พท.โหมโรงนำร่องถล่ม พ.ร.บ.งบฯปี 65 “ประเสริฐ” คุยแบ่งทีมขย่มประจานความ ล้มเหลวบกพร่อง ถลุงเงินภาษีไม่เข้าเป้า ส่อทุจริต ขยี้ ทร. ดันทุรังซื้อเรือดำน้ำท่ามกลางวิกฤติ “สุทิน” กระทุ้งทบทวน เตือนพรรคร่วมรัฐบาลลดละผลประโยชน์ คลายทิฐิพาประเทศให้รอด “สมคิด” จวก กห.ปรับลดงบฯน้อยเกินเหตุ ห่วงแต่ความมั่นคงของทหารกับเหล่าผู้มีอำนาจ ยุส่ง ภท.อึดอัดใจนักย้ายขั้วปล่อยลอยแพ “ประยุทธ์” วิป 4 ฝ่ายนัดหารือด่วนคำสั่ง ศบค.ห้ามสภาฯประชุม กมธ. “ธีรัจชัย” โวยฝ่ายบริหาร แทรกแซงขวาง กมธ.ปราบโกงตรวจสอบคดี “ธรรมนัส” เด็ก พปชร.ตื๊อเลื่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ออกไปก่อน อ้างกลัวเป็นคลัสเตอร์ใหญ่แพร่เชื้อไวรัสร้าย

ฝ่ายค้านเดินหน้าวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ก่อนจะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาวาระดังกล่าวในวันที่ 31 พ.ค. โดยตอกย้ำให้เห็นถึงความล้มเหลวการจัดทำงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤติของประเทศ

พท.จัดทีมถล่มงบฯ 65 เหลว-ส่อทุจริต

...

เมื่อวันที่ 21 พ.ค. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ในวันที่ 31 พ.ค. ว่า การพิจารณาครั้งนี้เรามีกรอบการอภิปรายแบ่งเป็นหลายเรื่อง เรื่องแรกจะอภิปรายโครงสร้างการบริหารที่ล้มเหลว จะพูดถึงภาพรวมการบริหารล้มเหลวนี้ ทำให้การจัดทำงบประมาณไม่สอดคล้องกับปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันในหลายกระทรวง เช่น กระทรวงกลาโหม ที่กองทัพเรือยังคงเสนอซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำ ไม่ควรนำเสนอมาแล้วในสถานการณ์ปัจจุบัน เรื่องที่สอง มีการจัดงบฯส่อไปในแนวทางทุจริต เอื้อประโยชน์พวกพ้องในหลายประเด็น เช่น การจัดงบประมาณของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงคมนาคม

ประจานบกพร่องถลุงเงินไม่เข้าเป้า

นายประเสริฐกล่าวอีกว่า เรื่องที่ 3 คือ จัดงบประมาณโดยไม่ให้ความสำคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เหล่านี้เป็นกรอบการอภิปรายที่เรากำหนดเอาไว้ และจะกำหนดให้ ส.ส.ของพรรคได้อภิปรายในสภาฯ ชี้ให้ประชาชนได้เห็นการใช้เงินงบประมาณที่บกพร่องของรัฐบาล จำเป็นต้องมาชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ อย่ามองว่าการอภิปรายของฝ่ายค้านจ้องเล่นการเมืองเหมือนจะอภิปรายไม่ไว้วางใจในเวทีงบประมาณ แต่เป็นการกระตุกรัฐบาลให้ปรับปรุงงบประมาณให้ดีขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะถ้ายึดตามร่างกฎหมายที่รัฐบาลว่ามาแล้ว มองว่าประเทศชาติจะเสียหายมากกว่าได้ประโยชน์

