ฝ่ายค้านรุมสับรัฐบาลจัดการวัคซีนห่วย “เสรีพิศุทธ์” แฉเหตุแห่งความล่าช้าเพราะรอเงินทอน ไม่มีให้ก็ไม่ยอมสั่งพร้อมฉะแบ่งชนชั้นฉีดวัคซีน นายกฯ-ครม.ฉีดก่อนใคร ส่วนในสภา ส.ว.ได้ฉีดก่อน ส.ส. เย้ย “บิ๊กตู่” หงอพรรคร่วม ไม่กล้าปลด “ศักดิ์สยาม” พท.ถามอายมั้ยไร้ความสามารถต้องให้เอกชนยื่นมือช่วยจัดหาวัคซีน ข้องใจนำเข้า 2 ล้านโดส ฉีดได้แค่ 6 แสนโดส ที่เหลือล่องหนไปไหน ก้าวไกลสวดนายกฯไม่ฟังใคร ประมาท ถ้าเป็นผู้จัดการบริษัทต้องลาออกแล้ว ด้าน “แรมโบ้” สวน “โอ๊ค” เจ็บแสบ มีพ่อทุจริตหนีคดี ขณะที่ “แม่ธนาธร” มอบตัวคดีรุกป่ายืนกรานปฏิเสธ
สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ที่ลุกลามบานปลายภายในประเทศไทย ทำเอารัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เกิดอาการเครื่องสะดุด ต้องเร่งเยียวยาแก้ไขเรื่องนี้เป็นการด่วน เพราะส่งผลกระทบรุนแรงทำให้กระแสวูบ โดยเฉพาะ การบริหารจัดการวัคซีนที่ทำได้ล่าช้า ถูกฝ่ายค้านโจมตีว่าประมาท ไม่มีแผนเตรียมการรองรับที่ดีพอและอาจมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง
“เสรีพิศุทธ์” แฉเงินทอนทำวัคซีนล่าช้า
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการบริหารวัคซีนที่ผิดพลาดของรัฐบาลว่า การที่ประเทศไทยฉีดวัคซีนล่าช้ากว่าประเทศอื่นเพราะมีปัญหาตั้งแต่การนำเข้า ปัญหามันเกี่ยวกับผลประโยชน์ทั้งสิ้น เมื่อไม่ยอมให้มีเงินทอนก็ไม่ยอมสั่งวัคซีน ไม่ได้ กล่าวหาใคร แต่คนมีอำนาจต้องรับผิดชอบ ตนไม่มีพยานหลักฐาน เพราะอยู่ที่ต่างประเทศทำให้ตรวจสอบ ยาก แต่จากประสบการณ์ตัวเองมองรู้หมด ทั้งนี้หากมีพยานหลักฐานเพียงพอ คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาฯ พร้อมหยิบยกมาพิจารณา ส่วนที่บอกงบไม่เพียงพอ เป็นเพราะนำงบไปให้กองทัพ โดยเฉพาะการจัดซื้อเรือดำน้ำที่ยังมีอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 อีกทั้งประเทศไทยแบ่งชนชั้นฉีดวัคซีน นายกฯ-ครม. ฉีดก่อน ในสภาฯยังให้ ส.ว.ฉีดก่อน ส.ส. ระบบมันผิดเพี้ยนไปหมด ดังนั้น จึงทำให้วัคซีนถึงประชาชนล่าช้า
...
