“บิ๊กตู่” มัดข้าวต้มพรรคร่วมรัฐบาล กำชับ รมต.ทุกคนช่วยกันชี้แจง ย้ำอีก “มาด้วยกัน ไปด้วยกัน” ยังไม่คิดปรับ ครม.หลังศึกซักฟอก ฝ่ายค้านวาง 45 ขุนพลรอถลกหนัง เชื่อประธานฯคุมเกมป่วนในสภาได้ “ชวน” ไม่ห่วง ส.ส.อภิปรายเลยเถิด ปชป.-พปชร.งัดข้อกันหนักปมเลือกซ่อม ส.ส.นครศรีฯ “จุรินทร์” ดักคอต้องให้สิทธิ์เจ้าถิ่นก่อน สาขาฯ ดันน้อง “เทพไท” ลงชิง “บิ๊กป้อม” ไม่สน อ้างเป็นเรื่องระบบ ไฟเขียว “อาญาสิทธิ์” ลงสนาม การ์ดวีโวโดน 3 ข้อหาร่วมม็อบพม่า รอดคุกศาลให้ปล่อยตัวชั่วคราว เด้ง ผกก.ภูเขียวไม่ห้ามม็อบฝืน ก.ม. “อนุทิน” ติงอย่าชักศึกเข้าบ้าน กก.แซะ “บิ๊กตู่” ยืนข้างเผด็จการ

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างประโคมโหมโรงเตรียมตั้งทีมวอร์รูมรับศึกนั้น ทำเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ต้องกำชับรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลในที่ประชุม ครม. ให้ทุกคนช่วยกันชี้แจง พร้อมกล่าวย้ำฝากความหวังว่ามาด้วยกันไปด้วยกัน

...

ฝ่ายค้านวาง 45 ขุนพลรอถล่ม

เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการเตรียมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า เนื้อหาส่วนใหญ่ลงตัวแล้ว ประเด็นสมบูรณ์ แต่ข้อมูลยังต้องขัดเกลา รวมถึงการนำเสนอของแต่ละคนอยู่ในขั้นตอนทำรายละเอียด คาดว่าสัปดาห์นี้จะลงตัว สัปดาห์หน้าแต่ละคนจะได้เตรียมตัวขั้นสุดท้าย ทุกคนมีความพร้อม ในส่วนของพรรคเพื่อไทยวางตัวผู้อภิปรายไว้ 15 คน รวมผู้อภิปรายพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมด 45 คน มีทั้งคนเก่า คนใหม่ และดาวเด่น แต่ยอมรับยังกังวลเรื่องเวลาที่ฝ่ายรัฐบาลไม่อยากให้พูด หรือให้พูดน้อยสุด แต่ธรรมชาติฝ่ายค้านต้องการพูดมากที่สุด การกำหนดกรอบเวลาอภิปราย 4 วันนั้น คงไม่สามารถยื่นคำขาดได้ เพราะข้อบังคับการประชุมสภาและรัฐธรรมนูญ เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายอภิปรายจนจบ ถ้าไม่จบก็ปิดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นละเมิดสิทธิ์ขัดขวางการตรวจสอบ อย่างครั้งที่แล้วอภิปรายยังไม่จบก็ให้ยุติ ถ้าฝ่ายค้านไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ทำได้ แต่ไม่ทำเพราะไม่อยากมีปัญหา ครั้งนี้ หากปิดกั้นอีกอาจต้องทำให้เป็นบรรทัดฐาน

เชื่อ ปธ.คุมเกมป่วนในสภาได้

นายสุทินกล่าวว่า ที่รัฐบาลกังวลจะอภิปรายพาดพิงสถาบันนั้น มีสิทธิ์กังวล ทุกคนกังวลเช่นกัน ได้เตือนกันว่าขอให้อยู่ในกรอบ เชื่อว่าทุกคนระมัดระวัง หากพูดด้วยวุฒิภาวะระมัดระวังไม่มีปัญหา ส่วนที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ขู่ว่าหากพูดถึงสถาบันจะประท้วงทันที เรื่องนี้ผู้อภิปรายและผู้ประท้วงต้องพูดในข้อบังคับ มีประธานที่ประชุมเป็นผู้ตัดสิน คงไม่ปล่อยให้คนที่ตั้งใจป่วนสามารถป่วนได้