“สุทิน” จี้ รบ.ทบทวนก่อนเข้าสภาฯ

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 ว่าเท่าที่ดูเบื้องต้นฝ่ายค้านส่วนใหญ่อยากให้รัฐบาลไปทบทวนทำใหม่ เพราะร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นงบประมาณที่ไม่สะท้อนปัญหา ไม่ได้ตอบโจทย์ของประเทศในปัจจุบันที่มีปัญหาโควิดกับเศรษฐกิจ แล้วมีการกู้เงินแบบซ้ำซ้อนไม่มีรายละเอียดออกมาให้ ทั้งในร่าง พ.ร.บ.งบฯ และ พ.ร.ก.ที่เพิ่งผ่านมติ ครม. ไม่ได้จัดลำดับความสำคัญให้สอดคล้องกับปัญหาของประเทศ ถ้าเข้าสภาฯ เชื่อว่าสมาชิกฝ่ายค้านจะให้ผ่านลำบาก ดังนั้น เวลาที่เหลืออยากให้รัฐบาลทบทวนปรับแก้ไขใหม่ เมื่อถามว่าหากรัฐบาลไม่ปรับแก้ยืนยันเสนอร่างเดิม ฝ่ายค้านเสียงน้อยกว่าไม่สามารถคัดค้านได้จะทำอย่างไร นายสุทินคงต้องไปต่อสู้กันในชั้นกรรมาธิการและวาระสองวาระสามต่อไป เชื่อว่าสังคมก็ตามเรื่องนี้ และเชื่อว่าสังคมมีความคิดไม่ต่างจากฝ่ายค้าน ถ้ารัฐบาลไม่ฟังฝ่ายค้านก็น่าจะฟังสังคม การทบทวนร่าง พ.ร.บ.งบฯดีที่สุด หรือถ้ามั่นใจว่าอธิบายได้มาว่ากันในสภาฯ แต่ตอนนี้เชื่อว่ารัฐบาลคงอธิบายไม่ได้ เพราะตัวเลขมันชัดเจน

เตือน รบ.ลดละผลประโยชน์และทิฐิ

เมื่อถามถึงความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคพลังประชารัฐประเด็นการฉีดวัคซีน นายสุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ประเด็นความขัดแย้งเกี่ยวข้องกับประชาชน แม้เราไม่อยากยุ่งแต่อยากเตือนให้ระมัดระวังผลเสียที่จะเกิดกับประชาชนและสังคมส่วนใหญ่ ในสถานการณ์ปัจจุบันประชาชนลำบากกันขนาดนี้ อยากแนะนำการทำงานในพรรคร่วมรัฐบาลให้ลดละเรื่องผลประโยชน์ส่วนตนส่วนพรรคและทิฐิส่วนตัวลง อดทนอดกลั้นฝ่าฟันปัญหาช่วงนี้พาประชาชนให้พ้นความลำบากเสียก่อน เมื่อถามถึงความคืบหน้าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุทินตอบว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านขอทำหน้าที่พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณให้ดีที่สุดเสียก่อน หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปจะมาดูว่ามีแนวโน้มหรือมีความหวังว่าวิธีคิดวิธีทำงานของรัฐบาลจะดีขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่ดีขึ้นจำเป็นต้องใช้มาตรการเข้มข้นเป็นลำดับจนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

จวก กห.ห่วงแต่ตัวเองลดงบฯจิ๊บๆ

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 ว่า พรรคเพื่อไทยได้ศึกษารายละเอียดร่าง พ.ร.บ.งบประมาณพอสมควร เป็นงบฯที่จัดแล้วไม่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน เราจะบอกว่าถ้ารัฐบาลไม่ไปแก้ไขปรับปรุงใหม่ เราจะไม่เห็นชอบรับหลักการ โดยเฉพาะงบของกระทรวงกลาโหม ที่ลดลงน้อยเกินไป ไม่ตอบโจทย์ต่อการแก้ปัญหา อ้างแต่ความมั่นคง แต่อย่าลืมว่าความมั่นคงของประเทศคือความมั่นคงของประชาชน ไม่ใช่ความมั่นคงทางทหาร ที่เป็นความมั่นคงของทหารและเหล่าผู้มีอำนาจ เพราะฉะนั้น รมว.กลาโหมต้องเตรียมตัวมาตอบคำถามให้ดีเพราะพรรคเพื่อ–ไทยจะชี้ให้ประชาชนได้เห็นว่าการจัดงบไม่เหมาะสมอย่างไร ทางที่ดีควรกลับไปทำมาใหม่ดีกว่า

