นายกฯ ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ของ"แอสตราเซเนกา" ยัน คนไทยทุกคนได้ฉีดแน่ ชู 2 นิ้ว สู้ๆพร้อมรับ "วัคซีนพาสปอร์ตและหน้ากาก" เป็นสัญลักษณ์ว่าฉีดครบแล้ว
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 พ.ค. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ สถาบันบำราศนราดูร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางเข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 2 หลังฉีดวัคซีนเข็มแรกไปเมื่อวันที่ 16 มี.ค. โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ต้อนรับ
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ร่วมฉีดเข็ม 2 ด้วย ทั้งนี้ ก่อนฉีดนายกฯ ได้ตรวจวัดความดันอยู่ที่ 166 โดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ฉีดให้กับนายกฯ จากนั้นนายกฯ พักรอดูอาการ พร้อมกล่าวว่า ขอให้เชื่อมั่นในประสิทธิภาพวัคซีนที่เรามีอยู่ทั้ง 2 ยี่ห้อ หรือแม้กระทั่งยี่ห้ออื่นที่เราจะจัดหาเพิ่มเติมได้ เพราะเรามีการตรวจสอบรัดกุมอย่างรอบคอบ ให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานทางด้านสาธารณสุขของเราด้วย นั่นคือประเด็นสำคัญวันนี้ ตนก็มาฉีดเพราะตนไว้ใจในการตรวจสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องประสิทธิภาพความปลอดภัย ก็คงอาจจะมีผลข้างเคียงอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
...
นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนต้องฟังคำเตือนของหมอ ก่อนมาฉีดต้องทำอย่างไร พักผ่อนให้เพียงพอ หลังฉีดแล้วพักรอดูอาการ ถ้ามีอาการอย่างไรก็ปรึกษาแพทย์ แพทย์ก็ดูแลให้ ซึ่งเป็นแนวทางที่มอบหมายให้ ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้ประชุมชี้แจง
นายกฯ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญวันนี้ก็คือในเรื่องของการกระจายสถานที่ฉีดวัคซีนไปให้ทั่วถึง จะเห็นได้ว่ามีทั้งของรัฐ ของเอกชน ของภาคธุรกิจ ที่เขาเตรียมพื้นที่เหล่านี้ไว้ ซึ่งทุกพื้นที่จำเป็นต้องมีผู้ฉีดด้วย ซึ่งก็คงต้องเป็นหมอและบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล เป็นผู้ฉีด บางแห่งก็มีมากมีน้อย บางแห่งก็ยังไม่มี ซึ่งเราก็จะจัดหาเพิ่มเติมให้เท่าที่จะทำได้ วันนี้ต้องขอขอบคุณประชาชนเข้ามาในหมอพร้อมจำนวนมากพอสมควร วันนี้เราจำเป็นต้องมาพิจารณาในเรื่องของการแพร่ระบาดระลอกใหม่ตรงนี้ เพราะมีบางพื้นที่ที่เป็นอันตรายมาก ปานกลาง อันตรายน้อย ฉะนั้นเราจำเป็นต้องมีการปรับเรื่องวัคซีนนิดนึง แต่ก็ยืนยันว่าทุกคนได้ฉีดแน่ๆ พื้นที่ใดที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน หรือได้รับฉีดวัคซีนน้อย ก็ขอให้เข้มงวดกับตัวเอง ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ไม่เข้าไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ที่เราจำเป็นต้องปรับปริมาณวัคซีน เพราะขึ้นอยู่กับวัคซีนที่เข้ามา เข้าแล้ว กำลังนำเข้า หรืออยู่ในขั้นตอนเจรจาก็มีหลายประเภทด้วยกัน เมื่อได้มาครบทุกอย่างมันก็จะเร็วขึ้น ตนก็คิดถึงขีดความสามารถของด้านสาธารณสุขไทยเรา ที่สามารถดำเนินการได้ในเรื่องนี้ และวันนี้สถานการณ์สำคัญมี 2 สถานการณ์ด้วยกัน คือปริมาณวัคซีนที่มีอยู่และขีดความสามารถในการให้บริการของเจ้าหน้าที่ ส่วนเรื่องสถานที่ไม่มีปัญหา และสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งวันนี้มีหลายจังหวัดที่เป็นสีแดง และก็มีหลายกลุ่มที่มีอันตราย เช่น แรงงานเกี่ยวกับการก่อสร้าง และวันนี้เราก็ให้ความสำคัญกับแรงงานที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมด้วย เพราะเป็นแหล่งสร้างงานและเป็นแหล่งที่ผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก กลุ่มต่อไปที่ต้องให้ความสำคัญคือครู เพราะกำลังจะเปิดโรงเรียน ต่อไปคือกลุ่มที่มีการแพร่ระบาดในกรุงเทพฯ ช่วงนี้ ซึ่งหลายๆ กลุ่มเพิ่มเติมเข้ามา
“อย่างไรก็ตามขอให้มั่นใจว่า เราน่าจะสามารถที่จะบริหารได้ เพียงแต่เราต้องการความเข้าใจ ไม่ต้องการให้ใครเอาไปบิดเบือน การทำงานมันต้องมีปัญหา เมื่อมีปัญหาเราก็ต้องแก้ไข ไม่มีสูตรใดสูตรหนึ่งสูตรเดียวที่มันทำได้ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปทุกวัน วันนี้ผมก็ได้คุยกับรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานของสาธารณสุข อธิบดีต่างๆ นี่คือการบริหารในภาพรวม และในต่างจังหวัดผมก็ได้หารือร่วมกันกับ รมว.