ตำรวจฝากขังผู้ต้องหากลุ่มรีเดม ก่อความวุ่นวายหน้าศาลอาญา มีเยาวชนอายุ 16 ปีรวมอยู่ด้วย ขณะที่ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเตรียมยื่นประกันตัว ส่วนในศาลและนอกศาลมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่ ยังคงวางลวดหนามกั้นไว้ตลอดแนวรั้ว  

ที่ สน.พหลโยธิน เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 พ.ค. น.ส.คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์ ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมญาติผู้ต้องหา เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เพื่อทำเรื่องขอประกันตัว นายคุณภัธร คะชะนา ผู้ต้องหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มั่วสุมชุมนุม หรือทำกิจกรรม และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ นายร่อซีกีน นิยมเดชา น.ส.หทัยรัตน์ แก้วสีคราม และเยาวชนชาย อายุ 16 ปี ในข้อหาร่วมกันต่อสู้ขัดขวาง ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ จากกรณีการชุมนุมก่อความวุ่นวายหน้าศาลอาญา เมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา

น.ส.คุ้มเกล้า กล่าวว่า จากการสอบถามตำรวจทราบว่า เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัว โดยวันนี้ พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน จะนำตัว ผู้ต้องหา 3 คน จะทำการฝากขังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เนื่องจากเป็นมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ส่วนเยาวชนอายุ 16 ปี จะถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง แต่ทางทนายความและญาติ ได้นำเอกสารรวมทั้งหลักทรัพย์ เป็นเงินสด และตำแหน่ง มายื่นขอประกันตัว ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนที่สามารถทำได้ ส่วนจะได้รับการพิจารณาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล

...

ขณะที่ภายในตลอดแนวรั้วตั้งแต่ศาลแพ่ง ศาลอุทธรณ์ มาจนถึงศาลอาญา ตั้งแต่แนวรั้วประตูที่ 4 ถึงประตูที่ 9 ยังคงมีการวางแนวรั้วลวดหนามขึงไว้บริเวณโดยรอบ โดยยังไม่มีการเก็บหลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อวานนี้

นอกจากนี้ ช่วงเช้าวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตจตุจักร พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ศาลอาญา และจิตอาสาจำนวนกว่า 100 คน เข้าทำความสะอาดบริเวณภายในและภายนอกศาลอาญา ที่ผู้ชุมนุมกลุ่มรีเดมทำลายสิ่งของ ขว้างปาและสาดสี รวมทั้งยิงหัวนอต ลูกเหล็ก ลูกแก้ว ลูกหิน ใส่บริเวณกระจกทางเข้าศาลอาญา มีร่องรอย 7-8 รู มีคราบสีน้ำมัน คราบไข่ไก่ มะเขือเทศ และกลิ่นคาวคละคลุ้ง ซึ่งในการทำความสะอาดครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ใช้วิธีการฉีดน้ำล้าง นำทรายมาถมตรงจุดที่มีคราบน้ำมัน

ส่วนบริเวณป้ายศาลอาญา ริมถนนรัชดาภิเษก ที่ได้รับความเสียหาย ถูกสาดสี เจ้าหน้าที่ทำการระดมล้างทำความสะอาด พบตัวสัญลักษณ์พญาครุฑหัก โค้ง งอ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินความเสียหาย

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน สน.พลพหลโยธิน ได้ยื่นคำร้องฝากขังนาย ร่อซีกีน นิยมเดชา เเละน.ส.หทัยรัตน์ แก้วสีคราม อายุ20 ปี สองผู้ต้องหาในความผิดฐาน "ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ, เมื่อเจ้าพนักงานส่งให้ผู้มั่วสุมเพื่อกระทำผิดตามมาตรา 215 ให้เลิกไป แต่ผู้กระทำไม่เลิก, ร่วมกันทำให้เสียหายทำลายทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย, ร่วมกันมั่วสุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดเกินยี่สิบคนในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหากับโดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.เวลา 07.30 น.

คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า วันที่ 2 พ.ค.64 เวลาประมาณ 16.55 น.ได้มีกลุ่มมวลชนมารวมตัวกันประมาณ 300 คนเพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองที่บริเวณหน้าศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก ตามที่ได้มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ "เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH" เชิญชวนให้ประชาชนมาเข้าร่วมทำกิจกรรมดังกล่าว

แม้ว่ามวลชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรมดังกล่าวส่วนใหญ่จะได้สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า แต่ก็ไม่ได้มีการเว้นระยะที่ห่างกันเกิน 1 เมตรตามมาตรการเฝ้าระวังโรคติดต่อ (โควิด-19) แต่อย่างใด โดยการทำกิจกรรมดังกล่าวมีการรวมของกลุ่มบุคคลที่มีความแออัดเกิน 20 คนในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อ ตามความในพรก.ฉุกเฉินฯ ประกอบพรบ.โรคติดต่อฯ ต่อมาเวลาประมาณ 18.00 น.แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการประกาศยุติการจัดกิจกรรมและให้มวลแยกย้ายเดินทางออกจากพื้นที่