ยุ ภท.อึดอัดนักย้ายข้างลอยแพ “บิ๊กตู่”

นายสมคิดกล่าวอีกว่า ส่วนความขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทยในเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ถ้าพรรคภูมิใจไทยอึดอัดใจกับการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ถอนตัวออกมา พรรคเพื่อไทยยินดีต้อนรับด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง ถ้าอึดอัดใจกับการทำงานร่วมกันปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เรายินดีต้อนรับมาร่วมงานเพื่อประชาชนดีกว่า พรรคท่านหลงผิดมากว่า 2 ปีแล้ว อยู่ไปเขาไม่เห็นค่า ย้ายมาทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะได้ประโยชน์มากกว่าจุดที่ยืนอยู่ตอนนี้

วิป 4 ฝ่ายนัดหารือด่วนคำสั่ง ศบค.

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงคำสั่ง ศบค.ห้ามสภาฯประชุมคณะ กมธ.สามัญ วิสามัญและอนุ กมธ. ชุดต่างๆ ว่า สภาฯยังมีกฎหมายสำคัญรอพิจารณา โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 65 วันที่ 24 พ.ค.จะประชุมด่วนวิป 4 ฝ่าย ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภาและ ครม. หารือถึงประกาศ ศบค.ดังกล่าว รวมถึงกฎ กทม.ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

กมธ.ปราบโกงโวยแทรกแซงปิดปาก

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษก กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาฯ กล่าวถึงกรณีศบค.ห้ามจัดประชุม กมธ.ทุกคณะว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนครบหมดแล้ว มองว่าประชุม กมธ.ได้ปกติ แต่ละครั้งมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่เกิน 20 คน เป็นมติล่วงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ ศบค.มีอำนาจเพียงพอหรือไม่ที่ห้ามฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งที่นายกฯต้องถูกตรวจสอบ แต่กลับห้ามคนอื่นประชุมตรวจสอบตัวเอง ใช้ได้ที่ไหน ต้องตรวจสอบคำสั่งและอำนาจดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จะกระทบต่อการประชุม กมธ.ปราบโกง โดยเฉพาะการตรวจสอบคดี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ต้องประชุมทุกสัปดาห์ กลายเป็นอำนาจฝ่ายบริหารปิดปากอำนาจนิติบัญญัติ ผิดหลักประชาธิปไตย ควรกำหนดให้ประชุมไม่เกิน 20 คน และสวมหน้ากากอนามัยที่ยอมรับได้ วันที่ 1-2 มิ.ย. ยังนัดประชุมไม่ยกเลิก ลักลั่นแน่นอน ที่ประชุมสภาใหญ่ยังประชุมได้ตั้ง 500 คน แต่ทำไม 20 คน ประชุมไม่ได้ ก้าวล่วงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ท้าทายกันหรือใช้อำนาจเกินไปหรือไม่

