ม็อบราษฎรรื้อต้นไม้ กทม.ยึดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขีดเส้น 7 วันไม่ปล่อย 4 แกนนำ ระดมมวลชนจากเหนือ อีสาน ใต้บุกกรุง “รุ้ง-ไมค์” นำเคลื่อนขบวนไปศาลหลักเมือง การ์ดเลือดร้อนปะทะเดือดฝ่าด่าน จนท. เสียงดังคล้ายระเบิดดังรัวๆ แกนนำผวาเอาไม่อยู่ประกาศยุติเรียกแนวร่วมถอนตัว ส่วนเกมการเมืองสองขั้วบลัฟแหลกก่อนเปิดศึกซักฟอก “วิรัช” เผา ส.ส.ฝ่ายค้านส่งข้อมูลมาให้เอง ไม่ต้องร้องขอ “บิ๊กป้อม” คำรามเสียงโหวตพรรคร่วมฯต้องเป็นเอกภาพ พรรคเล็กรวมหัวขู่โหวตสวน ตั้งแง่ฟังก่อนยกมือ “ชัช เตาปูน” ทวงโควตา 2 เก้าอี้ “ชลน่าน” ลั่นจบฉากมี รมต.ตกเก้าอี้-ติดคุก หยันปากกล้าไม่กลัวแต่พล่านต่อสายล็อบบี้ “ถาวร” ควง “จักรทิพย์” เปิดตัวหาเสียงเขตหนองจอก “บิ๊กแป๊ะ” รับสนิท “บิ๊กป้อม” เจ้านายเก่า
ม็อบราษฎรกลับมาจัดการชุมนุมใหญ่ครั้งที่ 2 ยึดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนเคลื่อนขบวนไปศาลหลักเมือง เรียกร้องกดดันเจ้าหน้าที่ปล่อยตัว 4 แกนนำคนสำคัญ ขีดเส้น 7 วัน ต้องปล่อยตัวไม่เช่นนั้นจะประกาศมหาสงครามระดมแนวร่วมจากภาคเหนือ อีสานและใต้บุกเข้ากรุงเทพมหานคร ขณะเคลื่อนขบวนการ์ดวัยรุ่นเลือดร้อนจนปะทะเป็นระยะๆ มีเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้นหลายครั้ง จนแกนนำต้องประกาศยุติการชุมนุม
...
ม็อบราษฎรบุกยึดอนุสาวรีย์ ปชต.
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 13 ก.พ.ที่หน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกลุ่มราษฎรนัดแนวร่วมชุมนุมใหญ่ครั้งที่ 2 ภายใต้สโลแกน “นับ 1 ถึงล้านคืนอำนาจให้ประชาชน” เพื่อกดดันให้ปล่อยตัว 4 แกนนำม็อบราษฎรที่ถูกคุมขังในเรือนจำมีกลุ่มการ์ดม็อบราษฎรหญิงชายนับร้อยคนเป็นหัวหอกเข้ายึดพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นำรถบรรทุก 6 ล้อขนเครื่องปั่นไฟดัดแปลงเป็นรถเวทีปราศรัยเคลื่อนที่มาจอดบนฟุตปาทหน้าร้านแมคโดนัลด์ มวลชนเสื้อแดงถือหม้อกระทะมาเคาะขับไล่รัฐบาล ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์นำรถยกมาลากรถกระจายเสียงถูกการ์ดกรูล้อมรถกดดันจนล่าถอยไป ต่อมา 15.25 น. พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฎร์ มาประกาศให้ยุติชุมนุมท่ามกลางเสียงโห่ฮาลั่นมวลชนกรูเข้าล้อมกรอบผลักดันด่าทอเคาะหม้อกระทะสาดน้ำใส่จนถอนกำลังไม่เป็นขบวน แล้วจึงนำผ้าดิบสีแดงผืนใหญ่ปูลงบนถนนราชดำเนินกลาง ชักชวนให้เขียนข้อความในใจ นายภาณุพงศ์ จาดนอกหรือไมค์ ระยอง ประกาศถ้ามีการสลายชุมนุมจะไม่มีการถอยเด็ดขาด ช่วงเย็นมีแกนนำสลับขึ้นกล่าวโจมตีมาตรา 112
ประกาศสงคราม 7 วันต้องปล่อยเพื่อน
เวลา 17.28 น. นายภาณุพงศ์นำมวลชนยืนต่อแถวรื้อต้นไม้ออกจากฐานอนุสาวรีย์ฯ ระบุรัฐวางต้นไม้ปิดกั้นพื้นที่ เหมือนเหยียบย่ำเสรีภาพประชาชนและทำลายประชาธิปไตย ต้องนำอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยสัญลักษณ์ปกป้องประชาธิปไตยกลับมา ต้นไม้บางส่วนถูกนำไปวางเรียงตัวเลข 112 บนถนนและบนฐานอนุสาวรีย์ฯ มวลชนยืนเคารพธงชาติก่อนช่วยกันนำผ้าดิบสีแดง ไปพันรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ ขึ้นเวทีปราศรัยว่าขอขีดเส้นตาย 7 วัน ถ้าไม่ปล่อยตัวให้ประกันตัวเพื่อนเราจะกลับมาเจอกันอีก นี่คือมหาสงครามที่เราจะเอาเพื่อนออกจากคุกของรัฐบาล ถ้ายังไม่ได้ออกมาต้องประกาศศึกใหญ่กับรัฐบาลอีกเหนือ อีสาน ใต้ ทุกเส้นสายจะมุ่งหน้าสู่ กทม.ขอพี่น้องทุกภาคจงเตรียมตัวให้พร้อม 7 วันถ้าไม่ปล่อยตัว เจอราษฎรทั้งประเทศ นี่คือวันประกาศศึก เตรียมหม้อไหมาด้วยต้องไล่เผด็จการ ต่อมาเวลา 18.30 น. นายอรรถพลประกาศให้มวลชนเตรียมตัวเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังศาลหลักเมือง
“รุ้ง-ไมค์” ยกขบวนปะทะแนวกั้น ตร.
เวลา 18.40 น. มวลชนราษฎรเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมุ่งหน้าไปที่ศาลหลักเมืองการ์ดม็อบราษฎรหญิงชายถือโล่ทำจากไม้เดินแถวนำหน้า น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุลหรือรุ้งและนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ เดินเท้านำมวลชนตามด้วยรถกระจายเสียง เมื่อขบวนเคลื่อนมาถึงเชิงสะพานผ่านพิภพลีลาศเจอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแผงรั้วเหล็กยืนสกัดอยู่ประกาศไม่ให้ล่วงล้ำ แต่การ์ดแถวหน้ากรูเข้าปะทะแนวรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนรักษาการอยู่แตกฮือวิ่งหนี เมื่อขบวนมวลชนมาถึงถนนราชดำเนินใน การ์ดม็อบราษฎรตัดรั้วที่ล้อมสนามหลวงออกเปิดทางให้มวลชนเข้าไปชุมนุมกระจัดกระจายในสนามหลวง เนื่องจากหน้าศาลหลักเมืองมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (อคฝ.)ตั้งแถวสกัดอยู่ ขบวนม็อบราษฎรต้องยุติเดินเท้าแล้วตั้งแนวปราศรัยอยู่หน้าศาลฎีกา ตะโกนเรียกมวลชนที่เดินเข้าหาแนวตั้งรับตำรวจ อคฝ.ให้ถอยกลับมาตั้งหลัก
การ์ดเดือดเสียงคล้ายระเบิดดังรัวๆ
กระทั่งเวลา 19.20 น.การ์ดม็อบราษฎรส่วนใหญ่เป็นชายฉกรรจ์ บุกฮือเข้าประชิดแนวลวดหนามที่จุดแนวรับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน้าศาลหลักเมือง ขณะนั้นแกนนำม็อบราษฎร ทั้งนายอรรถพล บัวพัฒน์ นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนาและ น.ส.เบนจา อะปัญ กำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ขอส่งตัวแทนเข้าทำกิจกรรมในศาลหลักเมือง ปรากฏว่าชายฉกรรจ์ในม็อบกลุ่มหนึ่งยับยั้งอารมณ์ไม่อยู่ พยายามรื้อลวดหนามและฝ่าแนวกั้นรั้วเหล็กเข้าไป ทั้งที่แกนนำและตำรวจพยายามตะโกนห้าม ระหว่างนั้นได้เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้น 3-4 ครั้ง ทั้งมีระเบิดคล้ายพลุควันลอยข้ามแนวรั้วเจ้าหน้าที่เข้ามา เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุมต่างแตกฮือถอยไปตั้งหลัก ตำรวจ อคฝ.เริ่มสวมหน้ากาก เตรียมโล่และแก๊สน้ำตา กลุ่มผู้ชุมนุมยอมถอยกลับสถานการณ์จึงยุติลงชั่วคราว
ชุลมุนหนักประกาศถอนกำลัง
เวลา 20.15 น. กลุ่มมวลชนราษฎรที่ควบคุมอารมณ์ยังไม่ได้ บุกเข้าประชิดและสาดสีแดงใส่เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนอีกครั้งจนชุลมุนวุ่นวาย โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ตอบโต้ เวลา 20.30 น. หลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่พอใจ แกนนำประกาศให้มวลชนถอนกำลังจากพื้นที่ชุมนุม ระบุว่าจะให้เวลาเจ้าหน้าที่ 7 วัน จะต้องให้ประกันตัว 4 แกนนำม็อบราษฎร มิฉะนั้นจะกลับมาชุมนุมใหม่อีกครั้ง แต่ปรากฏว่าการ์ดม็อบราษฎร ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งยังไม่ยอมกลับ ซ้ำยังตะโกนด่าทอแกนนำม็อบว่าครั้งหน้าไม่ต้องนัดมาจะไม่มาแล้ว