กระทรวงเกรดเอ แต่ไม่มีใครอยากเป็น ความจริงทางการเมืองอยู่เรื่องหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือการที่ไม่ค่อยมีนักการเมืองคนไหนอยากเป็น “รัฐมนตรีศึกษา”
แม้จะเป็นกระทรวงใหญ่ งบประมาณเพียบ บุคลากรล้น ขอบข่ายงานกว้างขวางไปทั่วประเทศ แต่หาคนเข้าไปรับผิดชอบยาก
มีแต่พูดกันทุกคนว่าการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ว่าประเทศไหนก็ตาม โดยเฉพาะประเทศไทย
เห็นดีแต่พูดเอาสวย เอาเท่ ได้วิชั่นเท่านั้น
แต่ไม่ค่อยมีใครอยากเป็น “รัฐมนตรี”...ฟังดูก็แปลกๆ แต่ไม่ต้องไปสงสัยอะไร
เพราะเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญ เป็นรากฐานที่มีผลต่ออนาคตของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม
สรุปง่ายๆก็คือเป็นงานยากยิ่ง
ลองนึกภาพง่ายๆ การปรับ ครม.ครั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการเป็นกระทรวงใหญ่สุด นอกจากผู้รับผิดชอบในระดับรัฐมนตรีว่าการแล้ว
ยังมีหน้ามีตาให้กับนายกฯและรัฐบาลชุดนี้ด้วย หากแต่งตั้ง “บุคคล” ที่มีความรู้ความสามารถ ได้รับการยอมรับ ภาพลักษณ์ที่ดี อุทิศตนเพื่อชาติบ้านเมืองด้วยน้ำใสใจจริง
...
คือไม่ใช่มีตำแหน่งใหญ่โตเท่านั้น แต่ยังจุดประกายฝันให้สังคมประเทศด้วย
หมายถึงว่าพอจะเป็นความหวังได้บ้างหรือพอจะเห็นอนาคตข้างหน้าได้ ผมว่านี่แหละเป็นเรื่องที่นายกฯจะต้องคำนึงถึงให้มากๆก่อนตัดสินใจ
การปฏิรูปการศึกษาจะได้เป็นรูปเป็นร่าง เข้าสู่มิติที่ถูกต้อง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯมาหลายปี ทั้งในแบบคาบลูกคาบดอกและครึ่งใบ อันหมายถึงมีอำนาจพิเศษที่จะเอื้อต่อการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศได้
ถ้ากล้าตัดสินใจจัดลำดับปัญหาอย่างเป็นระบบ
รัฐบาล คสช.มีนายทหารร่วมรุ่นเข้าไปเป็นรัฐมนตรีรับผิดชอบที่พูดกันว่าเป็น “คนเก่ง” แต่ก็เข้าไม่ถึง “แก่น” ของปัญหา
คือยังไม่รู้ว่าจะแก้อะไรตรงไหน อย่างไรที่เป็นหัวใจสำคัญ
กลับมุ่งไปที่ปัญหาการบริหารองค์กรเพียงจุดเล็กๆจุดเดียว ซึ่งไม่ใช่หลักใหญ่ใจความด้านการศึกษา
สุดท้ายก็มีหน่วยงานเพิ่มมาอีกส่วนหนึ่งที่ทับซ้อนกัน
คือรูปแบบศึกษาธิการจังหวัดที่เคยมีและยกเลิกไปแล้ว
แต่เนื่องจากเวลาทำงานเพียงระยะสั้นๆ ก็เลยไม่ได้เห็นฝีมือในเรื่องอื่นๆว่าแค่ไหนอย่างไร ทิ้งไว้แต่หน่วยงานเก่าเอามาเล่าใหม่เท่านั้น
พอมาถึงรัฐบาลครึ่งใบได้รัฐมนตรีคนใหม่มาจากพลังประชารัฐเพราะเป็นโควตา ปรากฏไม่มีปัญหาแย่งเก้าอี้ ชอบกลดีเหมือนกัน
สุดท้าย “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ได้เข้ามารับผิดชอบด้านการศึกษา และต้องพ้นจากตำแหน่งไป
นินทากันว่าเจ้าตัวนั้นไม่ได้ต้องการเป็นรัฐมนตรีศึกษา แต่วางเส้นทางเอาไว้ที่กระทรวงพลังงาน แต่สู้แรงเบียดไม่ได้ ก็เลยต้องฝืนทนนั่งเก้าอี้
หายเงียบไปนาน มาโผล่อีกทีก็ตอนโดนม็อบนักเรียนไล่ล่าตีแผ่ความจริง
อีกทีก็ถูกซักฟอก เพราะมัวแต่ไปไล่ล่าหาเลขาธิการ สกสค.อยู่.
“สายล่อฟ้า”