อาการ “ย่ามใจ” ทะลักเกินลิมิต กับอารมณ์ท้าทายกันซึ่งๆหน้า แบบที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ตะโกนบอกฝ่ายไล่ล้มกระดานรัฐบาลทหารเฒ่า 3 ป. ถ้าระแวงกลัวสืบทอดอำนาจ ก็ให้ไปหาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จก่อน

ตบท้ายยังย้ำกันเน้นๆน้ำเสียงเย้ยหยัน “แก้ให้ได้ก็แล้วกัน”

มั่นใจ ต่อให้เทวดาก็ไม่มีทางรื้อ “ค่ายกลคัมภีร์ซือแป๋มีชัย” รัฐธรรมนูญฉบับ “เขาอยากอยู่ยาว” ส่อเค้าปักหมุดกันรากงอก ไม่ใช่แค่ 2 ปีครบเทอม แต่เติมโปรโมชันไปถึงเลือกตั้งรอบหน้าอีกเป็นอย่างน้อย

“250 ส.ว.ลากตั้ง” ยังเป็น ไอ้ห้อย ไอ้โหน คุ้มกำบังกาย

แถมจุดสังเกต “บิ๊กตู่” ยังทิ้งทุ่นไว้ด้วยว่า “จะเลือกผมหรือไม่เลือกผม ก็ไม่ได้ขัดข้อง ไม่เลือกก็ได้”

นั่นหมายถึง พร้อมวัดดวงในสนามเลือกตั้ง

ไม่ใช่แค่ 250 ส.ว. แต่ป้อมค่ายการเมือง ฐานอำนาจในสภาผู้แทนราษฎรก็พร้อมเหมือนกัน

จังหวะแผนหนึ่ง แผนสอง แผนสาม วางยุทธศาสตร์ดักไว้ทุกทางแล้ว

ตามแนวโน้มสถานการณ์ที่โยงไปถึงปรากฏการณ์ฟ้องด้วยภาพข่าว “เสี่ยฉิ่ง” นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำทีมบิ๊กข้าราชการมหาดไทย แห่ไปจังหวัดมหาสารคาม

ร่วมงานวันเกิดเจ๊เตือนใจ จรัสเสถียร มารดาของ “เสี่ยโจ้” นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่บารมีกำลังเบ่งบาน “ขึ้นหม้อ” ปิดฝาไม่มิด

ซึ่งถือว่า “ผิดปกติวิสัย” ข้าราชการผู้ใหญ่ระดับปลัด มท.จะไปงานวันเกิดแม่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน

...

มันจึงต้องเป็นสถานการณ์ที่สำคัญเอามากๆ

โดยบังเอิญมันก็ล้อต่อเนื่องกับกระแสข่าวลือ ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมามี ส.ส.พรรคฝ่ายค้านกลุ่มใหญ่ไปรับแจก “กล่องยังชีพ” แถวคลองหลอด

ตามด้วยกระแสข่าวทีมดูไบโวยหนอนบ่อนไส้ทำ “ข้อสอบรั่ว”

แล้วก็เป็น “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่สามารถเคลียร์ข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านได้แจ่มแจ้ง จนสื่อให้คะแนนติดชาร์ตสอบผ่านอันดับต้นๆในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

สวนทางกับมวยตัวจี๊ดค่ายเพื่อไทยที่โดนโห่ “ชกไม่สมศักดิ์ศรี”

และทั้งหมดทั้งปวง ไฮไลต์มันตรงกับข่าว “วงใน” ปลัด “ฉ” เดินหน้าตั้งป้อมค่ายใหม่

โยงไปถึงเสี่ยใหญ่ “สปอนเซอร์หลัก” อย่างเป็นทางการของทีมอำนาจ 3 ป. ที่ล่าสุดสยายปีกเพิ่มรับเป็น “สปอนเซอร์หลักอย่างไม่เป็นทางการ” ของพรรคเพื่อไทย

ระดมขุมข่าย ส.ส.ใหญ่สุดอยู่ใต้คอนโทรล คุมโซนนักเลือกตั้งอาชีพ

รอสัญญาณ “เบื้องบน” กดปุ่มล็อกเกมอำนาจประเทศไทย

ที่แน่ๆโอกาสสูงที่ต้องสละทิ้งค่ายพลังประชารัฐ ที่เน่าแล้วเน่าอีก กลายเป็นรังเสือ สิงห์ กระทิง แรด

ตามรูปการณ์อาจถูกปล่อยให้ยุบตามคดีที่คาอยู่ในสารบบ ทั้งปมนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าสมุทรปราการ ร่วมปราศรัยใหญ่หาเสียงให้ผู้สมัคร พปชร.ทั้งที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เข้าข่ายบุคคลภายนอกครอบงำพรรค ติดเงี่ยง กกต.

หรือกรณี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯไปร่วมวงสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ทั้งๆที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค

เงื่อนไขทางคดีพร้อมเกม “หักดิบ” พังนั่งร้านพลังประชารัฐทันที

จับทิศทางลมจากการเคลื่อนของ “ปลัดฉิ่ง” ประกอบอาการ “ย่ามใจ” ทะลักลิมิตของ “บิ๊กตู่” นักการเมืองจอมเขี้ยว หูผี จมูกมด คงต้องหาทางหนีทีไล่กันแต่หัววัน

เพราะปัจจัยม็อบรุ่นใหม่ที่ยกระดับเกมเฮี้ยวทะลุฟ้า เสี่ยงเกิดเหตุพลิกผันได้ทุกขณะ

แต่ที่สลายตัวก่อนค่ายพลังประชารัฐก็คือพรรคเพื่อไทย

จากคิวของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ที่ถอนสมอออกจาก “กงสี” ตระกูลชิน รอตัดริบบิ้นพรรค “สร้างไทย”

ล่าสุดเป็นคิวของนายเศกสิทธิ์ ไวยนิยมพงศ์ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย สายตรง “เดอะอ๋อย” นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯที่ประกาศไขก๊อกจากพรรคเพื่อไทย ตั้งพรรค “เส้นทางใหม่”

ปักหมุด ขึ้นป้ายหัวหน้าพรรคชื่อ “จาตุรนต์ ฉายแสง”.

ทีมข่าวการเมือง