เย้ย “บิ๊กตู่” ไม่กล้าปลด “ศักดิ์สยาม”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังกล่าวถึงการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ว่า มีปัญหาทั้งการบริหารคนและองค์กร การเมืองบ้านเราไม่ใช้คนให้เหมาะกับงาน แต่แต่งตั้งตามโควตาพรรคร่วมรัฐบาล และต่อรองผลประโยชน์กัน หากไม่ให้กระทรวงใหญ่พรรคร่วมรัฐบาล จะไม่ได้เป็นนายกฯ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องยอมทั้งหมดตั้งแต่ช่วงจัดตั้งรัฐบาล ไม่เก่งเหมือนตอนเป็นหัวหน้า คสช. หากตนเป็นนายกฯคงปลดนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่ปล่อยให้ตัวเองติดโควิด-19 ไปแล้ว เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ นายกฯบ่นต่อหน้าสื่อทุกวันหากใครมีความสามารถให้มาทำเอง แต่กลับ ไม่ยอมออกจากอำนาจ บริหารประเทศมากกว่า 2 ปี พิสูจน์แล้วว่าบริหารไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ค่อยอยากเจอตนเท่าไร เพราะด่าเขาทุกวัน แต่เขายังเป็นน้องตน ไม่ได้ตัดเขา
พท.ถามอายมั้ยเอกชนต้องยื่นมือช่วย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ส่งผลให้ประชาชนทั้งประเทศอยู่ในกลุ่มเสี่ยง พล.อ.ประยุทธ์พยายามสร้างภาพว่ารัฐบาลรับมือได้ แต่การออกมาสื่อสารกับประชาชนส่วนใหญ่เป็นการแก้ตัว ส่วนการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อ้างว่าเพื่ออำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการจัดการแก้ปัญหาโควิด แต่ชัดเจนว่าเป็นเพียงพฤติกรรมอำพรางอาศัยสถานการณ์เพื่อสร้างระบอบประยุทธ์ ใช้อำนาจในการดำเนินการจับกุมคุมขังคนที่เห็นต่าง ระบอบประยุทธ์ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาประชาชน จนเอกชนทนไม่ได้ ขอเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดหาวัคซีน อยากถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่อายหรือที่เอกชนมองว่ารัฐบาลไร้ความสามารถ
ข้องใจวัคซีนหายไปไหน 1.4 ล้านโดส
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ออกข่าวใหญ่โตว่าวัคซีนประเทศไทยได้มา 2 ล้านโดส ถึงวันนี้รัฐบาลสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้เพียง 6 แสนโดส อีก 1.4 ล้านโดสหายไปไหน ใครกั๊กไว้ ทำไมไม่แจกจ่ายให้บุคลากรทางการแพทย์เพื่อบริการประชาชน ระบบสาธารณสุขของไทยเคยได้รับการยกย่องว่ามีประสิทธิภาพและมีขีดความสามารถในการดูแลประชาชนเป็นอันดับ 6 ของโลก วันนี้ถูก ระบอบประยุทธ์พังทลายไปหมดแล้ว การดำเนินการของระบอบประยุทธ์ตั้งใจทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ เพื่อที่จะได้นำเงินภาษีประชาชนมาโปรยทานให้กับประชาชน เพื่อสร้างให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นฮีโร่แจกเงินให้ประชาชน เป็นการหาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ บนความทุกข์ยากของคนไทยทั้งประเทศ
ก้าวไกลอัดนายกฯประมาทไม่ฟังใคร
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุเหตุผลที่สั่งซื้อวัคซีนมาจำนวนน้อย เพราะในช่วงนั้นสามารถบริหารสถานการณ์ได้ดีว่า สถานการณ์การระบาดของโควิดเกิดขึ้นทั่วโลก รัฐบาลควรจะตั้งสมมติฐานกรณีเกิดฉากทัศน์ร้ายแรงที่สุดไว้ หากเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทแห่งหนึ่งก็คงต้องลาออกแล้ว ขนาดปัจจุบันยังไม่ถึงขั้นเลวที่สุดยังเละเทะเช่นนี้ รัฐบาลต้องรับผิดชอบชีวิตประชาชนคนไทย 67 ล้านคน ต้องเตรียมการในทุกฉากทัศน์ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้สะท้อนว่า นายกฯคนนี้ประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป บริหารราชการแผ่นดินด้วยความประมาท ถือดีไม่ฟังคำแนะนำของใคร ทำให้ประชาชนต้องอยู่ภายใต้ ความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
เหน็บพรรคร่วมเตะตัดขากันเอง
