“ครม.” เครียด “ปู”สั่งจี้ รมต.ทุกกระทรวง ส่งการบ้านแผนฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม ขีดเส้นตายเที่ยงศุกร์นี้ ทำให้ รมต.สั่ง ขรก.เตรียมข้อมูลด่วน ด้าน“กิตติรัตน์”น้ำตาคลออีก เหตุน้ำท่วมถล่มอุตสาหกรรมพังยับ...
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุมครม. เมื่อวันที่ 18 ต.ค. การประชุมในช่วงแรกมีรัฐมนตรีมาอย่างบางตา เพราะต่างคิดว่าคงไม่มีเรื่องพิจารณาอะไรมากมาย นอกจากเรื่องน้ำท่วม ทำให้การประชุมล่าช้าต้องเริ่มในเวลา 09.40 น. โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกเรื่องการช่วยเหลือดูแลฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยหารือกับรัฐมนตรีเป็นรายกระทรวงในทันที ทำให้บรรดารัฐมนตรีต่างต้องรีบเข้ามาในที่ประชุม และบางคนต้องรีบโทรศัพท์สั่งการไปยังข้าราชการในสังกัด เพื่อให้เตรียมข้อมูลการวางแผนงานตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รับผิดชอบ สั่งเป็นการบ้านให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงรับผิดชอบอย่างละเอียด และจัดเป็นหมวดหมู่ใหม่ ทั้งยังกำชับให้เร่งส่งการบ้านเป็นการด่วน
พร้อมทั้งมอบให้ไปจัดวางแผนแก้ปัญหาระยะยาว 4 ระยะ จนทำให้รัฐมนตรีบางคนถึงกับแสดงความกังวล และขอหารือกับครม.ว่า งานที่ตัวเองได้รับนั้นเหมือนหรือแตกต่างจากที่เคยได้รับอย่างไรหรือไม่ เช่น นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยทั้ง 2 คนแสดงความวิตกกังวลและขอส่งแผนงานในวันจันทร์ที่ 24 ต.ค. ได้หรือไม่ แต่ได้รับการปฏิเสธจากนายกรัฐมนตรี พร้อมได้กำชับอีกว่า อย่างน้อยทุกกระทรวงต้องส่งภายในเที่ยงวันของวันศุกร์ที่ 21 ต.ค.นี้ แม้ว่าแผนจะไม่เสร็จทั้งหมด แต่จะขอเท่าที่ทำได้มากที่สุด ส่วนแผนการแก้ปัญหาระยะยาวได้อนุโลมให้ส่งวันจันทร์ได้
...
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวกับครม.ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และมีน้ำตาคลอเบ้า จนรัฐมนตรีที่นั่งข้างๆ แซวว่า “อย่าร้องไห้นะ” และได้เน้นย้ำว่า อุทกภัยที่เกิดขึ้นครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบและเกิดความเสียหายมหาศาล จึงต้องเตรียมการรับมือเอาไว้ แม้เข้าสู่ช่วงเดือนตุลาคมแล้วแต่ฝนยังไม่หยุดตกจนไปถึงเดือนพฤศจิกายน หากมีวางแผนระยะยาวไม่ดีพอ อีกไม่ถึง 6 เดือน ถ้าน้ำเติมเข้ามาอีก ปัญหาก็จะกลับมาเหมือนเดิมอีก ดังนั้นต้องดำเนินการอะไรขึ้นมาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น หรือจะกู้เงินเท่าไหร่ก็ต้องกู้
นายอาคม เติมพิทยาพสิฐ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ กล่าวว่า รัฐบาลต้องทำแผนระยะยาว ส่วนแผนระยะสั้นที่จะเร่งฟื้นฟูก็ต้องระมัดระวังและทำอย่างสุดกำลังความสามารถ โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้าย เพื่อให้จีดีพีเท่ากับปีที่แล้ว ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ขณะนี้ไม่อยากให้คิดว่าจะไปกู้เงินจากไหนและกู้เท่าไหร่ แต่อยากให้คิดว่าจะกู้เงินเพื่อไปทำอะไร โดยต้องสื่อสารกับหน่วยงานใต้สังกัดด้วยว่าการกู้เงินมานั้นไม่ใช่แค่จะมาสร้างโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ต้องคิดกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไปด้วย
