฉีดวัคซีนยี่ห้ออะไรจนต้องโทร.กลับไปถาม ได้รับคำตอบว่าวัคซีนซิโนแวค ทำไมไม่กล้าเขียนในเอกสาร แสดงว่ามีการใช้ดุลพินิจการฉีดวัคซีนให้ ส.ส.จริง รัฐบาลไม่เคยบอกประชาชนว่าแอสตราเซเนกากระจายไปที่ไหน ฉีดให้ใครไปแล้ว ส่วนที่มี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลบางคนนำหลักฐานมาโชว์ว่าได้ฉีดซิโนแวคก็ดีแล้ว ไม่คิดตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพวัคซีนตัวนี้ จนต้องยินยอมรับการฉีดหลับหูหลับตาเชื่อรัฐบาลก็เรื่องของเขา แต่ตนเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านมีสิทธิตั้งคำถาม นำข้อมูลจริงมาทวีตลงทวิตเตอร์ ตอบโต้ของ ส.ส.รัฐบาลก็วาทะเดิมๆว่าเราโกหกทั้งที่มีส่วนจริง เท่ากับรัฐบาลยอมรับว่ามี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลได้รับการฉีดวัคซีนแอสตรา-เซเนกา ที่ประชาชนเชื่อว่ามีคุณภาพที่ดีกว่าจริง โดยไม่เอาอายุเป็นเกณฑ์ตามที่อ้างกัน แน่นอนว่ามี ส.ส.ส่วนน้อยที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค เชื่อว่ามี ส.ส.ฝ่ายค้านบางคนได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา โดยไม่ได้เอาอายุเป็นเกณฑ์ตามที่แพทย์หรือกระทรวงสาธารณสุขอ้าง ขอท้าว่าให้เปิดรายชื่อและอายุ ส.ส.กับวัคซีนที่ได้รับ

10 พรรคเล็กนัดทบทวนบทบาท

เมื่อเวลา 16.00 น. นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม กลุ่ม 10 พรรคเล็ก ร่วมรัฐบาล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “นัดหารือกำหนดท่าที 10 พรรคการเมืองในการทบทวนการทำงานร่วมรัฐบาลและการอภิปรายงบฯปี 65 วันที่ 31 พ.ค. เวลา 10.00 น. ชั้น 5 ห้องประชุมร่วม 10 พรรค เรียนเชิญหัวหน้าพรรคการเมือง เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน” ต่อมาเวลา 17.00 น. นายพีระวิทย์ระบุอีกครั้งว่า ก่อนอื่นต้องอธิบายจะได้ไม่มาใส่ความดราม่ากัน 1.การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ควรมีส่วนพูดคุยหารือแนวทางร่วมกัน ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้เวลาประชาชนถามพรรคร่วมรัฐบาลเราไม่มีคำตอบ 2.เวลาอภิปรายงบฯเดิมได้รับจัดสรรพรรคละ 54 วินาที (รวม 8 นาที) ตอนนี้เพิ่มเป็น 26 นาที พรรคเล็กต้องหารือบริหารจัดการเวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“กวิ้น” ร่วมยืนหยุดขังหน้าศาลฎีกา

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดยนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ นัดแนวร่วมชุมนุม “ยืนหยุดขัง” 1.12 ชม. เป็นวันที่ 67 เรียกร้องให้ศาลให้ประกันตัวแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรที่ยังถูกคุมขังในเรือนจำ อาทิ นายอานนท์ นำภา นายภานุพงษ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง โดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร ที่ศาลปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 11 พ.ค.พร้อมนางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เข้าร่วม นายพริษฐ์กล่าวว่า การต่อสู้นับจากนี้ยังเหมือนเดิม คือเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบัน ขณะอยู่ในเรือนจำมีความพยายามเกลี้ยกล่อมว่าหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวแล้วอย่าพูดพาดพิง