นายประมวล เอมเปีย หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า มีคำถามของประชาชนที่ข้องใจว่า วัคซีนที่สั่งซื้อมาเพื่อรักษาคนป่วยอย่างเดียวอย่างนั้นหรือ ท่านไม่ได้สั่งเพื่อเอามาฉีดเพื่อป้องกันโควิดด้วยหรืออย่างไร เพราะเห็นนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์สื่อช่องหนึ่งว่าเอามาฉีดให้เฉพาะคนป่วย อย่าพูดกันมาก เพราะมีโอกาสพลาดให้สังคมด่าเอาว่าต่างคนต่างพูดไปคนละทิศละทาง ทั้งที่ร่วมกระทรวง ร่วมรัฐบาลเดียวกัน เหมือนจะเตะตัดขากันตลอดเวลา แล้วแบบนี้ประชาชนจะพึ่งใครได้
“แรมโบ้” สวน “โอ๊ค” พ่อทุจริตหนีคดี
วันเดียวกัน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์-โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม มีความริษยาส่วนตัว อยู่เหนือความเดือดร้อนของประชาชนว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มีความริษยาอะไรนายทักษิณแม้แต่น้อย ตัวนายทักษิณมีอะไรให้ริษยา เป็นนักโทษหนีคดี ต้องหนีออกนอกประเทศ อยากกลับมาก็กลับไม่ได้ เพราะกลับมาแล้วต้องติดคุก การทำงานก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลใจซื่อ มือสะอาด ไม่เคยมีประวัติทุจริตด่างพร้อย ไม่เหมือนพ่อของนายพานทองแท้ ที่ต้องคดีทุจริต จนต้องหนีหัวซุกหัวซุน สมัยบริหารราชการแผ่นดินก็ถูกกล่าวหาบริหารงานเอื้อประโยชน์วงศาคณาญาติ และพวกพ้อง แม้แต่กับประชาชน นายทักษิณยังแบ่งแยกจังหวัดไหนเลือกจะได้รับการดูแลก่อน สำหรับสิ่งที่นายทักษิณเสนอนั้น รัฐบาลได้ลงมือทำไปแล้วทั้งสิ้น
“จุรินทร์” พูดไม่ออกโดน พปชร. ยึดพื้นที่
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่มีการรายงานให้ทราบคำสั่งนายก-รัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรีรับผิดชอบงานภายใต้แนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับพื้นที่จังหวัด โดยมอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปดูแลจังหวัดใหญ่ๆในภาคใต้ ทั้งสงขลา นครศรีธรรมราช และภูเก็ต แทนนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงการแก้ไขปรับเปลี่ยน เพื่อความเหมาะสม ซึ่งรัฐมนตรีแต่ละคน จะมีส่วนในการรับผิดชอบพื้นที่ที่เป็นผู้แทนราษฎรอยู่ ตนไม่ขอวิเคราะห์ในเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากเชื่อว่า ทุกคนสามารถเข้าใจถึงการปรับเปลี่ยนดังกล่าวได้ไม่ต่างกัน
ยกโพลพระปกเกล้ากดดันแก้ รธน.
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 พบว่าร้อยละ 77.5 ต้องการแก้ไขว่า เป็นผลการสำรวจที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะทั้ง 2 หน่วยงาน เป็นมืออาชีพมีจรรยาบรรณ และมีความเป็นกลางทางการเมือง น่าจะเป็นคำตอบเบื้องต้นให้กับพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรในการผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงสมาชิกวุฒิสภาก็ควรจะฟังกระแสของประชาชนด้วย
ยื่น ป.ป.ช.สอบทรัพย์สิน “วีรศักดิ์”
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนายวีรศักดิ์ หวัง-ศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม และนางยลดา หวังศุภกิจ-โกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา หลังพบความผิดปกติในส่วนหนี้สินของนายวีรศักดิ์และคู่สมรส ที่นายวีรศักดิ์เคยแจ้งต่อ ป.ป.ช. เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2562 มีหนี้สินรวม 11,138,404,713 บาท แต่การยื่นบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ารับตำแหน่งนายก อบจ.นครราชสีมาของนางยลดา วันที่ 25 ม.ค.2564 พบว่าหนี้สิน 1.1 หมื่นล้านบาทหายไป นอกจากนี้ยังพบว่าทรัพย์สินของนายวีรศักดิ์และนางยลดาเพิ่มขึ้นรวมกัน 361 ล้านบาท ในช่วง 2 ปี ยังไม่พบว่ามีที่มาจากอะไร หากชี้แจงไม่ได้อาจเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ ส่วนที่นายวีรศักดิ์ชี้แจงว่าหนี้สินที่หายไป 1.1 หมื่นล้านบาท เป็นหนี้จากการค้ำประกันนั้น ถ้ามีหลักฐานครบถ้วน ขอให้แสดงต่อ ป.ป.ช. ตนไม่ติดใจ