“บิ๊กตู่” ย้ำจำเป็นมีทหารไว้ทำไม

วันเดียวกันเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ประธานกรรมการมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกในพระราชูปถัมภ์ นำคณะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อมอบดอกป๊อปปี้ดอกไม้ที่ระลึกเนื่องในวันทหารผ่านศึกปี 2564 คุณหญิงแสงเดือนกล่าวว่า รายได้ทั้งหมดจะถูกนำไปเป็นทุนช่วยเหลือครอบครัวทหารในด้านต่างๆ ขอบคุณและให้กำลังใจนายกฯบริหารราชการแผ่นดิน ประเทศคือบ้าน และทหารทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติ นายกฯเป็นเหมือนคนที่ดูแลบ้าน เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบว่า ปัจจุบันทหารไม่ได้ทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติอย่างเดียว ยังทำหน้าที่รักษาความมั่นคงภายใน บรรเทาภัยพิบัติ ทำทุกมิติภายใต้รัฐธรรมนูญ อยากให้ช่วยกันพูดให้สังคมเข้าใจว่ามีทหารไว้ทำไม รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่หลายอย่างไม่ได้มีไว้ใช้เพื่อทำสงครามอย่างเดียว แต่เพื่อป้องกัน ไว้เป็นศักยภาพ เพื่อรักษาอำนาจที่ไม่มีตัวตนของประเทศ

ยังไม่คิดปรับ ครม.หลังซักฟอก

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณี นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหร คมช. รวมถึง ส.ว.บางคน ระบุว่าจะมีพิจารณาปรับ ครม.หลังจบญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเพียงสั้นๆว่า “ไปถามท่านเองก็แล้วกัน ผมยังไม่มีความคิดในเรื่องนี้”

กำชับ ครม. “มาด้วยกันไปด้วยกัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในที่ประชุม ครม. เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานให้ที่ประชุมทราบถึงญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่วิปทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าจะเริ่มอภิปรายตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. เป็นต้นไป รวมถึงแจ้งเลื่อนวันประชุม ครม. จากวันที่ 16 ก.พ. มาเป็นวันที่ 15 ก.พ.แทน โดยที่ประชุม ครม.รับทราบและให้ความเห็นชอบ พร้อมไปชี้แจงตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ. นอกจากนี้นายกฯยังฝากให้รัฐมนตรีทุกคนช่วยกันชี้แจงข้อมูลที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยกล่าวย้ำว่า “ขอฝากความหวัง มาด้วยกันไปด้วยกัน”

ดึงพรรคร่วมรัฐบาลตั้งวอร์รูม

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการประชุม ส.ส. มีนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการพรรคพปชร. นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เตรียมความพร้อมรับมือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรค พปชร. แถลงว่า วิปรัฐบาลเห็นว่าวอร์รูมควรมาจากทุกพรรค เพื่อให้รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายเตรียมข้อมูล และจะไม่ยอมให้พูดพาดพิงถึงสถาบัน ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรปี 2562 ข้อ 69 วรรค 2 และพรรคยึดจุดยืน 3 ข้อ คือ 1.ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.มุ่งมั่นให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และ 3.สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยกระบวนการทางสภา ที่ผ่านมารัฐบาลมีความจริงใจรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย รวมถึงการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ที่ขณะนี้ทุกฝ่ายดำเนินงานกันอย่างเต็มที่

