"ผู้กองมาร์ค" ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ พรรคเพื่อไทย ตอกย้ำ นายกฯ เหตุใดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และไฟป่าในเชียงใหม่ จึงยืดเยื้อและยาวนาน เชื่องบจังหวัด มีมากพอ เย้ย บิ๊กตู่ หากอยากมี ส.ส.เชียงใหม่ ให้รีบแก้ 

วันที่ 10 มี.ค. ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ประธานคณะอนุกรรมการด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ ติดอันดับเมืองที่มีอากาศแย่ที่สุดในโลกมา 3 วัน ติดต่อกัน โดยค่าฝุ่นพิษ PM 2.5 สูงถึง 247 มคก./ลบ.ม. ซึ่งค่ามาตรฐานนั้นไม่ควรเกิน 50 มคก./ลบ.ม. และคำตอบที่เรามักได้รับเสมอจากหน่วยงานภาครัฐก็คือ มีความกดอากาศต่ำเนื่องจากมีความร้อนปกคลุม หมอกควัน ไม่สามารถระบายได้ และอีกปัญหาที่เรามักพบในทุกครั้งที่อากาศแห้ง ก็คือไฟป่าใน จ.เชียงใหม่ และหลายพื้นที่ในภาคเหนือ ซึ่งเกิดจากการที่มีคนลักลอบเผา โดยที่รัฐบาลไม่มีความสามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้เลย ยังต้องขออาสาสมัครมาช่วยดับไฟ เพราะมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ และยังต้องขอบริจาคเงินเพราะอุปกรณ์การดับเพลิงไม่พร้อม โดยระบุว่า รัฐบาลมีงบประมาณไม่เพียงพอ แต่เหตุใดถึงยังมีเงินไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ตั้งมากตั้งมายในช่วงวันที่ 1 ก.พ.-5 มี.ค.64 ที่ผ่านมานั้นพบว่า ผู้ป่วยใน จ.เชียงใหม่ รวมทั้งสิ้น 9,242 คน มีปัญหาในเรื่องของ ทางเดินหายใจ กลุ่มโรคหัวใจ หลอดเลือด ผิวหนังอักเสบ ตาอักเสบ และโรคที่เกี่ยวข้อง โดยตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมาปัญหาเหล่านี้ไม่เคยเลือนหายไปไหนและยังติดอยู่ในใจคนเหนือมาโดยตลอด จนทำให้ประชาชนอดสงสัยไม่ได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมัวทำอะไรอยู่ ถึงไม่รีบแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจังเสียที

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ อยากมี ส.ส.ในเชียงใหม่ ก็ควรรีบทำการบ้าน เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 และปัญหาไฟป่าโดยด่วน ดังนี้

...

1. ติดตั้งระบบตรวจสอบค่าฝุ่นพิษ PM 2.5 ในทุกจุดเสี่ยงของ จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งเร่งจัดทำระบบเตือนภัยผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อให้ประชาชนป้องกันตัวได้ทันแบบเรียลไทม์

2. เร่งเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านแบบทวิภาคี หรือไตรภาคี เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษในพื้นที่อย่างจริงจังและยั่งยืน

3. บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับรถยนต์ที่ปล่อยควันเสียเกินค่ามาตรฐาน และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่เผาป่า เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

4. จัดหางบประมาณเพื่อซื้อครุภัณฑ์ดับเพลิงที่ได้มาตรฐานสากลให้เพียงพอ หากมีไฟป่าก็ควรระดมเจ้าหน้าที่จากภาคเหนือทุกหน่วยงานในปริมาณที่เหมาะสมมาปฏิบัติหน้าที่

5. ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณสนับสนุนรถโดยสารประจำทางในตัวเมืองเชียงใหม่ให้เป็นรถแบบ BEVs โดยจัดสร้างสถานีชาร์จรถไฟฟ้าให้เพียงพอ เพื่อเป็นแรงจูงใจกระตุ้นให้คนใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น เพราะหากชาวเชียงใหม่มีรถประจำทาง ก็จะสามารถลดปริมาณรถยนต์ส่วนบุคคลแบบเดิมที่ปล่อยควันพิษ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของฝุ่นพิษ PM 2.5

เชียงใหม่เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่นิยมของคนไทยและต่างชาติ ซึ่งจากผลการจัดเก็บภาษีสรรพากร จ.เชียงใหม่อยู่ที่ประมาณ 11,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งน่าจะเป็นการเพียงพอที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะนำงบประมาณดังกล่าวมาใช้ในการแก้ไขปัญหา ฝุ่นพิษ PM 2.5 และปัญหาไฟป่าได้อย่างยั่งยืน หากเราสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ทำให้ อากาศบริสุทธิ์ และรักษาความสมดุลทางทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น จ.เชียงใหม่ ก็จะเป็นเมืองที่น่าอยู่มากขึ้นและเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมอันดีงาม