รัฐบาล โต้ ฝ่ายค้าน ยัน เข้าใจผิด งบฯ ปี 65 กลาโหมมากกว่าสาธารณสุข ยกงบฯ สปสช.บวกงบฯ สธ.มี 3 แสนล้าน รวมมากกว่ากลาโหมถึง แสนล้านบาท เพื่อดูแลสุขภาพคนไทย ช่วงโควิด-19 

วันที่ 19 พ.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตามที่นายกฯมอบหมาย กรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ งบประมาณปี 65 ของกระทรวงกลาโหม สูงกว่ากระทรวงสาธารณสุข ถึง 5 หมื่นล้านบาท โดยเชื่อมโยงสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันที่ยังแพร่ระบาดรุนแรงอยู่ว่า ขอชี้แจง งบฯในส่วนของกระทรวงกลาโหม คงไม่สามารถที่จะไปดูเฉพาะกระทรวงได้ ถ้าไปดูเฉพาะกระทรวง ตัวเลขที่โชว์ขึ้นมา คือ กระทรวงกลาโหม มีประมาณ 2 แสนล้านบาท ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข มี 153,000 กว่าล้านบาท นั่นเป็นที่มา ส.ส.ฝ่ายค้าน อาจเกิดความเข้าใจผิดว่า ทำไมงบฯกระทรวงกลาโหม จึงมีมากกว่ากระทรวงสาธารณสุข ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้

ต้องขอเรียนชี้แจงอย่างนี้ว่า กระทรวงสาธารณสุข มีส่วนหนึ่งที่ตั้งงบฯในกระทรวงเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คือ จะมีหน่วยงานส่วนอื่นที่เรียกว่า อยู่ภายใต้กำกับของกระทรวงสาธารณสุข แต่ไม่ได้ขอรับงบประมาณผ่านกระทรวงสาธารณสุขแต่เป็นการขอรับงบประมาณจากหน่วยงานโดยตรง ยกตัวอย่างเช่น การตั้งงบประมาณของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีงบประมาณทั้งสิ้นอีก 140,000 กว่าล้านบาท เพราะฉะนั้น เรื่องการรักษา ค่าใช้จ่ายพยาบาล และการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ระบบประกันประกันสุขภาพทั่วหน้า ไม่ใช่จะมีเฉพาะที่กระทรวงสาธารณสุข อย่างเดียว ยังมีการตั้งประมาณไว้ที่อื่น อย่างที่ตนเรียนให้ทราบ เช่น ที่กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อีก 140,000 กว่าล้านบาท เพราะฉะนั้นถ้าบวกกับกระทรวงสาธารณสุข ที่ของบฯไป 150,000 กว่าล้านบาท จะเห็นว่าเรื่องของการดูแลสุขภาพของประชาชนของพี่น้องคนไทยมีทั้งสิ้นมากกว่า 3 แสนล้านบาท กับทางด้านหน่วยงานอื่นๆ ที่มีการตั้งงบประมาณไป เพราะฉะนั้น จะทำให้งบประมาณที่ดูแลในเรื่องของสุขภาพพี่น้องประชาชนมีมากกว่ากระทรวงกลาโหมอีกเกือบเป็น 1 แสนล้านบาท

...

นายอนุชา กล่าวว่า ทั้งนี้ ถ้าจะให้ดูงบฯกระทรวงกลาโหมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรนั่น คือ อัตรากำลังพลที่มีอยู่ทั่วประเทศที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน เรื่องที่ใครหลายๆ คน มีความเป็นห่วงว่า การที่จะให้การเล็ดลอดเข้ามาจากต่างชาติตามแนวชายแดน หรือการลักลอบเข้ามาก็จะมีในส่วนของกระทรวงกลาโหมที่จะเข้าไปช่วยดูแล เพราะฉะนั้นจึงอยากให้เป็นกำลังใจบุคลากรต่างๆ ที่ทำหน้าที่กันอย่างเข้มแข็งในปัจจุบันนี้ด้วยในการดูแลเพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาและอาจทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ประเทศไทยไม่ดีขึ้น ก็ต้องทำความชี้แจง นอกจากนี้ ในส่วนของกระทรวงกลาโหมได้ปรับลดงบประมาณจากตัวเลขในปี 63 ปรับลดลงไปเกือบ 18,000 ล้านบาทจากปีก่อน และในปี 64 ที่ได้รับจัดสรรงบฯลดลงจากปี 63 จำนวนกว่า 17,200 ล้านบาท มาจนถึงงบฯปี 65 ที่ตนได้ชี้แจงไปตรงนั้นเป็นเรื่องในส่วนของงบประมาณ