มหาดไทย ในฐานะที่กำกับดูแลทุกจังหวัดร่วมกับ สสจ. หน่วยงานสาธารณสุขของจังหวัด ฉะนั้นมีการปรับแก้ตลอดเวลา ถ้าวัคซีนมาพอก็เป็นไปตามแผน ถ้าวัคซีนมาน้อยกว่าก็ต้องปรับแผน ถ้าวัคซีนมามากกว่านั้นก็ปรับแผนอีก วันนี้สิ่งสำคัญคือเรื่องของการฉีดผู้ที่เข้าหมอพร้อม ก็อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง ที่เข้าหมอพร้อมแล้วขยับไปนิดหนึ่ง เพราะวัคซีนในเมื่อยังมาไม่ถึงและมีความเร่งด่วนก็ต้องปรับ แต่อย่างไรก็ตามยืนยันว่าได้ฉีดทุกคน ช้าบ้างเร็วบ้าง ขณะนี้ทุกคนถ้าในพื้นที่ที่ยังไม่เป็นอะไรมาก ก็มีหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องขอร้องแล้วกัน ขอทำความเข้าใจแล้วกัน อย่าบิดเบือนกัน ฟังหมอที่อยู่ในระบบชี้แจง ยืนยันว่าหมอทุกคนหวังดี แต่อยากให้ฟังในระบบชี้แจง ชี้แจงทีเดียวมันก็จบ พูดกันหลายที่บางทีก็ไม่ตรงกันประชาชนก็จะสับสน
ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้กล่าวสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการบริหารจัดการหลังพบโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย และแอฟริกาใต้ ระบาดในไทยว่า วันนี้ต้องถือว่าเชื้อไปเกิดที่นั่นที่นี่ ที่อาจจะเรียกว่ากลายพันธุ์ทำนองนี้ แต่วันนี้ตนได้รับการยืนยันจากทางด้านสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่า วัคซีนที่มีอยู่ก็ดูแลได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนด้วย ถ้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดและปล่อยตัวเองจนสถานการณ์รุนแรงขึ้น เมื่อมาหาหมอก็ไม่ทันแล้ว วัคซีนอะไรก็ใช้ไม่ได้ ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ วันนี้มีทั้งยารักษา ยาฉีด ยากิน ยาฟาวิพิราเวียร์ เราก็มีเพียงพอ ใช้ตามความลำดับรุนแรงของโรค ของคนไข้ ก็ไม่อยากให้ทุกคนประมาท และไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนก และฟังแพทย์
วันนี้เราต้องคำนึงถึงตัวเอง ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ ไปด้วยกัน เราจะได้รู้ว่าเราเดินหน้ามาทุกวิธีแล้วหรือยัง เพราะตนมองเป้าหมายของคนทั้งประเทศเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องดูแล ถ้ามองเป้าหมายแล้วย้อนกลับไปว่าเราจะทำอะไรลงไป เพราะปริมาณมันไม่เท่ากัน จากข้างนอกเข้ามาเป้าหมายมันเยอะ 50-60-70 ล้านคน แต่เรามีปริมาณผู้ฉีด ปริมาณของ ปริมาณวัคซีนเท่านี้ ทำอย่างไรที่จะบริหารส่วนน้อยไปหาส่วนใหญ่ได้ ก็ต้องค่อยๆ ที่ไหนรุนแรงก็ดูแลมากหน่อย ขอให้มั่นใจแล้วกัน และไปพบแพทย์ให้ทันเวลา ไม่ว่าจะเชื้ออะไรก็ตามอย่าปิดบังกันเท่านั้นเอง ขอให้มั่นใจ
จากนั้น อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้มอบวัคซีนพาสปอร์ตให้กับนายกฯ และที่ใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ โดยแนบกับหนังสือเดินทางเพื่อเป็นการยืนยันว่าปราศจากเชื้อโควิดและได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว 2 โดส ขณะที่นายกฯได้โชว์พาสปอร์ตให้กับสื่อมวลชน โดยนายกฯย้ำว่า ยังต้องมีการกักตัว 14 วัน ตามมาตรการสาธารณสุข
พร้อมกันนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหน้ากากอนามัยผ้าที่มีข้อความว่า “#l got my shot(DDC)#ฉีดช่วยชาติ”และสัญลักษณ์ ชู 2 นิ้ว ที่หมายถึงชัยชนะหรือสู้ๆ ให้กับนายกฯ โดยนายกฯ กล่าวว่า “วันนี้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจะได้รับวัคซีนพาสปอร์ตและหน้ากากเป็นสัญลักษณ์ว่าฉีดแล้วครบแล้ว มาช่วยกันฉีดช่วยชาติ ช่วยกันทำเพื่อชาติ เพื่อประชาชนของเราทุกคน รักกันมากๆ สามัคคีกันมากๆ ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ เราจะต้องชนะไปด้วยกัน ขอบคุณมาก” โดยนายกฯ ได้ชู 2 นิ้ว สัญลักษณ์สู้ๆ จากนั้น นายกฯเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ขบวนรถนายกฯ ผ่านประชาชนและสื่อมวลชน นายกฯ ได้ลดกระจกลงพร้อมชู 2 นิ้ว ก่อนเดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อปฏิบัติภารกิจ
ขณะที่ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนเองได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกก็ไม่มีอาการแต่อย่างใดรวมถึงเข็มที่ 2 ก็ไม่มีอาการอะไรเช่นกัน จึงอยากเชิญชวนให้ลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนผ่านทางระบบหมอพร้อม สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ก็ไม่ต้องกังวล เพราะรัฐบาลจะมีการกระจายวัคซีนฉีดตามยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มในประเทศเข้าถึงวัคซีนโดยเร็วที่สุด ขณะนี้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีกำลังเร่งรัดที่จะให้มีการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้มากขึ้น และเป็นการดีกับตนเองด้วย