“อนันต์” ตื๊อเลื่อนพิจารณางบฯไปก่อน

นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน กมธ.กิจการสภาฯ กล่าวว่า การประชุม กมธ.35 คณะ แต่ละคณะจะมีทั้ง ส.ส. ข้าราชการ ผู้มาชี้แจงราว 30 คน ไม่แน่ใจจะกลายเป็นที่รวมผู้แพร่กระจายเชื้อหรือไม่ เมื่อเปิดสมัยประชุม จะมีคนจำนวนมากมารัฐสภา รวมถึงบุคคลภายนอก ยิ่ง กทม.มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ไม่ทราบใครเป็นพาหะ โดยเฉพาะ ส.ส.จากต่างจังหวัด ไม่นับคนติดตาม ต้องเข้ามาประชุมสภาฯ แต่เมื่อเลิกประชุมแล้วแยกย้ายกลับต่างจังหวัด ส.ส.ต้องกักตัว 14 วัน และไปโผล่ตามงานต่างๆเท่ากับแหกกฎอีก อยากให้สภาฯทบทวนวาระการประชุมต่างๆ เพราะโควิดรอบนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 15% หากมารวมศูนย์กันใน กทม.โรงพยาบาลสนามเพียงพอหรือไม่ ส่วน พ.ร.บ.งบฯสำคัญ แต่ชะลอออกไปได้ก่อนถ้ามีเหตุสมควร มี กมธ.ชุดหนึ่งยังนัดประชุม ต้องหารือด่วนใน กมธ.กิจการสภาฯเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อยากให้สภาฯเป็นแหล่งแพร่เชื้อครั้งใหญ่

“จุรินทร์” มัดคอ ส.ส.ปชป.โหวตหนุน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านประกาศไม่รับหลักการร่างพ.ร.บ.งบฯปี 65 ว่า ยังมั่นใจว่าจะผ่านการพิจารณาไปได้ ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตการจัดงบฯครั้งนี้ ไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาโควิด-19 เป็นข้อท้วงติงตามปกติ แต่รัฐบาลมีหน้าที่รับฟังเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข หรือหากเห็นว่าฝ่ายค้านไม่มีเหตุผลเพียงพอ รัฐบาลต้องยืนยันจุดยืนเดิม และต้องอธิบายชี้แจงให้ฝ่ายค้านเข้าใจพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล รัฐมนตรีพรรคทั้ง 7 คน เราให้ความเห็นชอบร่างงบประมาณในที่ประชุม ครม.มาแล้ว ฉะนั้นที่ประชุม ส.ส.พรรคโดยหลักทั่วไปก็ต้องให้การสนับสนุนร่างงบฯปี 65 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธาน ส.ส.พรรคจะนัดประชุมส.ส.พรรคบ่ายวันที่ 26 พ.ค.

“ประมวล” จี้ “บิ๊กตู่” เสียสละไขก๊อก

นายประมวล เอมเปีย หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมีมติออก พ.ร.ก.กู้เงินอีก 7 แสนล้านบาทเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 ว่าร่วม 7 ปีรัฐบาลนี้ยิ่งบริหารนานยิ่งกู้จนใกล้เต็มกรอบเพดานการกู้แล้วจนถูกเรียกว่านักกู้สิบทิศสวนทางกับการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่เห็นมีฝีมืออะไร ถ้าเป็นบริษัทเอกชนหารายได้ไม่เป็นมีแต่รายจ่าย กู้เป็นอย่างเดียว มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง หากผู้จัดการบริษัทมีฝีมือแค่นี้เจ้าของต้องไล่ออกแล้ว ไม่ปล่อยให้บริหารจนบริษัทเขาเจ๊ง เงินกู้ 1.1 ล้านล้าน เอาไปทำอะไรไม่ได้ตอบโจทย์เลย แล้วยังกู้เพิ่มอีก 7 แสนล้านบาท ในทางเศรษฐกิจเป็นการกู้มาลงทุนที่สูญเปล่า ลงไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม หากนายกฯบริหารไม่ไหวหรือมีกึ๋นแค่นี้เสียสละลาออกเถอะ ให้คนอื่นมาเป็นแทน หรือหากไม่ออกต้องถามพรรคร่วมรัฐบาลทั้งพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยว่ายังสมประโยชน์กันอยู่ใช่หรือไม่ ทำไมไม่คิดถึงประชาชนบ้างไม่กลัวประชาชนจะสั่งสอนพรรคร่วมฯในการเลือกตั้งครั้งหน้า

