น.ส.เบญจรงค์ ธารณา กรรมการบริหารพรรคกล้า เผย พรรคกล้า คัดค้าน ต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี ให้ บีทีเอส ชี้ ผูกขาด-แพง แนะตั้ง "กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน" แก้หนี้กว่าแสนล้าน
วันที่ 10 เม.ย. น.ส.เบญจรงค์ ธารณา กรรมการบริหารพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีบีทีเอสเผยแพร่คลิปและจดหมายเปิดผนึกถึงผู้โดยสาร ขอต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี แลกกับการรับภาระหนี้สินกว่าแสนล้านบาท ที่รัฐบาลค้างชำระแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท ว่า ขอคัดค้านการต่อสัมปทาน เพราะเท่ากับเป็นการให้สิทธิ์บีทีเอส ผูกขาดไปอีกถึง 30 ปี ในราคาค่าโดยสาร 65 บาทตลอดสาย ซึ่งกระทรวงคมนาคม ก็ทักท้วงแล้วว่า ค่าโดยสารที่สูงเกินไป หากต่อสัมปทานกับบีทีเอส สภาพคงคล้ายกับทางด่วนโทลเวย์ ที่ราคาสูงกว่าทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และกว่ารถไฟฟ้าสายสีเขียวจะหมดสัมปทาน และกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายระบบใยแมงมุม ใช้ระบบตั๋วร่วมค่าโดยสารถูกลง ประชาชนต้องรอไปอีก 30 ปี แม้ตนเป็นคนรุ่นใหม่ขณะนี้แต่ต้องรออีก 30 ปี ก็คงอายุ 60 ปี ไปแล้ว ดังนั้นหากต่อสัมปทาน ประชาชนจะเป็นผู้เสียผลประโยชน์มากที่สุด
น.ส.เบญจรงค์ กล่าวต่อว่า ภาระหนี้สินที่เกิดขึ้น ไม่ควรอ้างเรื่องภาระงบประมาณ แล้วนำมาต่อรองกับการต่อสัมปทานจากรัฐ แต่ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน แนวทางแก้ไขกรณีนี้พรรคกล้าสนับสนุนให้มีการตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure fund) มาร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและประชาชน ซึ่งกระทรวงคมนาคม เคยให้ความเห็นว่า รัฐจะสามารถมีรายได้จากเงินนำส่งระหว่างปี 2573-2602 รวม 3.8 แสนล้านบาท และยังสามารถกำหนดค่าโดยสารได้ที่ 50 บาทตลอดสาย ซึ่งถูกกว่าการต่อสัมปทานกับบีทีเอส และยังมีรายได้มาใช้หนี้ได้ด้วย โดยไม่ต้องรอเวลา 30 ปี แต่ถ้าต่ออายุสัมปทานอีก 30 ปี ก็เหมือนต่อความล้าหลังให้ กทม. และประชาชนเสียทั้งโอกาส เสียประโยชน์ ที่จะได้ใช้ระบบขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพจริง
...