250 อรหันต์ อาวุธลับ คสช. เมื่อเทอมของรัฐบาลเหลืออีก 2 ปีก็ตาม แต่ในทางการเมืองแล้วไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะอยู่ครบหรือไม่
นี่ถ้าเป็นรัฐบาลที่โชว์ผลงานเพียบ ประชาชนพึงพอใจ เลือกตั้งใหม่ก็ชนะแน่ ถือเป็นความได้เปรียบที่ผู้นำรัฐบาลก็จะตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้
อยู่ต่อไปหรือประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งกันใหม่
แต่การเมืองลักษณะนี้ของไทยไม่ค่อยปรากฏให้เห็น เพราะแต่ละรัฐบาลที่ผ่านมามักจะอยู่ในอาการร่อแร่...เสียมากกว่า
คือจำใจที่จะต้องยุบสภา เพราะไม่มีทางเลือกอย่างอื่น
จึงไม่แปลกที่จะเห็นนักการเมือง พรรคการเมืองเริ่มมีความเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นการขอจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่
การขยับตัวของนักการเมืองในแต่ละพรรค ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเพื่อเป็นการชิงการนำและประเมินว่าพรรคที่สังกัดนั้น
จะมั่นคงทนทานบนสนามการเมืองได้มากน้อยแค่ไหน?
ที่สำคัญก็คือระดับยอดของพรรคได้มีการวางแผนในเรื่องนี้กันอย่างไร หากยังพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป
คนพร้อม ปัจจัยพร้อม อำนาจบารมีพร้อม
แบบนี้จะได้ร่วมมือร่วมใจกันสร้างพรรคให้แข็งแกร่งต่อไปได้อย่างมีอนาคต นอกจากชนะการเลือกตั้งแล้ว
จะต้องได้เป็น “รัฐบาล” มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ
รัฐบาลชุดปัจจุบันที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯนั้น ไม่มีเงื่อนไขดังที่กล่าวมาแล้ว แต่ต้องการที่จะมีอำนาจต่อไปให้นานที่สุด
ดังนั้น ก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ให้ได้ เพราะจากการแปลงร่างจากรัฐบาล คสช.เต็มรูป
ยังสามารถเปลี่ยนไปสู่การเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับครึ่งใบขึ้นมาใช้
สาระของรัฐธรรมนูญจึงเอื้อประโยชน์ให้กับรัฐบาลชุดนี้ ที่สำคัญคือมีเสียงสนับสนุนอีก 250 เสียงจากวุฒิสมาชิกที่ คสช.แต่งตั้ง
...
ยิ่งการเมืองระยะหลังมานี้คงได้เห็นแล้วว่า “พิษสง” ของ ส.ว.นั้นขนาดไหน แบบว่าการโหวตนายกฯที่ผ่านมานั้นแทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรเลย
แต่พอมีปัญหาขัดแย้งที่ต้องแสดงถึง “อำนาจ” ที่เป็นจริงของรัฐบาล วุฒิสภาจึงต้องออกมาแสดงฤทธิ์เดชอย่างเต็มที่
ยิ่งไปเปิดปฏิบัติการถอนรากถอนโคนก็ยิ่งหันมา “ฮึดสู้” จนเป็นกำลังหลักของรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจอย่างไม่กระดากกันแล้ว
เท่ากับว่ารัฐบาล วุฒิสภาเป็นพลังสำคัญทางการเมืองทั้งในสภาและนอกสภา และระดมคนที่โดยรวมแล้ว
มี “คุณภาพ” มากกว่า ส.ส.ในสภาเสียอีก
คำถามพ่วงท้ายรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประชาชนลงประชามติ ว่าด้วย “วุฒิสภา” พร้อมด้วยอำนาจหน้าที่
เป็นทางลัดสู่อำนาจที่แน่นอนและมั่นคง.
“สายล่อฟ้า”