ระหว่างนั้นมีการปาวัตถุเสียงดังคล้ายระเบิดเข้าใกล้แนวเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนอีกครั้ง ตกบริเวณที่มีสื่อมวลชนยืนอยู่ เมื่อสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้ รุ้ง ปนัสยาจึงประกาศเรียกมวลชนให้ถอนตัวและเคลื่อนขบวนออกจากบริเวณถนนราชดำเนินนอกทันที ปล่อยกลุ่มวัยรุ่นที่ยังไม่อยากเลิกชุมนุมตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่และแกนนำ ยังคงปักหลักอยู่ใกล้แนวรับของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนไม่ยอมกลับ
เสียงบึมดังไม่หยุด ตร.จ่อสลายเด็ดขาด
เวลา 20.50 น. กลุ่มมวลชนราษฎรวัยรุ่นที่ไม่ยอมกลับตามคำสั่งของแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ได้พยายามปาวัตถุเสียงดังคล้ายระเบิดเข้าใส่แนวเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนอย่างต่อเนื่อง จนเจ้าหน้าที่ ตำรวจประกาศให้เวลา 30 นาที ยุติชุมนุม ไม่เช่นนั้น จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด และเริ่มเรียกให้นักข่าวทั้งหมดมาอยู่หลังแนวรับของเจ้าหน้าที่ ท่ามกลางเสียงคล้ายระเบิดที่ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่อง
ยิงแก๊สน้ำตาการ์ดโจ๋หนีแตกฮือ
จากนั้นเวลา 21.10 น. กำลังตำรวจชุดควบคุมฝูงชนตั้งแถวเข้าสลายการชุมนุมของมวลชนราษฎร มีการใช้แก๊สน้ำตา ทำให้กลุ่มมวลชนวัยรุ่นที่เหลืออยู่ราว 200 คน วิ่งแตกฮือออกจากบริเวณถนนราชดำเนินนอก ไปยังบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์และฝั่งเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า
“วิรัช” งัดมติพรรคร่วมมัดคอพรรคเล็ก
เมื่อเวลา 12.15 น. ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ควีนส์ปาร์ค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการสัมมนาญัตติเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ถือเป็นสนามซ้อมใหญ่ได้มีโอกาสพูดคุยกัน มาปรับทุกข์กัน หากพูดคุยกันบ่อยๆก่อนจะอภิปรายอะไรที่กินแหนง แคลงใจกัน หรือมีอะไรบางสิ่งบางติดค้างใจกันก็จะได้หมดไป ส่วนกระแสข่าวหากรัฐมนตรีชี้แจงไม่ชัดเจน พรรคเล็กในพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่ยกมือโหวตให้ จากการพูดคุยกับหลายท่านในพรรคเล็กยังไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอกว่าจะไม่โหวตให้ คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลเราควรจะมีมติแนวทางเดียวกัน จะประชุมวิปรัฐบาลวันที่ 15 ก.พ. เวลา 11.00 น. จากนั้นจะนัดประชุมอีกครั้งวันที่ 19 ก.พ. ก่อนไปประชุมพรรค พปชร.เชื่อว่าทุกพรรคคงจะมีแนวโน้มเหมือนกัน หรืออาจมีการประชุมพรรคช่วงเช้าก่อนลงคะแนนวันที่ 20 ก.พ. การยื่นเงื่อนไขขอฟังการชี้แจงของรัฐมนตรีก่อนเป็นปกติอยู่แล้ว แต่สุดท้ายหากไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรือหนักเกินไปต้องเป็นมติของวิปรัฐบาลต้องให้การลงมติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เผาฝ่ายค้านส่งข้อมูลให้เอง “ป้อม” เบาสุด
นายวิรัชกล่าวอีกว่า สำหรับหัวหน้าพรรคคาดว่าเบาสุด รัฐมนตรีคนใดน่าห่วงที่สุดขอให้คำตอบวันที่ 14 ก.พ.ยังไม่แน่ใจเดี๋ยวฝ่ายค้านจะคิดว่าเราจะไปสืบเสาะ เราไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเพราะมีคนโทรศัพท์มาแจ้ง มาบอกเองว่าใครจะถูกอภิปรายมากน้อยแค่ไหนหรือเรื่องอะไร เราพอรู้แล้ว ไม่ต้องไปขอ เขาส่งมาให้เอง บางคนบอกเองว่าเรื่องนี้รัฐมนตรีไปเตรียมตัวมาให้ดี เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่ารัฐบาลมีสปาย แต่เป็นสิ่งที่ฝ่ายค้านบอกใบ้มาอยู่แล้วในญัตติ ฝ่ายค้านจะไปพูดนอกเหนือจากในญัตติไม่ได้ เช่น การอภิปรายนายกฯ รู้อยู่แล้วว่าจะเชื่อมโยงสถาบัน ถ้าโยงถึงสถาบันเมื่อใดจะลุกขึ้นประท้วงทันที เราไม่จำเป็นต้องมีสายลับอะไรเลย รัฐมนตรีทุกคนทำการบ้านจากญัตติฝ่ายค้านยืนยันจะไม่มีการประชุมลับ วิปรัฐบาลคงไม่ขอประชุมลับ ใครพูดอะไรส่อผิดกฎหมายให้รับผิดชอบเอง ส่วนฝ่ายค้านขู่อาจอภิปรายนอกสภาฯ ถ้าทำผิดกฎหมาย มีคนส่งเทปมาให้ว่ากันไปตามกฎหมาย เช็กบิลตามหลังได้
ยัน พปชร.-พรรคร่วมปึ้กไม่แตกแถว
นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 16 ก.พ.ไม่คิดว่าจะมีอะไรเป็นกรณีพิเศษ การซักซ้อมเป็นธรรมดาเหมือนครั้งที่ผ่านมา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐคงไม่มีการโหวตให้รัฐมนตรีในพรรคไม่เท่ากัน ก่อนการอภิปรายมักมีกระแสข่าวอย่างนี้ปกติ ในพรรคเป็นเอกภาพทิศทางเดียวกันเช่นเดียวกับพรรคร่วมฯ อยากฝากผู้แทนฯต้องรู้ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้และทำได้แค่ไหน ควรจะปฏิบัติตรงนั้นให้ได้ว่าไม่ได้พูดคุยการตั้งองครักษ์พิทักษ์หัวหน้าพรรค เพราะไม่มีประเด็นที่ต้องเป็นห่วงหรือกังวลว่าหัวหน้าพรรคมีความผิดอะไร และไม่มีสัญญาณปรับ ครม.หลังศึกซักฟอก
“สุชาติ” โบ้ยไม่จริงเป้าแต้มโหวตต่ำสุด
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงข่าวจะตกเป็นเป้าถูกล็อบบี้คะแนนโหวตน้อยสุดว่า เชื่อว่าข่าวที่ออกมาไม่ใช่เรื่องจริง อยู่ที่ข้อมูลใครมีน้ำหนักหักล้างได้มากกว่ากัน ตนเป็นคนชอบเดาอะไรถูกอยู่แล้วทุกครั้ง โดยไม่ได้คุยหรือต่อสายหาฝ่ายค้าน เชื่อว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลผู้ที่โดนอภิปรายไม่กล้าไปเจอกัน เดี๋ยวจะหาว่าเตี๊ยมกัน เพื่อนฝ่ายค้านที่เป็นผู้อภิปรายรู้จักหลายคน แต่ต่างคนต่างทำหน้าที่ ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นข้อมูลจริง การจะพูดอะไรเลยเถิดไม่ใช่เรื่องจริงโลกสมัยนี้โลกโซเชียลหรือประชาชนติดตามจะเป็นผู้ลงโทษเอง ขอให้เชื่อมั่นเราทำอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ทุกอย่างเราตอบได้อยู่แล้ว
“ธรรมนัส” ไม่หนักใจปัดพรรคเล็กงอแง
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีประเด็นอภิปรายตน 4 ประเด็นเตรียมข้อมูลพร้อม ไม่หนักใจ ที่ฝ่ายค้านบอกว่าจะมีรัฐมนตรีบางคนที่จะถูกยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประเด็นทุจริต ส่วนตัวไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ไม่ได้ดูแลงบฯและการบริหารส่วนบุคคล ไม่มีเรื่องแต่งตั้งโยกย้าย มีหน้าที่เพียงกำกับดูแล การเตรียมองครักษ์ไว้ช่วยนายกฯ ประธานวิปรัฐบาลคงเตรียมไว้หมดแล้วรวมถึงรัฐมนตรีทุกคน เพิ่งทราบข่าวว่ากลุ่มพรรคเล็กทั้งหมดประมาณ 25 คนออกมาขึงขังจะขอรอดูรัฐมนตรีแต่ละคนชี้แจง ถือเป็นเอกสิทธิ์จะคิดอย่างไรโดยเฉพาะประเด็นทุจริต เป็นดุลพินิจ ส.ส.เราไม่อาจไปก้าวล่วงได้ การลงมติน่าเป็นเรื่องแต่ละพรรค จะโหวตสวนหรือไม่โหวตสวน เท่าที่ทราบพรรคเล็กเขาอยากจะแสดงบทบาทบ้าง ไม่ใช่มีหน้าที่ยกมืออย่างเดียว ไม่ได้มองว่าต้องการเรียกร้องอะไร
วิป ปชป.เชื่อลงมติทิศทางเดียวกัน
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีข้อมูลพร้อมสนับสนุนรัฐมนตรีพรรคร่วมฯ ที่ถูกอภิปราย สิ่งที่พรรคเป็นห่วง คือ ญัตติเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 อยากให้ฝ่ายค้านยึดข้อบังคับการประชุมสภาฯ เป็นสำคัญ ไม่อยากให้อภิปรายพาดพิงสถาบัน หากต้องการให้ราบรื่นขอให้หลีกเลี่ยง จะผิดข้อบังคับเชื่อว่าจะมีเอกภาพเหมือนที่ผ่านมา
“บิ๊กตู่” มีทีม ฉก.แค่ส่งคนมาฟัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วิปรัฐบาลเชิญรัฐมนตรี แกนนำและ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ร่วมสัมมนา “สามัคคีรวมใจ พรรคร่วมรัฐบาล” หัวข้อญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่ 13-14 ก.พ. เตรียมข้อมูลและประเด็นที่คาดจะถูกอภิปรายฯ วันแรกมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) วันที่ 14 ก.พ.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่มาร่วมงานระบุก่อนหน้าแล้วว่า มีทีมของตัวเองอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องมาร่วม แต่ส่งทีมงานมารับฟังพร้อมรายงานตรงนายกฯ บรรยากาศไม่คึกคัก มีรัฐมนตรี ส.ส. พปชร.เข้าร่วม ส่วนพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยส่งตัวแทนมาฟัง และได้เชิญ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรคทีมงาน สธ.มาซักซ้อมข้อมูลโควิด-19 การจัดซื้อวัคซีน วิปรัฐบาลกังวลเนื้อหาการอภิปรายของพรรคก้าวไกลมากกว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะรู้ข้อสอบ แต่พอจะเดาทางได้ว่าจะพูดอะไรบ้าง
“บิ๊กป้อม” ฮึ่มพรรคร่วมฯ เป็นเอกภาพ
ต่อมาเวลา 18.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเดินทางมาร่วมสัมมนา โดยให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเล็กมีเงื่อนไขขอฟังการชี้แจงของรัฐมนตรีก่อนค่อยโหวตว่า ไม่มี พรรคเล็กไม่มีปัญหาอะไร กระแสข่าวได้โทรศัพท์เคลียร์กับพรรคเล็กแล้วก็ไม่มี ไม่ได้โทร.ไป โทร.ไปทำไม ทุกอย่างเรียบร้อยดี มาฟังว่าเขาอภิปรายเรื่องอะไรบ้าง เสียงโหวตพรรคร่วมรัฐบาลต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ทั้งนี้การสัมมนาช่วงค่ำคึกคักขึ้น มีรัฐมนตรีและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เดินทางมาสมทบ อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ม นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล ในงานมีการฉายวีดิทัศน์การให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร เกี่ยวกับความสัมพันธ์ ของ 3 ป. จนมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
พรรคเล็กขอฟังก่อนโหวตแย้มมีสวน
ก่อนหน้านี้ นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชี รายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทกล่าวว่า เราต้องรอฟังรัฐมนตรีแต่ละคนจะชี้แจงอย่างไร ถ้าเชื่อได้ก็ลงให้ แต่ถ้าชัดเจนอย่างที่เขากล่าวหาก็ลงให้ไม่ได้ การลงมติถือเป็นเอกสิทธิพรรคใครพรรคมันพิจารณา ด้าน นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่กล่าวถึงการประชุมกลุ่มพรรคเล็กในพรรคร่วมรัฐบาลว่าได้พูดคุยเห็นตรงกันว่าจะขอฟังก่อนข้อมูลฝ่ายค้านจะเด็ดจริงหรือไม่ และรัฐมนตรีคนใดไม่สามารถชี้แจงได้กระจ่างชัดเจนโปร่งใส พรรคเล็กไม่สามารถลงมติสนับสนุนให้ทำหน้าที่ต่อไปได้ ส.ส.ทุกคนมีเอกสิทธิเด็ดขาดลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 124 ไม่มีกฎหมายข้อใดระบุต้องทำตามมติใคร
แฉ รมต.พล่านโทรศัพท์ล็อบบี้
นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่เปิดเผยว่า ได้บอกรัฐมนตรีที่โทรศัพท์มาแล้วว่ายังขอสนับสนุนรัฐบาลต่อไป แต่อยากให้โอกาสตัวแทนพรรคเล็กไปเป็นรัฐมนตรีบ้าง เพื่อดูแลบ้านเมือง เชื่อหลังอภิปรายฯจะมีปรับ ครม.เดือน มี.ค. หรือ เม.ย. นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทยกล่าวว่าฝ่ายค้านย้ำว่ามีหลักฐานชัดเจน หลังอภิปรายจะยื่นถอดถอนรัฐมนตรีอย่างน้อย 4 คน แสดงว่ามีใบเสร็จ เราอยากเห็นหลักฐานดังกล่าวต้องรอฟัง ถ้ามีเอกสารชัดเจนพรรคเล็กโหวตสวนแน่นอน เราไม่ใช่บริษัท จำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ใครจะมาสั่งการไม่ได้ มี ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 20 คนส่วนใหญ่เห็นด้วยต้องขอฟังการอภิปรายและชี้แจงก่อน ฝ่ายค้านต้องรักษาเกียรติภูมิอภิปรายให้เต็มที่ ประชาชนจะตั้งคำถามว่าฮั้วกันหรือเปล่า มติ 8 พรรคเล็กขอฟังรัฐมนตรีอภิปรายก่อนโหวต ยกเว้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ลอยๆไม่ได้บริหารกระทรวง มีรัฐมนตรีวิ่งพล่านเลยร้อนตัวไปหรือไม่
ฉุนสัญญาแล้วเมิน “ชัช” ทวง 2 เก้าอี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา 9 พรรคในรัฐบาล พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคไทรักธรรม พรรคพลเมืองไทย พรรคประชาธรรมไทย พรรคพลังไทยรักไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคพลังชาติไทย พรรคประชาภิวัฒน์ หารือสิ่งที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐรับปากจะช่วยเหลือแต่ไม่เป็นไปตามสัญญา ต่อมาเที่ยงวันที่ 12 ก.พ. ไปร่วมรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านไก่ย่าง ย่านบางโพ กทม. พูดคุยกับกลุ่มชัช เตาปูน หรือนายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคท้องถิ่นไทยที่มี ส.ส. 5 เสียง ตัวแทนพรรคชาติพัฒนา ส.ส.4 เสียง นายสุภดิช อากาศฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ 5 เสียงและนายดำรง พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียงรวมมี ส.ส. 16 คน รวม ส.ส.พรรคเล็ก 9 เสียง รวมทั้งสิ้น 25 คนแล้วไปหารือต่อที่บ้านแกนนำคนหนึ่งได้ข้อยุติว่ากลุ่มชัช เตาปูนจะขอเก้าอี้รัฐมนตรี 2 ที่นั่ง เพื่อการสนับสนุนรัฐบาลต่อไป เชื่อว่าหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯต้องปรับ ครม.แน่ ได้มีรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายบางคนโทรศัพท์หา ส.ส.พรรคเล็กเป็นรายบุคคลขอให้ยกมือสนับสนุน ส.ส.พรรคเล็กส่วนใหญ่แบ่งรับแบ่งสู้ ขอดูการชี้แจงก่อน
ฝ่ายค้านแบ่งกลุ่ม รมต.ขยี้คาเขียง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พรรคเพื่อไทยวางผู้อภิปรายไว้ 15-16 คน จะอภิปรายแยกเป็นกลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดจะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กลุ่มบ่อนการพนันอบายมุข จะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กลุ่มทุจริตซึ่งมีข้อมูลใบเสร็จชัดเจนทั้งการรับผลประโยชน์ไปจนถึงทุจริตเชิงนโยบาย ในโครงการต่างๆ อาทิ การต่อสัมปทานรถไฟฟ้าจะอภิปราย พล.อ.