“ชวน” ไม่ห่วง ส.ส.อภิปรายเลยเถิด

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทน ราษฎร กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจแนวโน้มจะเป็นวันที่ 16-19 ก.พ. แต่ยังไม่ยุติต้องรอหารืออีกครั้ง ได้เวลาเท่าใดอยู่ที่ตกลงกัน ส่วนเรื่องการประท้วงเป็นเรื่องธรรมดาส่วนใหญ่ไม่ได้บานปลาย เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่เพราะญัตติโยงถึงสถาบันอาจอภิปรายกันเลยเถิด นายชวนตอบว่า อยากให้ปรับปรุงถ้อยคำ แต่ถึงไม่ปรับปรุงก็บรรจุญัตติให้ไม่เป็นไร กระบวนการตรวจสอบตามระบอบประชาธิปไตยเรื่องปกติ อย่าไปคิดเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้กติกาข้อบังคับและกฎหมาย

ปชป.ดันน้อง “เทพไท” ลงซ่อม

วันเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ที่ประชุมสาขาเขต 3 จ.นครศรีธรรมราช มีมติ เป็นเอกฉันท์เห็นชอบส่งชื่อนายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 แทน หลังจากนี้นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ประธานคณะกรรมการสรรหาฯ จะนำรายชื่อนายพงศ์สินธุ์ เสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อมีมติให้ความเห็นชอบในวันที่ 5 ก.พ. ก่อนเปิดรับสมัครเลือกตั้งของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 11-15 ก.พ.นี้

“จุรินทร์” ดักคอให้สิทธิ์เจ้าถิ่น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการกระทบกระทั่งระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3 ว่า ไม่ขอให้ความเห็นเรื่องพรรคอื่น สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ถ้าเราเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราจะไม่ส่งผู้สมัคร แต่จะให้เจ้าของที่นั่งเดิมที่เป็นพรรคร่วมเป็นผู้ส่ง เราปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด วันที่ 5 ก.พ.นี้ก็จะทราบชื่อผู้สมัครอย่างเป็นทางการแล้ว

“ป้อม” เมินอ้างเป็นเรื่องระบบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวว่าพรรคเตรียมส่งนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช ลงสมัครอีกครั้งว่า “สื่อรู้ได้อย่างไร ผมยังไม่เจอเขาเลย ต้องรอประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) วันที่ 4 ก.พ.นี้ก่อน เมื่อถามว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าหากเป็นแกนนำรัฐบาล จะให้สิทธิ์เจ้าของพื้นที่เดิมส่งผู้สมัคร พล.อ.ประวิตรตอบว่า เป็นเรื่องของเขา เรื่องนี้เป็นเรื่องประชาธิปไตย ย้ำว่าที่ผ่านมาผู้สมัครของเราแพ้ไม่กี่พันคะแนน ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาบานปลายกับประชาธิปัตย์ มีแต่พวกสื่อที่พูดและถามให้เป็นปัญหา เมื่อถามว่าต้องคุยกับนายจุรินทร์หรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า จะคุยอะไรก็พูดอยู่นี่ คุยอยู่ทุกวันอยู่แล้ว

“อาญาสิทธิ์” ฉลุยลงในนาม พปชร.

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุม ส.ส.พรรค พปชร. กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ ได้พานายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ มาเปิดตัวต่อที่ประชุม จากนั้นพาเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค เป็นการส่วนตัว ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด หลัง พล.อ.ประวิตรพูดคุยกับนายอาญาสิทธิ์ระบุว่าจะสนับสนุนให้ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมในนามพลังประชารัฐ และต้องดำเนินการตามขั้นตอนของพรรค ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคใน
วันที่ 4 ก.พ.

พปชร.ออกลายส่งตีความแก้ รธน.

อีกเรื่อง นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค พปชร. และประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งหนังสือถึงคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ควรทำเป็นรายมาตรา หากจะยกร่างทั้งฉบับควรทำประชามติสอบถามประชาชนก่อนว่าสำคัญ อาจจำเป็นต้องส่งเรื่องนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ว่าการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ สามารถทำได้หรือไม่ ดังนั้น การประชุมวิป 3 ฝ่าย วันที่ 8 ก.พ. และการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 9 ก.พ. พรรค พปชร.จะสนับสนุนญัตติของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายสมชาย แสวงการ ส.ว. ส่งเรื่องต่อ ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ส่วนพรรคอื่นอยู่ที่แต่ละพรรค หากท้ายที่สุดศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่าการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ขัดต่อกฎหมาย การดำเนินการจะหยุดทันที ไม่ได้ยื้ออย่างที่มองกัน

นายกฯหยอดตายายอย่าห่วง

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เรื่องเบี้ยผู้สูงอายุ กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน และให้ชะลอการเรียกคืนหรือฟ้องร้องแล้ว ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบและแก้ไขความคลาดเคลื่อนของข้อมูลต่างๆ ทุกฝ่ายกำลังคุยกันขอให้คุณตาคุณยายไม่ต้องเป็นห่วง ตนจะดูแลให้ เข้าใจความรู้สึกของท่านดี ท่านไม่ได้ทำอะไรผิด เจ้าหน้าที่ทำตามระเบียบ ทางออกมีอยู่แล้ว ไม่มีใครต้องเดือดร้อน ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องไปหาเงินมาใช้คืนหลวงหรือจะต้องขึ้นศาล จะจัดการให้ทุกอย่างเรียบร้อย

“จุติ” เผยทางแก้ไร้คนเดือดร้อน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า จะรายงานแนวทางการแก้ไขปัญหาการเรียกคืนเบี้ยผู้สูงอายุให้ที่ประชุม ครม.รับทราบ โดยบูรณาการของหลายหน่วยงาน แนวทางที่เสนอไปจะไม่ทำให้ ใครเดือดร้อน เมื่อถามว่าจะถึงขั้นนิรโทษกรรมหรือไม่ นายจุติตอบว่า ต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุยกัน

“เก่ง” เฉ่ง คสช.สวาปามไม่เรียกคืน

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ผู้สูงอายุจำนวนมากถูกเรียกเบี้ยยังชีพคืน แม้กรมบัญชีกลางทำตามระเบียบแต่ผ่านไปหลายปีผู้ถูกเรียกคืนไม่สามารถจ่ายคืนได้ แก้ปัญหาแก่ตัวเองโยนปัญหาให้ประชาชน ทั้งที่ผิดพลาดสะเพร่าเอง แต่โยนความผิดให้ผู้สูงอายุ บางรายยอมติดคุกเพราะไม่มีเงินคืน อยากเตือนสติรัฐบาลที่ปล่อยลิ่วล้อมารีดเลือดจากปูว่า พวกที่ควรถูกเรียกเงินคืนมากสุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวก ที่ยึดอำนาจแต่งตั้งพวกพ้องมากมาย รับเงินเดือนเบี้ยเลี้ยงหลายทางกินเงินหลวงปากมันแผล็บ พล.อ. ประยุทธ์ได้รับค่าตำแหน่งหัวหน้า คสช. 125,590 บาทต่อเดือน นายกฯ 125,590 บาทต่อเดือน ยังไม่นับเบี้ยประชุมและค่าตำแหน่งอื่นๆ ลิ่วล้อร่ำรวยถ้วนหน้า กรมบัญชีกลางศึกษากฎหมายต่างๆให้ถี่ถ้วนอาจพบผู้มีอำนาจใช้ช่องว่างกฎหมายสวาปามลาภมิควรเสวยสุขพุงกาง

“เจ๊หน่อย” ห่วงประเทศล้มละลาย

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกลุ่มสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าสถานการณ์เศรษฐกิจ ของไทยแย่ลงเรื่อยๆ เศรษฐกิจปี 2564 ที่เดิมคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4-5 ต่อมาปรับลดลงเหลือ 3.5-4.5 ทั้งหมดเกิดจากความบกพร่องของนายกฯ ล่าสุดสำนักงบประมาณเผยแพร่ประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิในปี 2565 การจัดเก็บภาษีจะเหลือเพียง 2.4 ล้านล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ถึง 277,000 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 10.3 อันเป็นการจัดเก็บที่ลดลงสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2557 ที่มีการยึดอำนาจ สถิติการจัดเก็บ ภาษีติดลบเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน และต่อไปในอนาคตตราบเท่าที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นนายกฯ ทำให้ฐานะทางการคลังของรัฐบาลมีความเปราะบางมากที่สุด จนอาจนำไปสู่การ “ล้มละลาย” ทางการคลัง รัฐบาลต้องทำให้ประชาชนมองเห็นอนาคต กล้าจับจ่ายใช้สอยและลงทุน ที่สำคัญคือต้องดูแลประชาชนและผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย เพราะการฟื้นฟูเศรษฐกิจครั้งนี้ต้องอาศัยพลังของคนตัวเล็กตัวน้อย มาเป็นฐานพยุงเศรษฐกิจของไทยไม่ให้ล่มสลาย

วีโวโดน 3 ข้อหาร่วมม็อบพม่า

อีกเรื่อง หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) เข้าสลายการชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารในเมียนมาของชาวเมียนมาในไทย ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 ก.พ. มีแกนนำกลุ่มราษฎร และกลุ่มการ์ด wevo เข้าร่วมชุมนุม จนเกิดเหตุชุลมุนระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม ตำรวจ อคฝ.บาดเจ็บ 14 นาย แนวร่วมการ์ดวีโวถูกตำรวจจับกุมตัวไปดำเนินคดีที่ สน.ยานนาวา 3 ราย ได้แก่ นายวิชพรรษ ศรีกสิพันธุ์ นายปัณณพัทธ์ จันทนางกูล และนายเกียรติศักดิ์ พันธุ์เรณู โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 ก.พ. พ.ต.อ.ธนโชติ ฤกษ์ดี ผกก.สน.ยานนาวา กล่าวว่า ได้ขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขังตัวชั่วคราว 3 ผู้ต้องหาแล้ว ฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ทั้งนี้ นายวิชพรรษต้องส่งฝากขังต่อศาลแขวงพระนครใต้ ในความผิดเกี่ยวกับการใช้เครื่องขยายเสียงอีกข้อหา แต่ใช้วิธีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จาก สน.ยานนาวา กับศาลแทน

รอดคุกศาลให้ปล่อยตัวชั่วคราว

ต่อจากนั้นพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา นำตัวนายปัณณพัทธ์และนายเกียรติศักดิ์ไปฝากขัง ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ทั้งนี้ ท้ายคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนระบุว่า หากมีการยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนขอค้านการประกัน เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งหากให้ประกันตัวเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้ กระทั่งเวลา 15.20 น. ทนาย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว ศาลได้พิจารณาแล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราวระหว่างรอดำเนินคดี โดยตีราคาประกันคนละ 50,000 บาท ส่วนกรณีนายวิชพรรษ ที่ฝากขังกับศาลแขวงพระนครใต้ทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ศาลให้ปล่อยตัวกลับโดยให้สาบานตน ไม่ต้องวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน

ผบ.ตร.ลั่นต้องเด็ดขาดถ้าจำเป็น

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวว่า การสลายการชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมาเราต้องรักษากฎหมาย อยู่ในประเทศไทยต้องปฏิบัติตามกฎกติกา กฎหมายของบ้านเราอย่างเคร่งครัด มีเหตุการณ์ที่ไม่ควรต้องเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่พยายามทำให้ไม่เกิดความรุนแรง มีตำรวจบาดเจ็บต้องจับกุม เราพร้อมจัดการด้วยความเด็ดขาดถ้าจำเป็น ข้อเท็จจริงผู้ชุมนุมมีทั้ง 2 กลุ่ม ทั้งคนไทยและเมียนมา การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเราเข้าใจ แต่มีข้อจำกัด โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรค มีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอให้คำนึงถึงส่วนรวมเป็นหลัก

เด้ง ผกก.ภูเขียวไม่ห้ามม็อบฝืน ก.ม.

ที่ห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (บช.ภ.3) อ.เมืองนครราชสีมา พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 กล่าวว่า มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.เพิ่มสุข ศิริพละ ผกก.สภ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ มาปฏิบัติหน้าที่ที่ ศปก.ภ.3 ขาดจากตำแหน่งและหน้าที่เดิมตั้งแต่ วันที่ 1 ก.พ.เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เนื่องจากช่วงเย็นวันที่ 1 ก.พ. มีกลุ่มคนอ้างเป็นคณะราษฎรภูเขียว ทำกิจกรรมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และความผิดอื่นในโรงพัก ตั้งเวทีปราศรัยที่บริเวณหน้าบันไดทางเข้า และติดป้ายมีข้อความไม่เหมาะสมหน้า อาคารสถานีตำรวจ แต่ พ.ต.อ.เพิ่มสุข ไม่ได้ดำเนินการ ป้องกันหรือระงับยับยั้ง จนตนต้องสั่งให้ ผบก.ภ.จ.ชัยภูมิ เข้าไปเจรจาผู้ชุมนุมจึงยอมถอดป้ายและรื้อเวทีและตนจะเดินทางไป สภ.ภูเขียวรวบรวมพยาน หลักฐานและดำเนินคดีกับคณะราษฎรภูเขียวทุกคน ทุกข้อหาที่ปรากฏ

“อนุทิน” ติงอย่าหาเรื่องเข้าบ้าน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์การชุมนุมหน้าสถานทูตเมียนมาเต็มที่ เพราะความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดโควิด-19 มีทุกวัน ดูแล้วถ้าชุมนุมไม่ใส่หน้ากากต้องจัดการปัญหา บ้านโน้นจะมายุ่งอะไรกับบ้านนี้

ก.ก.แซะ “บิ๊กตู่” ยืนข้างเผด็จการ

น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การใช้กำลังสลายการชุมนุมจับกุมดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารหน้าสถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ชัดเจนแจ่มแจ้งว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เลือกยืนอยู่ข้างระบอบเผด็จการรัฐประหารในเมียนมา ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจทำรัฐประหารเช่นกัน เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ตำรวจใช้ความ รุนแรงเกินกว่าเหตุคุมตัวผู้ชุมนุม 3 ราย ไปที่ สน. ยานนาวา ถูกคุมตัวตลอดคืน

“ณฐพร” ชงยุบก้าวไกลหนุนม็อบ

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการ แผ่นดิน ยื่นคำร้องให้ กกต.วินิจฉัย กรณีพรรคก้าวไกล กระทำความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 45 และ 92 (2) (3) กรณีแสดงความเห็นทางการเมือง เข้าร่วมกับผู้ชุมนุม ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีชุมนุมทางการเมือง ยื่นร่างแก้ไข ป.อาญามาตรา 112 ลงมติ เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับไอลอว์ ถือเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ขอให้ กกต.วินิจฉัยและเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเพราะมีหลักฐานว่า พวกที่ชุมนุมได้เงินจากใคร ใครโอนเงินให้ ใครจ่ายให้ จ่ายที่ไหน ครบทุกอย่าง

“พิธา” ซัดไร้สาระกลบปมซักฟอก

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า อ่านคำร้องที่นายณฐพร โตประยูร ส่งให้ กกต.แล้ว “เลอะเทอะ” และ “ไร้สาระ” นาย ณฐพรเป็นคนเดียวกับที่เคยยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่คดี “อิลูมินาติ” ตนและพรรคกำลังพิจารณาฟ้องนายณฐพร ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 101 ฐานแจ้งความเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฯลฯ แบบนี้ คิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากตั้งใจก่อกวนให้เสียสมาธิ กลบเกลื่อนความผิดพลาดของรัฐบาลที่จะถูกแฉในการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