“ศรัณย์วุฒิ” จัดหนัก ”บิ๊กตู่” ชี้ บริหาร ปท.ล้มเหลว เปรียบไทยเป็นเสาบ้าน 9 ต้น ทรุดหนัก เศรษฐกิจไทยพังเสียหาย อ้าง มีเจ้าสัวมอบบ้านหรูราคาแพงให้หลังยืดอายุกฎหมายเก็บภาษีที่ดิน ขณะฝ่าย รบ.ประท้วง พาดพิงสถาบัน
วันที่ 19 ก.พ. ที่รัฐสภา นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ตนเองมีใบเสร็จหลายใบ และจะแฉว่า คนที่บอกว่าไม่รับเงินชั่วๆ มันจริงหรือไม่ และจะทำหน้าที่ ส.ส.ให้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัด ที่มีสภาเป็นสภาฯ ที่เรียกว่า มีรัฐธรรมนูญฉบับโจร ร่างไว้ทำให้สภาถูกกดทับ เป็นสภาเผด็จการ
ซึ่งขณะ นายศรัณย์วุฒิ กล่าวถึงตรงนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ขอให้ นายศรัณย์วุฒิ ถอนคำพูดคำว่า รัฐธรรมนูญฉบับโจร ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมถอนคำพูดแต่โดยดี
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ประเทศไทย อยู่ในสภาพที่บ้านเก่าเสาทรุด 6 ปี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ล้มล้างประชาธิปไตย ผลาญเงินเป็นจำนวนมาก ไปซื้ออย่างอื่นโดยที่ไม่จำเป็น มีการเอื้อเจ้าสัวมากที่สุด โกงมากที่สุด ตนไม่สงสัยว่าเหตุใดนายกฯ ถึงเผ่นหนี ทนฟังไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจไทยพังพินาศ คนจนทั้งแผ่นดิน ยอดพุ่งสูงที่สุดเลย 15 ล้านคน ขณะที่หนี้ครัวเรือนพุ่งเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ประชาชนฆ่าตัวตายมากที่สุด บ่อนการพนันเพิ่มมากที่สุด
...
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวยังอีกว่า วันนี้เสาบ้าน 9 ต้น เสื่อมทรุดหมด เริ่มจากต้นที่ 1 รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจ ต้มคนทั้งโลก แต่ต้มคนไทยที่รักประชาธิปไตย ไม่ได้ ต้นที่ 2 นิติบัญญัติ ส.ส.นั่งในสภาเต็มเลย แต่พอจะยกมือแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับไปไม่เป็น ต้องมีเสียง ส.ว. กลายเป็นถูกทำหมัน ตายตั้งแต่ยังไม่เกิด ต้นที่ 3 ฝ่ายบริหาร ล้มเหลว ไร้ผลงาน ต้นที่ 4 ศาลและองค์กรอิสระ บางครั้งต้องดูว่าธงจะไปทางใด เพราะมันถูกสั่งได้ จะเห็นได้ว่า รถถังมันหนักกว่าประชาธิปไตย เอียงกะเท่เล่จนประชาธิปไตยจะหกล้มตีลังกาหมดแล้ว
ต้นที่ 5 ชาติ วันนี้ชาติเป็นของประชาชน ผู้มีอำนาจต้องทำให้ประชาชนรักชาติ อย่าให้รู้สึกว่าชาติเป็นของใครบางกลุ่มหรือบางคน ต้นที่ 6 เศรษฐกิจพังพินาศ ประชาชนต้องไปต่อคิว น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก ต้นที่ 7 ศาสนา เราทำนุบำรุงดูแลดีหรือยัง หรือว่าไปส่งเสริมอย่างอื่น เสาต้นที่ 8 สังคม เสื่อมทรุด แตกแยก การศึกษาล้มเหลว มีความเหลื่อมล้ำที่สุด และเสาต้นที่ 9 ขอเก็บไว้ตอนท้าย
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า คนที่บอกว่าไม่รับเงินชั่วๆ วันนี้ตนจะบอกว่ารับเงินชั่วอย่างไร จึงขอพุ่งเป้าที่กระทรวงกลาโหมและนายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งมีการจัดซื้อรถบัส ประมาณ 429 คัน มูลค่ารวม 2,250 ล้านบาท โดยมีบริษัทเอกชนบริษัทหนึ่ง ชนะการประมูลทุกครั้ง เทคนิคการประมูลจะไม่ซื้อลอตใหญ่ แต่ซอยลอตเล็กๆ เพื่อผ่านแบบสบายๆ เช่น ซื้อ 512 คัน แต่ประมูลแค่ 500 คันก่อน เพื่อไม่ให้เงินเกิน