อนุพงษ์ และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และกลุ่มการใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์พวกพ้องจะอภิปรายนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ขณะที่พรรคก้าวไกลมี ส.ส.จะอภิปราย 10 คน พุ่งเป้า 4 คนคือ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อนุพงษ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ขณะที่พรรคเสรีรวมไทยเน้นอภิปรายเกี่ยวกับบ่อนการพนันเป็นหลัก ส่วนรัฐมนตรีที่เหลือจะกระจายการอภิปรายในทีมพรรคร่วมฝ่ายค้านต่างๆ
จบซักฟอกมี รมต.ตกเก้าอี้-ติดคุก
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามทำทุกช่องทางตามกฎหมายและเดินเกมในสภาฯเพื่อยุติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เห็นชัดว่ารัฐมนตรีและ ส.ส.พยายามลดความน่าเชื่อถือฝ่ายค้าน กล่าวหาเนื้อหาในญัตติไม่เหมาะสม การยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความญัตติฝ่ายค้านว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย แสดงความหวั่นวิตกอย่างเห็นได้ชัด แม้ พล.อ.ประยุทธ์รวมถึงรัฐมนตรีจะบอกว่าไม่กลัวการอภิปราย แต่กลับกันพยายามส่ง ส.ส.รัฐบาลมาขอเจรจากับขุนพลฝ่ายค้าน มาขอข้อมูลว่าจะอภิปรายเรื่องใดหรือขอร้องให้อภิปรายไม่รุนแรงนัก เราจะเน้นหนักความผิดพลาดการบริหารราชการแผ่นดิน สร้างความทุกข์ยากให้ประชาชน การทุจริตเชิงนโยบายเอื้อประโยชน์เอกชน ซึ่งมีหลักฐานชัด ยังมีพฤติกรรมน่ารังเกียจของรัฐบาลแอบอ้างเบื้องสูงเพื่อประโยชน์ตัวเอง หลังอภิปรายฝ่ายค้านจะยื่นหลักฐานการทุจริตของ ครม.ต่อ ป.ป.ช.ส่งต่อให้ศาลการเมืองเอาผิด เชื่อว่าจบการอภิปรายอาจมีรัฐมนตรีตกเก้าอี้ หนักสุดคือติดคุก รวมทั้งตัดสิทธิทางการเมืองด้วย ขอให้ติดตามให้ดี คำว่า เสียสละเข้ามาทำงานเพื่อประเทศ” ไม่มีจริง
“ชัยชนะ” ผอ.ลต.ซ่อม “คึก” แจ้งความ
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ได้แต่งตั้งนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชคนรุ่นใหม่มีศักยภาพมาเป็นแม่ทัพ เป็น ผอ.การเลือกตั้งซ่อม เขต 3 นครศรีธรรมราช พรรคไม่กังวลใจ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่ากลุ่ม ส.ส.ใต้พรรคพลังประชารัฐ แถลงที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ตอนหนึ่งมีข้อความเท็จบิดเบือนใส่ร้ายประชาธิปัตย์เสียหายช่วงมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งซ่อมแล้ว มีผลกระทบต่อคะแนนเสียงผู้สมัครและพรรคโดยตรง กระทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.จะเสนอให้ฝ่ายกฎหมายพรรคแจ้งความดำเนินคดีและยื่นร้อง กกต.วินิจฉัย มีโทษถึงขั้นยุบพรรคได้ ระหว่างหาเสียงหากใส่ร้าย บิดเบือน พาดพิงทำให้ตนและผู้สมัคร ปชป.เสียหายจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป
“เสรีฯ” โวย รบ.ใช้ภาษีหาเสียงให้ตัวเอง
เมื่อเวลา 07.00 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลงพื้นที่ตลาดชะเมา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช ช่วยว่าที่ ร.ต.อภิรัฐ รัตนพันธ์ ผู้สมัครพรรค หาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช โดย พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวหาเสียงว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ. เจอเเกนนำรัฐบาลมาช่วยผู้สมัครบางพรรคหาเสียงทักทายปกติเเต่จะไม่ออมเเรงตรวจสอบ 10 รัฐมนตรีที่โดนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอให้ตอบคำถามให้ตรงอย่าเเถ วันนี้บ้านเมืองย่ำแย่มาก ได้ยินมาว่าใครบางคนหาเสียงด้วยนโยบายรัฐบาลเติมเงินในกระเป๋าช่วยประชาชน ของเเบบนี้คือการใช้งบฯจากภาษีคนไทยเกือบทุกคน เเต่รัฐบาลกลับเลือกช่วยประชาชนเเค่บางกลุ่มเเล้วอ้างเป็นผลงาน