“ระวี” กัดติดรถไฟรางคู่ 5 สัญญา

ที่รัฐสภา นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ แถลงถึงการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง 5 สัญญาเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ด้วยวิธี e-Bidding คือ 1.สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว 2.สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย 3.สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของในส่วนสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม สัญญาที่ 1 ช่วงบ้านไผ่หนองพอกและสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม สัญญาที่ 2 ช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ จะประมูลวันที่ 25 พ.ค.รวม 128,376,800,000 บาท ดูผลงานทีโออาร์โครงการสายเด่นชัย-เชียงของ มี 5 บริษัทที่นำผลงานเข้ายื่นเสนอราคาได้ พอถึงวันยื่นประมูลจะเหลือแค่ 2 บริษัท น่าสงสัยราคาประมูลแต่ละสัญญาใกล้เคียงราคากลาง เช่น สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ราคากลาง 19,406,310,000 บาทแต่ผู้ยื่นราคาต่ำสุดอยู่ที่ 19,390,000,000บาท ต่ำกว่าราคากลาง 16,310,000.00 บาท คิดเป็น 0.08%เป็นการเสนอราคาที่ไร้เทียมทาน

สะกิด “บิ๊กตู่–เสี่ยโอ๋” สอบฮั้ว–ล็อกสเปก

“ขอเรียกร้องให้นายกฯและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ตรวจสอบโครงการนี้ด่วนว่าทีโออาร์มีการล็อกสเปกและฮั้วประมูลหรือไม่ ถึงจะเป็นการประมูลแบบ e-Bidding แต่โปร่งใสหรือไม่ ถ้าข้อมูลที่แถลงข่าวผิดพลาด ขอให้นายศักดิ์สยามออกมาชี้แจงด้วย ระหว่างตรวจหาความโปร่งใส ขอให้ ครม.ชะลอการเซ็นสัญญาโครงการออกไปก่อน ถ้าไม่มีความโปร่งใส่ในการประมูล ต้องแก้ไขทีโออาร์ใหม่ หากรัฐบาลเพิกเฉยจะยื่นต่อองค์กรอิสระให้ตรวจสอบ” นพ.ระวีกล่าว

“สิระ” จี้ผู้นำดูแล ปชช.หยุดอุ้มนายทุน

วันเดียวกัน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า กรณีศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงตรวจพบคนงานติดเชื้อจำนวนมากที่แคมป์หลักสี่ มีคนงาน 15 รายตรวจพบเจอ “โควิดสายพันธุ์อินเดีย” หรือ B 1.1617.2 ขอตั้งคำถามว่าเหตุใดแรงงานเหล่านี้ถึงติดโควิดสายพันธุ์อินเดียได้ มีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาหรือไม่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์จำกัด (มหาชน) ต้องชี้แจง เจ้าหน้าที่ผู้เฝ้าระวัง ลูบหน้าปะจมูกหรือไม่ ชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนมาว่ามีการตั้งกลุ่มเฮฮากินเหล้ากัน อยากได้น้ำแข็งทุบประตูยามก็เปิดให้เดินไปซื้อได้ มาตรการดูแลหย่อนยานเพราะมีการรับผลประโยชน์อะไรใช่หรือไม่ ขอเรียกร้องให้นายกฯตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน รัฐบาลต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชนคนไทยเป็นหลัก ไม่ใช่ดูแลแรงงานของพวกนายทุน เพราะกลุ่มนายทุนต้องการแต่ผลประโยชน์ในธุรกิจของตัวเอง ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ขอเสนอให้อพยพประชาชนในพื้นที่โดยรอบออกจากพื้นที่ระบาดให้เร็วที่สุด ก่อนโควิดสายพันธุ์อินเดียจะกระจายไปวงกว้างกว่านี้ วิงวอนขอวัคซีนให้คนหลักสี่เร่งด่วนด้วย ชาวบ้านหลายคนเช่าห้องอยู่ติดแคมป์คนงานดังกล่าวล้มป่วยกันแล้ว

