การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังลุกลามทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ประเทศไทยถือว่าเป็นการระบาดระลอกที่ 3 เป็นการแพร่ระบาดอย่างแท้จริง กระจายไปทั่วประเทศ ประชาชนได้รับผลกระทบทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมหาเศรษฐี ชนชั้นกลาง และระดับล่าง จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นเลยหลักแสน เป็นอันอับ 92 ของโลก
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ถือว่าขณะนี้เป็นการแพร่ระบาดปีที่ 2 และเตือนชาวโลกว่าปีนี้อาจจะเผชิญกับการแพร่ระบาด ที่ร้ายแรงกว่าและอันตรายกว่า แม้บางประเทศจะเริ่มฉลองชัยชนะ ในการรณรงค์เร่งฉีดวัคซีน จนเกือบจะพิชิตโควิดลงได้ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อิสราเอล และอีกหลายประเทศ
แต่อินเดียประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดของโลก กลายเป็นประเทศที่ประสบภัยร้ายแรงที่สุด มีผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นวันละกว่า 3 แสนคน เสียชีวิตวันละ 3 พันคน ขาดแคลนแม้แต่วัคซีน ทั้งๆที่เคยคุยว่าเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก เคยเป็นเศรษฐีใจบุญ แจกวัคซีนให้เพื่อนบ้าน ที่ยากจน แต่วันนี้กลายเป็นผู้ขอ
ส่วนประเทศไทยแม้จะถือเป็นการระบาดระลอก 3 และกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดที่ร้ายแรงที่สุด วันละกว่าสองพันคน และเสียชีวิตโดยเฉลี่ยวันละ 30 คน แต่การฉีดวัคซีนก็ยังงุ่มง่ามเหมือนเดิม จะต้องรออีกกว่าหนึ่งเดือน วัคซีนลอตใหญ่แอสตราเซเนกาจึงจะมา และเริ่มฉีดให้สองกลุ่มเสี่ยง ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน
การแพร่ระบาดระลอก 3 สร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทย กลายเป็นประเทศแรก และอาจเป็นประเทศเดียว ในกว่า 200 ประเทศของโลก ที่ปล่อยให้โควิดทะลุทะลวงเข้า 8 เรือนจำติดเชื้อกว่าหมื่นคน และยังมีเพิ่มขึ้นทุกวัน ประชาชนสงสัยว่า เป็นการนัดติดเชื้อพร้อมกัน ในเพียงไม่กี่วัน หรือติดมานานแล้วแต่ปกปิดเอาไว้
...
ได้รับคำชี้แจงจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าเข้มงวดกวดขัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ตามมาตรการทางสาธารณสุขทุกประการ แต่พื้นที่เรือนจำคับแคบ พูดแบบชาวบ้านก็คือนักโทษล้นคุก รัฐบาลน่าจะถือโอกาสนี้ ทำการปฏิรูประบบคุกครั้งใหญ่ ต้องปรับปรุงทั้งห้องขัง และสิทธิต่างๆตามหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
อธิบดีกล่าวว่ากรมราชทัณฑ์ เป็นปลายทางของกระบวนการยุติธรรมต้องยอมรับผู้ต้องขังทุกคนที่ถูกส่งเข้ามา เป็นคำกล่าวที่ถูกต้อง การแก้ปัญหานักโทษล้นคุก ต้องเริ่มต้นที่ระบบการให้ประกันตัวผู้ต้องหา หรือจำเลย ให้สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ อาจต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ยืนยันสิทธิของผู้ต้องหาหรือจำเลย ในการประกันตัว.