“ถาวร” ช่วย “บิ๊กแป๊ะ” หาเสียงหนองจอก
เมื่อเวลา 11.00 น. เคหะฉลองกรุง เขตหนองจอก กทม.นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม พร้อม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. และนายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม.เขตหนองจอก พรรคพลัง-ประชารัฐ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ส.ส.กทม.เขตมีนบุรี พรรคพลังประชารัฐ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช อดีต ผบช.น. พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ ร่วมมอบทุนการศึกษาและอุปกรณ์กีฬาให้นักเรียนและเด็กกำพร้าเขตหนองจอก โดยนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม กล่าวว่า ขอฝากให้ชาวหนองจอก-มีนบุรี-ลาดกระบังพิจารณา พล.ต.อ.จักรทิพย์ไว้ในอ้อมใจรับใช้ชาวกรุงเทพฯ นายถาวรให้สัมภาษณ์ว่า ต้องแยกกีฬากับการเมือง แยกความสัมพันธ์ระหว่างพรรคกับส่วนตัวออกจากกัน คุ้นเคยกับนายศิริพงษ์ที่สนใจกีฬา จัดแข่งขันชกมวยด้วยกันมาตลอด พล.ต.อ.จักรทิพย์สนใจกีฬา เคยเล่นรักบี้มาก่อนจึงคุ้นเคยกัน พร้อมสนับสนุนมั่นใจว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์เป็นคนดี แต่เมื่อไหร่ที่พรรคมีมติส่งผู้สมัครในนามพรรค ต้องทำตามมติพรรค แต่ขณะนี้เป็นเรื่องพี่พ้องน้องเพื่อน
“จักรทิพย์” รับสนิท “บิ๊กป้อม” พวกเดียวกัน
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ได้รับเชิญจากนายถาวรมาร่วมงานชกมวย เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.63 จึงยินดีมีส่วนร่วมสนับสนุนเครื่องกีฬา ทำแบบนี้มาตลอดระหว่างเป็น ผบ.ตร. อยากสนับสนุนให้เยาวชนมีอุปกรณ์กีฬาได้ใช้ออกกำลังกาย ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพ ยอมรับว่าตัดสินใจจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่ยังไม่ได้พร้อม 100% ที่ส่ง ส.ค.ส.ให้ชาว กทม.เป็นการสวัสดีปีใหม่ปกติ ส่วนกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลัง-ประชารัฐ สนับสนุนตน นายณัฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาฯ จะส่งนางทยา ทีปสุวรรณ ลงสมัครจะเป็นความขัดแย้งหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ตอบว่า เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐไม่เกี่ยวกับตน เพราะไม่ใช่สมาชิกพรรค แต่ยอมรับสนิทใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร เคยเป็นผู้บังคับบัญชา ถ้าบอกว่าไม่รู้จักจะเนรคุณ ไม่ได้ไปขอให้ท่านสนับสนุน จะทำให้ต้องอึดอัด จะสนับสนุนตนหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะพรรคเดียวกันคนละพวกก็มีเยอะ พวกเดียวกันคนละพรรคก็มี อาจแพ้หรือสอบตกก็ได้เพราะเป็นสินค้าใหม่ และอาจเสียเปรียบที่สุดเพราะไม่มีพื้นฐานการเมืองมาก่อน แต่ก็รู้ปัญหา กทม. ขอให้ อย่ามองเหรียญด้านเดียว นโยบายจัดทำไปบ้างแล้วทำเองคิดเอง จับต้องได้ไม่ขายฝัน นักกีฬาลงสนามต้องมั่นใจ อยู่ที่ผู้ชมว่าจะเลือกใคร หากแพ้ไม่เสียใจ