“สุรชาติ” บี้ฉีดวัคซีนคนหลักสี่ก่อนสาย

นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตนและทีมงานลงพื้นที่ชุมชนคลัสเตอร์แคมป์คนงานหลักสี่ติดต่อกันมาหลายวัน เจอคนติดเชื้อเพิ่มหลายครอบครัว มีทั้งเด็กเล็ก คนแก่ คนหนุ่มสาว บางครอบครัวอยู่รวมกัน 17 คนบ้าง 9 คนบ้าง ไม่แปลกที่จำนวนคนติดเชื้อมันจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ตอนนี้ทั้งสภาพความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของคนในพื้นที่ตรงนั้นเปราะบางมากๆ ซ้ำวันนี้ยังมีข่าวว่าพบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียในแคมป์อีก ขอเถอะตนไม่ด่า ไม่ดราม่าอะไรทั้งนั้น ขอส่งเสียงในนามประชาชนหนึ่งคนแทนคนอีกเป็นหมื่นคนว่าขอให้รัฐช่วยอนุมัติวัคซีนฉุกเฉินมาฉีดให้คนหลักสี่ที่อยู่ในโซนสีแดงเข้ม เหมือนที่ท่านทำให้พี่น้องชาวคลองเตยเถอะครับก่อนที่อะไรมันจะสายไป

1 มิ.ย.ศาลไต่สวนประกัน “อานนท์–ไมค์”

ที่ศาลอาญา นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการยื่นขอประกันตัวนายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก แกนนำกลุ่มราษฎรในคดีปักหมุด 19 ก.ย.ที่ท้องสนามหลวงว่า ได้ยื่นขอปล่อยชั่วคราวโดยขอให้ศาลไต่สวนคำร้องประกัน โดยยื่นบันทึกถ้อยคำเกี่ยวกับการปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลแนบไปด้วย ต่อมาเวลา 14.50 น. ศาลได้มีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องประกันเป็นวันที่ 1 มิ.ย. เวลา 10.30 น. มีรายงานว่าขณะนี้นายอานนท์และนายภาณุพงศ์ เป็นผู้ต้องขังอยู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและปัจจุบันจำเลยติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้ทั้งคู่เข้ารับการรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ วันที่ศาลนัดไต่สวนวันที่ 1 มิ.ย.วันเดียวกับที่นัดไต่สวนนายชูเกียรติ หรือจัสติน แสงวงค์อายุ 30 ปี ผู้ต้องหามาตรา 112 กรณีร่วมชุมนุมกับกลุ่มรีเดม ที่ท้องสนามหลวง

“จตุพร” ผุดเวทีถล่ม 7 ปีรัฐประหาร

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวตอนหนึ่งในเฟซบุ๊กไลฟ์ peace talk ว่า การยึดอำนาจ 22 พ.ค.57 ตั้งแต่บัดนั้นถึงบัดนี้ การยึดอำนาจเป็นหายนะของชาติ เมื่อประเทศมันแย่กันถึงขนาดนี้ ดังนั้นเวทีไทยไม่ทนฯ จัดช่วงครบ 7 ปีการรัฐประหาร อภิปรายออนไลน์ 9 วันติดต่อกัน มีวิทยากรจากพรรคการเมืองจัดคิวมาพูดกันทุกวัน และมีคนทุกแวดวงมาร่วมอภิปรายต่อเนื่องกันไป ขอชวนประชาชนร่วมรับฟังกันตั้งแต่เที่ยงครึ่งเป็นต้นไป พร้อมทั้งมีกิจกรรมไปยื่นถึงรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งจะประกาศขอแรงประชาชนตามลำดับ เพื่อนัดกันในเวลา 1 ทุ่มช่วยส่งเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกไป หรือเปิดไฟหน้ารถเป็นการแสดงออกไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลประยุทธ์