รมว.พัฒนาสังคมฯ ตอบกระทู้สด “ยุทธพงศ์” กรณีคนแก่หลายรายถูกเรียกคืนเบี้ยยังชีพคนชรา แจง หลังประชุม คกก.ผุ้สุงอายุ พรุ่งนี้ทางออกชัด

วันที่ 4 ก.พ. 2564 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาในช่วงหนึ่งของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงกรณีผู้สูงอายุหลายรายถูกเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หรือ เบี้ยยังชีพคนชรา เนื่องจากมีความซ้ำซ้อน

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมีการจ่ายเงินให้ตั้งแต่ 2552 ขณะนั้นมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และตนเป็นผู้เสนอ พ.ร.บ.นี้ในสภาฯ วันที่เริ่มต้น พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ 2546 ผู้สูงอายุยังมีจำนวนไม่มาก อายุ 60 ปีไม่กี่ล้านคน แต่ในปี 2564 เป็นปีแรกที่ไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย คือ 20% ของประชากร หรือ 12 ล้านคน ซึ่งมีมากกว่าเด็กเกิดใหม่ และในอนาคตอันใกล้ปี 2578 จะเพิ่มเป็น 20 ล้านคน หรือ 30% ของประชากร

ส่วนสาเหตุที่พบเรื่องการเรียกคืนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ พบว่า ราวปี 2561 กรมบัญชีกลาง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมกิจการผู้สูงอายุ ได้ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของตัวเลขผู้ได้รับสิทธิ์เบี้ยยังชีพคนชรา ปรากฏว่าจาก 12 ล้านคน มีผู้ขอรับเบี้ยยังชีพนี้ 10.1 ล้านคน โดยมีตัวเลขซ้ำซ้อน 15,300 กว่าคน แน่นอนว่ามีข้อบกพร่องผิดพลาด แต่ขณะเดียวกันตัวเลขที่ถูกต้องคือ 99.999% ส่วนที่ผิดพลาดมีเพียง 0.0001% เท่านั้น ซึ่งได้เข้าแก้ไขแล้ว โดย พม. ซึ่งมีภารกิจในการดูแลผู้สูงอายุประสานกับสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายและทนายความอาสาทั่วประเทศ ให้ติดต่อผู้สูงอายุทั้งหมดซึ่งเรามีชื่ออยู่แล้ว กรณีที่ใครถูกเรียกเงินคืนให้ใช้ทนายความเหล่านี้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

...

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้ทั้ง 3 หน่วยงานร่วมกันหาทางออกให้เร็วที่สุด โดยไม่ให้กระทบผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้เดือดร้อนและทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยนับจากวันที่เกิดเหตุมีการประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง คือวันที่ 1 และ 3 ก.พ. และพรุ่งนี้ (5 ก.พ.) จะเป็นการประชุมด่วนของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เรื่องการหาทางออกทางกฎหมาย คาดว่าจะมีความชัดเจนหลังการประชุม

อย่างไรก็ตาม นายยุทธพงศ์ ยังฝากถามไปถึงนายกรัฐมนตรีด้วยว่าเหตุใดจึงรับเงินเดือนได้หลายทางได้ และกรมบัญชีกลางไม่เรียกเงินคืน.