"แรมโบ้ อีสาน" ประชุมนัดแรก "ทีมองครักษ์พิทักษ์ รมต." เน้น เก็งข้อสอบ-เอาผิด ส.ส.อภิปรายฯ จาบจ้วงสถาบัน ม.112 ทันที ไม่ต้องรอจบ ยัน ทำงานเป็นทีมไม่แบ่งพรรค ลั่น ไร้ นายกฯสั่งการ
วันที่ 1 ก.พ. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการเป็นประชุมคณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือ สสอ. ครั้งที่ 1/2564 ว่า ในนามคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เห็นตรงกันว่าการที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ต้องทำหน้าที่ในมติการเมือง ต้องจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อสนับสนุน เพื่อให้เห็นว่าผู้ช่วยรัฐมนตรีมาจากทุกพรรค ร่วมกับรับผิดชอบ แต่ไม่ได้เป็นการสั่งการนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด
ซึ่งคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีชุดนี้ จะทำหน้าที่ข้อมูลสนับสนุนให้รัฐมนตรีทุกคนที่ถูกอภิปราย พร้อมมองว่าสิ่งที่พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง แต่ในฐานะทีมวอร์รูมนอกสภาฯ กังวลว่าญัตติที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน เป็นการกล่าวเท็จและบิดเบือนข้อเท็จจริง และเสียงประชาชนไม่เห็นด้วยที่พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติในการอภิปรายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ก็มีการเรียกร้องให้แก้ไขญัตติดังกล่าว และมองว่าบางพรรคมีจุดประสงค์บิดเบือนให้ร้ายสถาบัน จึงมีการตั้งทีมกฎหมาย นำโดยนายทศพล เพ็งส้ม ฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ หากมีการอภิปรายพาดพิงสถาบันในทางเสียหาย จะให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบ และดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 112 กับผู้อภิปรายทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อภิปรายคนต่อไปทำผิดซ้ำ
"ตั้งแต่ตนทำงานการเมืองมา การอภิปรายครั้งนี้เป็นญัตติที่อัปยศ อดสูมากที่สุด เป็นการใช้ภาษาไม่สุภาพ หยาบคาย จาบจ้วงสถาบัน กล่าวหาเป็นเท็จ ขออย่าได้อภิปรายก้าวล่วงสถาบัน พร้อมขอให้อย่าอภิปรายย้อนอดีตให้มาก เพราะเป็นการเมืองไม่สร้างสรรค์ อย่างการย้อนไปในยุค คสช. เหมือนการฉายหนังม้วนเก่า จะมี ส.ส.ประท้วง เสียเวลา ประชาชนไม่อยากเห็นบรรยากาศเช่นนั้น" นายสุภรณ์ กล่าว...
...
นายสุภรณ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในกรณีมีการพาดพิงนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี จะมอบให้ฝ่ายกฎหมาย ดูว่ามีหลักฐานอันเป็นเท็จต่อรัฐมนตรีอย่างไรบ้าง ก่อนมอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมายไปร้องทุกข์
พร้อมย้ำว่าคณะกรรมการชุดนี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อข่มขู่ แต่ต้องการเห็นบรรยากาศการอภิปรายเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่ต้องการให้ประชาชนเบื่อหน่ายกับการอภิปรายสไตล์เดิมของนักการเมืองน้ำเน่าในอดีต และอาจมีเวทีแถลงข่าวตอบโต้การบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือการใส่ร้ายป้ายสี
ด้านนายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บทบาทหน้าที่ของคณะทำงานไม่ได้มีเพียงการเฝ้าระวังการอภิปรายการจาบจ้วงสถาบันเท่านั้น แต่ควบรวมถึงการเกร็งข้อสอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายค้านจะเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคม ที่ต้องแม่นยำ โดยไม่ได้แย่งเป็นพรรค แต่บูรณาการร่วมกันของทุกพรรค และยกระดับมาตรฐานการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนตั้งวอร์รูมที่ใดนั้นยังอยู่ระหว่างการหารือ.