กกต.ประกาศเลือกเทศบาลใหม่ 5 แห่ง
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ปรากฏข้อเท็จจริงจากการนับคะแนนว่ามีผู้สมัครสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี บางคนไม่ได้รับเลือกตั้ง สาเหตุเพราะไม่ได้คะแนนมากกว่าคะแนนเสียงที่ไม่เลือกผู้ใด ซึ่งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด จะต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ และรับสมัครรับเลือกตั้งใหม่ โดยผู้สมัครรายเดิมทุกรายที่ไม่ได้คะแนนมากกว่าคะแนนเสียงที่ไม่เลือก ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งใหม่ ทั้งนี้ประกอบด้วย 1.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองมหาสารคามเขตเลือกตั้งที่ 1 อ.เมืองมหาสารคาม 4 คน 2.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลขามเรียง เขตเลือกตั้งที่ 1 อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม 5 คน 3.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล ต.ท่าสุด เขต
เลือกตั้งที่ 1 อ.เมืองเชียงราย 6 คน 4.การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลดอนทราย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และ 5.การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลหนองขาหย่าง อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี
“แม่ธนาธร” มอบตัวคดีรุกป่า
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมทนายความเข้าพบ พ.ต.อ.กฤษณะ สุขสมบูรณ์ รอง ผบก.ปทส. และ พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส. เพื่อรับทราบ ข้อกล่าวหาความผิดฐานบุกรุกป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ในพื้นที่ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี อ.จอมบึง จ.ราชบุรี กว่า 450 ไร่ และผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบอีกกว่า 2,000 ไร่ พ.ต.อ.กฤษณะเผยว่า นางสมพรให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ทีมทนายความจะทำคำให้การเป็นหนังสือในภายหลัง
ฟ้อง 45 การ์ดวีโว่อั้งยี่ซ่องโจร
ที่ศาลอาญา พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ส่งฟ้องโตโต้-ปิยรัฐ จงเทพ แกนนำกลุ่มวีโว่กับพวก รวมเป็นจำเลย 45 คน ในจำนวนนี้เป็นหญิง 4 คน ฐานอั้งยี่ ซ่องโจร ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯและข้อหาอื่นๆ จากเหตุการณ์ที่ตำรวจจับกุมกลุ่มวีโว่ 6 มี.ค. ที่ห้างเมเจอร์ รัชโยธิน วันเดียวกับการชุมนุมของกลุ่มรีเด็ม หน้าศาลอาญา นัดนี้จำเลยเดินทางมารายงานตัวต่ออัยการ ยกเว้นโตโต้-ปิยรัฐ จำเลยที่ 1 เพราะถูกคุมขังอยู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ ในคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯตาม ป.อาญามาตรา 112 ทั้งนี้ ศาลรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.920/2564 นัดสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 26 เม.ย.
บี้รัฐบาลรักษาเครดิตยอมจ่ายค่าโง่
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางมีมติยกคำร้องระงับจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2 หมื่นล้านบาทว่า รัฐบาลพยายามหาทางยื้อล้มคำตัดสินของศาลปกครองกลาง ทำไปทำไมมีเจตนาอะไร ศาลปกครองกลางพูดชัดว่าแม้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าศาลปกครองกลางกระทำโดยชอบโดยกฎหมายหรือไม่ก็ตาม ไม่มีผลให้ยกเลิกคำตัดสินได้ หมายความว่าต้องจ่ายค่าชดเชยแก่บริษัทโฮปเวลล์ตามคำตัดสิน รัฐบาลเคยขอรื้อฟื้นคดีมาแล้ว 2 รอบ ศาลปกครองกลางตัดสินจบไปแล้ว รัฐบาลควรคำนึงถึงผลกระทบโดยเฉพาะความเชื่อถือด้านกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ที่เป็นปัจจัยสำคัญด้านการลงทุน ดีที่สุดควรยอมรับความผิดพลาดรักษาความเชื่อถือของประเทศไว้ แล้วเดินหน้าหาคนมารับผิดทางละเมิดและชดใช้แทนรัฐจะเสียหายน้อยที่สุด