แม้จะพ่ายแพ้ในศึกการเมืองมาสดๆร้อนๆ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกคว่ำกลางสภา แต่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ ก็ไม่ได้ย่อท้อ ประกาศระดมสมองคณะผู้บริหารรวมทั้งพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อกำหนดแผนตลาดข้าว เพื่อให้ไทยกลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง
ประเทศไทยเคยส่งข้าวออกได้ ปีละถึง 10 ล้านตัน ครองความเป็นแชมป์โลกติดต่อกันนานนับสิบๆปี แต่ได้สูญเสียความเป็นผู้นำตลาดข้าวโลกให้แก่อินเดียและเวียดนามมาหลายปี ร่วงลงมาเป็นอันดับที่ 3 คาดว่าในปี 2564 นี้ ไทยจะส่งข้าวออกได้แค่ 5 ล้านตัน ต่ำสุดใน 20 ปี พรรคประชาธิปัตย์จะฟื้นฟูอย่างไร
ถ้าจะแก้ปัญหาข้าวอย่างจริงจัง ต้องถือว่าขณะนี้เป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุด เพราะพรรคประชาธิปัตย์ คุมทั้งการผลิตและการขาย หัวหน้าพรรคเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ ส่วนเลขาธิการพรรคเป็นรัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ เหตุที่ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันการค้าข้าว ไม่ใช่ปัญหาการตลาดอย่างเดียว แต่การผลิตก็ปัญหาใหญ่
ในการประชุมระดมสมองเรื่อง “อนาคตข้าวและชาวนาไทย” เมื่อเร็วๆนี้ มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวเข้าร่วมหลายคน นักวิชาการบางคนฟันธงว่า ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะเวียดนามไปแล้ว เพราะเวียดนามมีพันธุ์ข้าวใหม่ มีผลผลิตสูง มีความนุ่ม และราคาถูก จึงตีหอมมะลิไทยกระจุย
สาเหตุเพราะว่าเราไม่นำพันธุ์ข้าวจากต่างประเทศมาพัฒนาเป็นพันธุ์ใหม่ ยังยึดติดอยู่กับข้าวหอมมะลิที่อาจจะอร่อยสุดในโลก แต่ราคาก็อาจแพงสุด ซ้ำยังมีการบริหารจัดการที่ผิดพลาด บางรัฐบาลรับจำนำข้าวในราคาที่สูงกว่าตลาดมาก รัฐบาลขาดทุนไปหลายแสนล้านบาท ส่วนข้าวไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
...
ผู้เข้าร่วมในการระดมสมองบางคน ระบุว่าการพ่ายแพ้ของเรา เป็นการพ่ายแพ้เชิงยุทธศาสตร์ จากการนำที่ไม่ถูกทิศทาง ใช้นโยบายแจกเงินอุดหนุน ทำลายความสามารถในการผลิต ใช้ข้าวและชาวนาเป็นสินค้าทางการเมือง เป็นหนทางเข้าสู่สภา เพื่อเป็นรัฐบาล ลดแลกแจกแถม ให้ชาวนามีความสุขระยะสั้นแต่ตลาดข้าวพัง
น่าแปลกใจ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศจะระดมคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เพื่อกำหนดแผนตลาดข้าว เพื่อให้ไทยกลับมาเป็นแชมป์อีกครั้ง แต่เน้นทูตพาณิชย์มากกว่า ไม่พูดถึงกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเลขาธิการพรรคเป็นรัฐมนตรีว่าการ ไม่พูดถึงการพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ๆ การลดต้นทุนการผลิต เพื่อเพิ่มความสามารถแข่งขัน.