เช่นเดียวกับนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ภาคอุตสาหกรรมสูญเสียมากและกอบกู้ได้ยาก แต่หลังน้ำลดแล้ว เราจะทำอย่างไร โรงงานต่างๆควรอยู่ที่เดิมหรือย้ายไปไหน จะต้องมีแผนไปบอกผู้ประกอบการว่า รัฐบาลมีแผนในการแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาวอย่างไร เพราะขณะนี้โรงงานต่างๆ ถามตนว่าจะทำอย่างไร รวมทั้งโรงงานที่น้ำยังไม่ท่วมจะต้องทำแนวป้องกันอย่างไร ซึ่งจะต้องไปพูดคุยทำความเข้าใจและมีแนวทางออกมา เพื่อให้ผู้ประกอบการเกิดความเชื่อมั่น
ขณะที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า มีบางโรงงานติดต่อมายังตนเพื่อขอพื้นที่ 2.5 หมื่นตารางเมตร ในการขนย้ายเครื่องจักรมาเก็บรักษาไว้ ซึ่งต้องเป็นพื้นที่สูง น้ำไม่ถึง และมีระบบจัดการที่ดี ไม่ทำให้เครื่องจักรได้รับความเสียหาย
จนทำให้ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รีบพูดว่า ทำไมโรงงานเหล่านั้นถึงไม่ติดต่อมาที่ตน ทั้งที่ตนก็เตรียมการไว้แล้วว่าจะใช้รถของทหาร ขสมก. หรือรถของกระทรวงคมนาคมไปขนย้าย จนทำให้นายกฯ ต้องกล่าวแย้งขึ้นว่า อย่าไปยึดติดว่าจะรถของหน่วยงานของรัฐหรือไม่ เพราะหากระบบการขนย้ายไม่ดี อาจทำให้ความเสียหายมากขึ้นอีก ถ้าจำเป็นต้องจัดจ้างเอกชนที่เป็นมืออาชพในการขนย้ายก็ทำไป เพราะขณะนี้โรงงานต่างๆเสียหายอย่างหนัก และขอฝากกระทรวงพาณิชย์ ช่วยไปหาข้อมูลว่ามีบริษัทใดเป็นมืออาชีพในการขนย้ายเครื่องจักรขนาดใหญ่ ทางรัฐบาลยินดีออกค่าใช้จ่ายในการขนย้าย
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลที่ได้ดำเนินการมายังไม่มีใครต่อว่า ซึ่งหากไม่มีเรื่องน้ำท่วม ทางพรรคประชาธิปัตย์คงโจมตีรัฐบาลมากกว่านี้ อย่างเรื่องนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมส์ ทนายความพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มันก็เป็นเรื่องของบิดเบือน เพราะที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ ก็ต้องการให้ศอฉ.ออกพรก.ฉุกเฉิน แล้วให้ประกาศให้นายโรเบิร์ต เป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้าประเทศไทย
แต่มาตอนนี้ก็หยิบยกเรื่องนี้มาอีก ทั้งๆที่ไม่ได้มีหมายจับ ไม่มีอะไรเลย เรื่องนี้มันก็น้องๆเรื่องหมายแดงของอินเตอร์โพลล์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ไม่เคยมีเลย แต่นี่มาเกิดน้ำท่วม ฝ่ายค้านก็เลยทำได้แค่เบาะๆ ถ้าไม่มีน้ำท่วมจะยิ่งกว่านี้ ภัยที่เกิดขึ้นขณะนี้ ต้องเห็นใจนายกฯ ซึ่งไม่ใช่ว่ารัฐบาลเตรียมการป้องกันไม่ดีหรือไม่เต็มที่ แต่มันเป็นภัยธรรมชาติ