"อดุลย์" ย้ำ ม็อบสามัคคีทุกสี ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้ เป็นเรื่องระหว่างประชาชนกับเผด็จการ ยัน กิจกรรมที่จะทำในวันพรุ่งนี้ เป็นไปอย่างสันติ เพื่อสะสมพลัง เป้าหมาย ล้ม "ระบอบประยุทธ์" ให้ได้  

วันที่ 3 เม.ย. นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา' 35 และอดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างปรองดองแห่งชาติ เปิดเผยถึงการจัดงาน “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ที่ “อนุสรณ์พฤษภาประชาธรรรม” ในวันที่ 4 เมษายนนี้ ร่วมกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.(แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ) นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และกลุ่มผู้รักประชาธิปไตย เป็นกิจกรรมที่สะท้อนความสามัคคีของคนในชาติเพื่อหาทางออกให้กับประเทศที่กำลังเดินไปสู่ทางตันและส่อจะเกิดกลียุคสงครามกลางเมือง เพียงเพราะการกระหายอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายอดุลย์ กล่าวว่า เวทีสามัคคีประชาชน จะเชิญประชาชนจากทุกภาคส่วนของสังคม ไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งฝ่าย แบ่งสี มาชำแหละความผิดพลาดล้มเหลวของ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่การตระบัดสัตย์ไม่ปฏิรูปประเทศตามที่ให้สัญญาประชาคมเมื่อครั้งยึดอำนาจ ปี 2557 ไม่สร้างความสามัคคีปรองดอง ตามคำมั่นสัญญากับแกนนำกลุ่มการเมืองทั้ง เสื้อเหลือง-เสื้อแดง แล้วสร้างความแตกแยกทางสังคมอย่างร้าวลึก ปล่อยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนใหญ่ ทำให้เจ้าสัวร่ำรวย แต่ประชาชนต้องใช้สินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้นจึงเกิดความเหลื่อมล้ำยิ่งกว่าเดิม กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน อภิสิทธิ์ชนยังอยู่เหนือกฎหมาย ขณะที่คนจนเข้าไม่ถึงความยุติธรรม ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญวางแผนสืบทอดอำนาจอีกสมัย ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ อ้างสถาบันสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบัน โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปกป้องสถาบันได้ เป็นต้น

...


"เวทีสามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย ใครก็สามารถมาร่วมกันได้ หากมีความเห็นตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือตัวปัญหา เหมือนกับช่วงพฤษภาคม2535 ที่นักศึกษาและประชาชนทุกฝ่าย เห็นว่า รสช.คือตัวปัญหาจึงออกมาขับไล่จนสำเร็จ ดังนั้นงานนี้จะต้องสลายเสื้อสี อะไรที่เคยบาดหมางใจให้ละไว้ เลิกทะเลาะกันชั่วคราว มาสามัคคีเพื่อประเทศไทย ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สำเร็จก่อน และไม่จำเป็นต้องเดินลงท้องถนน เพราะหากทุกฝ่ายมาแสดงพลังร่วมกันจำนวนมากให้เป็นเจตจำนงของสังคม ก็สามารถกดดันองคาพยพของรัฐบาลให้สั่นคลอนล้มลงได้ แล้วจัดให้มีรัฐบาลใหม่ที่สามารถสร้างความสามัคคีคนในชาติและปกป้องสถาบันได้ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์" นายอดุลย์ กล่าว

ดังนั้นการออกมาปฏิบัติการ IO ของคนในรัฐบาลเพื่อด้อยค่าหรือพยายามสร้างความเกลียดชังให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชนควรหยุดเสีย และกลับไปเก็บหาทางลงจากอำนาจเพื่อไม่ให้ประเทศชาติต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้

นายอดุลย์ กล่าวว่า การสร้างวาทกรรม "สู้แล้วรวย" การปรามาสจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่า จะมีไม่มาก ของคนฝั่งรัฐบาลนั้น สะท้อนให้เห็นความเขลาทางปัญญาและความล้าหลัง เพราะวันนี้มวลชนก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว พวกตนรู้ดีว่า กิจกรรมไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จบแค่ครั้ง สองครั้ง แต่จะเป็นการสะสมเงื่อนไขพลังประชาชนเชิงคุณภาพ และวันหนึ่งจะมีประชาชนเรือนล้านลงถนนไล่ พล.อ.ประยุทธ์ แน่นอน หากยังพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาระบอบประยุทธ์

นายอดุลย์ กล่าวว่า แกนนำที่ร่วมจัดกิจกรรม “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” มีที่มาที่และความคิดหลากหลาย ไม่มีสีเสื้อ พวกเราสามัคคีทุกสี มีเป้าหมายเดียวคือ ล้มระบอบประยุทธ์

“แกนนำ คือ คนที่อยู่หน้าแนวรบ มีมวลชนประชาชนที่มีความเห็นสอดคล้องกันเป็นกำแพงหนุน ทุกคนล้วนผ่านการต่อสู้บนท้องถนนมานับครั้งไม่ถ้วน ในยามที่การเมืองในระบบไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่เป็นเพียงเกราะกำบังอำนาจและผลประโยชน์ของนายทุน ขุนศึก ศักดินา ก็ย่อมเป็นสิทธิโดยธรรมชาติที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของประชาชนที่จะออกมาขับไล่ผู้นำนั้น ซึ่งถือเป็นปรัชญาพื้นฐานของการเมืองที่ยึดถือกันปฏิบัติทั่วโลกว่า ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการลุกฮือ ต่อต้าน เป็นเรื่องระหว่างประชาชนกับเผด็จการ” นายอดุลย์ กล่าว

นายอดุลย์ กล่าวว่า ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 4 เมษายนนี้ ซึ่งตนยืนยันว่า จะเป็นไปอย่างสันติ ก่อเกิดองค์ความรู้ สร้างสรรค์ และเป็นพลังที่จะทรงพลานุภาพล้มระบอบประยุทธ์ได้