"การประมูลไม่น่าเชื่อว่าใจดำกับประเทศและงบประมาณแผ่นดิน รถบัสคันหนึ่ง ราคา 4.5 ล้านบาท ลดให้แผ่นดินและภาษีประชาชนแค่ 1 หมื่นกว่าบาท ลอตนี้มัน 2 พันกว่าล้านบาท ไม่ใช่น้อยๆ ที่ประมูลไปทั้งหมด แก๊งนี้หมื่นกว่าล้านบาท"
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ส่วนเทคนิคการเทียบราคา จะเห็นว่า ปล่อยให้เป็น บ.ภรรยากับสามี มาเป็นคู่เทียบตลอด เป็นบริษัทคู่เทียบกำมะลอ เพื่อฮั้วประมูล และพบข้อพิรุธทุกขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง และมีการซอยย่อยงบประมาณ งบประมาณแผ่นดิน งบกระทรวงกลาโหม มันเจ็บปวดจริงๆ สงสารประชาชนคนไทย ที่ต้องตกระกำลำบากยากจนเพราะเอางบประมาณไปโกงกิน โดยตนจะดำเนินการกับนายกรัฐมนตรี ในฐานความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ในมาตรา 10 เนื่องจากละเว้นไม่ยกเลิกการเสนอราคา
“นี่หรือที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่าไม่รับเงินชั่วๆ ขณะที่ธุรกิจด้านการเกษตรและอาหาร พลังงาน สัมปทานเดินรถ สนามบิน และโรงพยาบาลต่างก็มีเจ้าสัวผูกขาด มีการไปกว้านซื้อที่ดินจากที่ตาบอดราคาถูกกลายเป็นที่ตาสว่างที่ราคาเพิ่มขึ้นหลายพันเท่า สามารถทำให้ถนนตัดผ่านที่ผืนนั้นได้ และตอนกว้านซื้อรู้ล่วงหน้าว่าที่ไหนจะมีการพัฒนาและรถไฟฟ้าจะไปตรงไหน ซื้อดักหน้าหมดเลย”
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวต่อว่า มีวินมอเตอร์ไซค์กับชาวบ้าน มาบอกตนว่า มีบ้านคนใหญ่คนโตระดับอัครมหาเศรษฐีอยู่ในหมู่บ้านหรู ราคาหลังละ 200-300 ล้านบาท โดยมีบ้านสองหลังติดถนน อยู่หัวมุม ติดวงเวียน ศาลาเรือนรับรอง และอยู่ริมน้ำ โดยมีการล็อกในสารบบไม่เปิดเผยชื่อเจ้าของบ้าน ของขวัญจากเจ้าสัว ที่มอบให้หลังจากไปยืดอายุกฎหมายเก็บภาษีที่ดินหรือไม่ นอกจากนี้ ใครที่เป็นฝ่ายตรงข้าม พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไล่จับกุมคุมขังแจ้งความดำเนินคดีข้อหา มาตรา 112 อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจตั้งตนเองเป็นนายกฯ ไม่สำนึกการเสียสละ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการอภิปรายฯ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายของนายศรันย์วุฒิ เนื่องจากมีการแสดงท่าทีและกิริยาวาจาไม่สุภาพและเอ่ยพาดพิงศาล และบุคคลภายนอก ขอให้ประธานควบคุมการประชุมไม่ให้ผู้อภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอก และในช่วงท้ายมีช่วงหนึ่งที่ นายศรัณย์วุฒิ พาดพิงถึงสถาบัน ทำให้ประธานที่ประชุมขอให้ยึดถ้อยคำในญัตติ และอย่าออกนอกถ้อยคำในญัตติ ซึ่งนายศรัณย์วุฒิ ก็ยืนยันว่า ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะส่วนตัวมีความเคารพท่านประธาน "ชวน" เป็นอย่างสูง