“พรรคกล้า” แถลงการณ์ 3 ข้อ ชง รัฐบาลไทย แสดงท่าทีในเวทีสุดยอดผู้นำอาเซียนนัดพิเศษ ชี้ ความรุนแรงในเมียนมา กระทบชายแดนไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน ไม่หนุนใช้ความรุนแรง เสี่ยงต่างชาติแทรก เสนอ รัฐบาลทหารเมียนมา คุยกับรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ใช้อาเซียนเป็นตัวกลาง หาทางออก
วันที่ 22 เม.ย. พรรคกล้า ออกแถลงการณ์ถึง รัฐบาลไทยต่อ “การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนัดพิเศษที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 เมษายนนี้ ที่สำนักเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย มีเนื้อหาว่าการรัฐประหารในประเทศเมียนมา (1 ก.พ.2564) มาถึงวันนี้ ผ่านมาเป็นระยะเวลา 2 เดือนเศษ เกิดเหตุการใช้ความรุนแรง และมีแนวโน้มที่จะบานปลายไปสู่การสู้รบระหว่างรัฐบาลทหารกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่รวมตัวกันเป็นรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ แม้เหตุที่เกิดขึ้นจะเป็นการเมืองภายในประเทศเมียนมาร์ แต่ด้วยประเทศไทยมีเขตแดนติดกับประเทศเมียนมาร์ถึง 2,401 กิโลเมตร มีจุดผ่านแดน 16 จุด ย่อมได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายคนตามแนวชายแดน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ รัฐบาลไทยจึงควรต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนนัดพิเศษที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 เมษายนนี้
1.) รัฐบาลไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ต้องชี้ให้เห็นว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา ไม่ได้เป็นปัญหาความมั่นคงภายในประเทศเท่านั้น แต่จะส่งผลให้เกิดการอพยพย้ายถิ่น หนีร้อนมาพึ่งเย็นประเทศเพื่อนบ้าน เกิดเป็นภาระและความเสี่ยง ทั้งด้านความมั่นคงและการจัดการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยรวมถึงทุกประเทศในอาเซียนกำลังเผชิญอยู่ และไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
2.) รัฐบาลไทยควรแสดงท่าทีอย่างแข็งขัน ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน และชี้ให้เห็นว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาหรือการรักษาความมั่นคงภายใน รังแต่จะทำให้เกิดความไม่สงบมากขึ้น นำไปสู่การสู้รบกลางเมือง หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น เสี่ยงต่อการแทรกแซงจากต่างชาติ อันจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงโดยรวมในภูมิภาคอาเซียนไปด้วย
...
3.) เสนอให้ รัฐบาลทหารเมียนมา กับ กลุ่มชาติพันธุ์ที่รวมตัวกันในนามรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ใช้วิธีทางการเมือง หารือเพื่อหาทางออกร่วมกันโดยสันติ โดย ASEAN ต้องพร้อมทำหน้าที่เป็นกรรมการตัวกลาง
คาดหวังว่ารัฐบาลไทย จะแสดงท่าทีชัดเจน แสดงบทบาทความเป็นผู้นำในภูมิภาค กำหนดท่าทีร่วมกันกับผู้นำชาติอาเซียนอื่นๆ เพื่อนำมาสู่การสร้างสันติสุขกลับมาสู่ประเทศเมียนมา และรักษาความมั่นคงของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน