“ดราม่า” บังเกิดทันที เมื่อวัคซีนโควิด “เข็มแรก” ส่อเป็นคิวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กระตุ้นอาการแทรกซ้อน ยั่วเสียงโห่ดังอื้ออึง
ทั้งปมเบียดคิวชาวบ้าน ประเด็นอันตรายนายกฯอายุเกิน 60
หน้าที่ “หนูลองยา” มันต้องเป็นของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข
แต่ไม่ว่า “บิ๊กตู่” หรือ “เสี่ยหนู” นั่นก็แค่อีเวนต์แห่กระแส จังหวะตีปี๊บ “วัคซีนเข็มแรก” ปลุกเรตติ้งรัฐบาลที่โดนฝ่ายค้านถล่มยับ ปมล้มเหลวในการบริหารจัดการวัคซีนโควิด
มากกว่าจะสร้างความมั่นอกมั่นใจให้ประชาชน
นั่นก็เพราะคนไทยส่วนใหญ่ที่ติดตามความคืบหน้า “วัคซีน” สกัดไวรัสมรณะมาตั้งแต่ต้น จะรู้ดีว่า “ซิโนแวค” วัคซีนสัญชาติจีนที่ “บิ๊กตู่” ทุบโต๊ะให้สั่งจองนาทีสุดท้าย และกลายเป็นคิวแก้ขัด กู้หน้าจากวัคซีน “แอสตราเซเนกา” ยี่ห้อยุโรปที่มีอันฟาวล์ มาไม่ทันฤกษ์วันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์
และมันก็แค่ 2 แสนโดสจากที่จองไว้ 2 ล้านโดส เทียบกับคนไทย 68 ล้านคน หรือเท่ากับ 2.9 เปอร์เซ็นต์ เป็นอะไรที่ยังห่างไกลความจริงมาก หากวัดจากมาตรฐานหลายประเทศที่ลุยฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปแล้ว
เกินร้อยละ 50 ขึ้นไปถึงจะอุ่นใจ แต่ยังไม่ปลอดภัย
คนไทยยังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ภายใต้มาตรฐานการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลขุมอำนาจ 3 ป.
...
ตามสถานการณ์บ้อท่ากับโควิด ยังต้องเผชิญไวรัสการเมืองเน่า “กำเริบ” จากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ชนะอย่างบอบช้ำชนิดที่ต้องหามเข้ามุมสะบักสะบอม
อาฟเตอร์ช็อก เขย่า “สนิมเนื้อใน” เรือเหล็ก เละเป็นเสี่ยง
เหตุจาก “เสียงหาย” ผลโหวตนายกฯและรัฐมนตรีเป้าเชือดออกมาไม่เท่ากัน
นำมาซึ่งฉากโหดๆ เสือ สิงห์ กระทิง แรด ล้อมกรอบ “สมันน้อย” ยุทธการรุมกินโต๊ะกลุ่มดาวฤกษ์ นำโดย “มาดามเดียร์” น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ โทษฐานไม่โหวตไว้วางใจ “เสี่ยโอ๋” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย
เหยียบจมูกขาใหญ่ทีม “เซราะกราว”
งานนี้ไม่อิงหลักการ ไม่ยึดกระแสสังคม แม้ทีมดาวฤกษ์ พปชร.จะตอบคำถามได้เคลียร์กว่างูเห่าพรรคก้าวไกลที่โหวตไว้วางใจนายอนุทิน แบบที่อธิบายยังไง ประชาชนก็เชื่อว่า “โปรฯย้ายค่าย”
กลายเป็นทำตามอารมณ์ประชาชน แต่ขัดอารมณ์บิ๊กบราเธอร์
เสียงคำรามจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ส่งซิกฟาด 7 ส.ส.ดาวฤกษ์แบบไม่เลี้ยง ล้อกับเสียงกัดฟันกรอดๆจากเจ้าพ่อเซราะกราว “เนวิน ชิดชอบ” ประกอบอาการ “เสี่ยหนู” โชว์ดุ ถ้าปกป้อง “น้องเนวิน” ไม่ได้ ก็ไม่ควร เป็นหัวหน้าค่ายภูมิใจไทย
ไล่ขยี้ระดับนี้ ถ้าไม่ตะเพิดทีม “มาดามเดียร์” พ้น พปชร.ถือว่ามวยล้มต้มทีม “เซราะกราว”
ในมุมกลับกัน ทีม “เซราะกราว” เมื่อเล่นบทห้าวเป้งใส่ทหารเฒ่า 3 ป. โชว์กล้ามขู่กดดันทีมพลังประชารัฐ ถ้าลุยไม่สุดก็เสียราคา ถึงจุดวัดดวงก็ไม่มั่นใจในสถานะอะไหล่ที่รัฐบาลขาดไม่ได้
อีกนัย เกมกำลังไหลเข้าทางปืนทหารเฒ่า 3 ป. รอเช็กบิลรวบยอด
กำจัดหอกข้างแคร่ภูมิใจไทย โละประชาธิปัตย์ที่เน่าในยันนอก
โดยมีพรรคเพื่อไทยรอเสียบด้วยใจระทึก อารมณ์ระทวย
ตามจังหวะสถานการณ์ส่อคิว “โละสต๊อก” ครั้งใหญ่
จับตา 24 กุมภาพันธ์ วันดีเดย์ ศาลนัดอ่านคำพิพากษา “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และทีมหัวโจก กปปส.ในคดีร่วมกันเป็นกบฏ ก่อการร้าย ทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และขัดขวางการเลือกตั้ง เหตุเกิดปี 2556 ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เทียบคดี กปปส.พัทลุงล้มเลือกตั้ง ที่ศาลฎีกาสั่งจำคุก แกนนำคอตกเข้าเรือนจำ
“ลุงกำนัน” กับทีม กปปส.เมืองกรุง ก็ลุ้นวาระ “กรรม” เดียวกัน
และถ้าหวยออกมาโป๊ะเชะ ย่อมสั่นสะเทือนถึงสถานะของรัฐมนตรี
ถึงจุดเวนคืนโควตา กปปส.ทั้ง “เสี่ยตั้น” นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่ “อมบ๊วย” อาการลูกผีลูกคนอยู่แล้ว
แนวโน้มยังต้องพ่วง “เสี่ยบี” นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลฯ ที่กำลังลุยควบรวมกิจการบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ เร่งคิวประมูลแบ่งเค้กคลื่นความถี่ 5 จี งานนี้ส่อไม่ทัน ไม่เว้นนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม โควตาประชาธิปัตย์ก็อยู่ในข่ายโดนริบตั๋วไปต่อ เพราะผลทางคดีม็อบ
เสริมความสมเหตุสมผลในการปรับ ครม.ใหญ่
ลุ้นทหารเฒ่า สลัดทิ้ง กปปส. โละ ปชป. ดับห้าวทีม “เซราะกราว”.
ทีมข่าวการเมือง