แต่ปรากฏว่า ได้มีมวลชนบางส่วนยังคงรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณหน้าศาลอาญาจนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. พ. ต. อ. ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธินได้ประกาศแจ้งให้มวลชนดังกล่าวยุติกิจกรรมและแยกย้ายเดินทางออกจากพื้นที่ โดยหากยังไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการเข้าตรวจสอบ ต่อมาได้มีมวลชนบางส่วนได้ข้ามถนนไปยังบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ซึ่งอยู่บริเวณตรงข้ามศาลอาญาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังชุดควบคุมฝูงชนเข้าไปในพื้นที่การจัดกิจกรรมและดำเนินการขอคืนพื้นที่ แต่กลุ่มมวลชนที่รวมตัวกันบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ได้ขว้างปาสิ่งของและวัตถุระเบิด (ระเบิดปิงปอง) เข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนเป็นเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากพลุหรือวัตถุระเบิดที่กลุ่มมวลชนปาใส่จำนวนหลายนาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจึงได้นำกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์จนกลุ่มมวลชนบริเวณดังกล่าวถอยร่นเข้าไปภายในซอยรัชดาฯ 32 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมชุดควบคุมฝูงชนกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาจึงได้เข้าไปดูแลพื้นที่ภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 บริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นสาขาซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 ซึ่งเป็นทางเชื่อมต่อกับซอยรัชดาภิเษก 32 ปรากฏว่าเมื่อเดินทางไปถึงได้พบกับกลุ่มมวลชนที่รวมกลุ่มกันที่บริเวณดังกล่าวประมาณ 30 คนเมื่อกลุ่มมวลชนดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ขว้างปาสิ่งของและวัตถุระเบิด อีกทั้งได้นำไม้เข้ามาทุบทำลายรถยนต์และรถตู้ที่นำกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเข้ามาในพื้นที่จนได้รับความเสียหาย

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพร้อมกับพวกได้ลงมาจากรถยนต์และสามารถตั้งรูปขบวนได้จึงได้เข้าทำการกดดันให้กลุ่มมวลชนถอยร่นไป แต่ปรากฏว่ากลุ่มมวลชนบางส่วนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์อ้อมมาที่บริเวณด้านหลังของขบวนและได้เข้าทุบทำลายรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตั้งขบวนเข้ากดดันให้ล่าถอยและติดตามจับกุมอีกครั้งจนมาถึงบริเวณทางขึ้นสะพานข้ามคลองลาดพร้าวภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 เจ้าหน้าที่ตำรวจพบนายร่อซีกัน น.ส.หทัยรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 1,2 อยู่ที่บริเวณดังกล่าวซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจำได้ว่าบุคคลทั้งสองคนอยู่ในกลุ่มมวลชนที่เข้ามาทุบทำลายและขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ และน่าเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับมวลชนที่รวมตัวกันที่บริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 ที่ได้ขว้างปาวัตถุระเบิดหรือพลุเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าควบคุมสถานการณ์จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายนายและอยู่ในกลุ่มมวลชนที่เข้าร่วมการจัดกิจกรรมบริเวณหน้าศาลอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ซึ่งจากตรวจสอบพบว่า มีรถยนต์5คันที่ได้รับความเสียหายจากการถูกกลุ่มมวลชนขว้างปาสิ่งของและเข้าทุบทำลาย

เหตุเกิดที่บริเวณทางขึ้นสะพานข้ามคลองลาดพร้าวภายในซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 19 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม จตุจักร กทม. ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

การกระทำของผู้ต้องหาทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 138 วรรคหนึ่ง, วรรคสอง, 140 วรรคหนึ่ง, 295ประกอบมาตรา 289(2), 215วรรคหนึ่ง, มาตรา 216 และตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ข้อกำหนดที่ออกตามความมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548ฉบับที่ 22ข้อ 3 ประกาศกรุงเทพมหานครเรื่องสั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่25) และพรบ.โรคติดต่อฯ

โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาโดยตลอดจะครบกำหนดควบคุมตัว 48 ชั่วโมง หากแต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นโดยจะต้องสอบพยานจำนวน 6 ปาก, รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาทั้งสองมาประกอบสำนวนการสอบสวนเพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้นจึงขออนุญาตศาลฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองไว้ในระหว่างการสอบสวนครั้งเเรก12 วันตั้งเเต่วันที่ 3-14 พ.ค.64

ท้ายคำร้องระบุว่า หากผู้ต้องหาทั้งสองยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาทั้งสองเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปเกรงว่าจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดี

ศาลอาญาอยู่ระหว่างพิจารณาคำร้อง

ขณะที่ผู้ต้องหา ได้ยื่นขอประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์คนละ 35,000 บาท ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อพิจารณาถึงความหนักเบาของข้อหาและข้อคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้ว เกรงว่าจะหลบหนี จึงให้ยกคำร้อ งแล้วส่งตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป