กลายเป็นดราม่าร้อนฉ่า หลัง “ธนาธร” ออกมาฉะการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลสุดห่วย ทำ “เสี่ยหนู” ถึงกับเดือด ซัดมือไม่พายอย่าราน้ำ “บิ๊กตู่” ฉุนบิดเบือนได้ทุกเรื่อง สั่งดำเนินคดีทุกเรื่อง “แรมโบ้” สั่งทนายฟ้องเอาผิด ม.112 กก.โต้แสบ “เสี่ยหนู” ไร้ศักดิ์ศรี ดูด ส.ส.ดันมาคุยโว วิปรัฐบาลชงเปิดศึกซักฟอก 16-19 ก.พ. “สุทิน” สยบศึกเกาเหลา พท. “โจ้” หน้าม้านเจอ “เรืองไกร” บุกขอซื้อต่อนาฬิกาหรู รีบชิ่งหนี ศาลสั่งจำคุก 43 ปี 6 ด. อดีตซี 8 หมิ่นสถาบัน ตร.จับโป๊ะ “เยล” สร้างเรื่องโดนอุ้มดราม่าปัญหาการจัดหาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 กลายเป็นประเด็นร้อน หลังนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างหนัก จนกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง ที่ทางฝ่ายรัฐบาลมอบให้ทีมกฎหมายพิจารณาฟ้องเอาผิดมาตรา 112

“ธนาธร” ฉะรัฐห่วยจัดหาวัคซีน

เมื่อกลางดึกวันที่ 18 ม.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊กคณะก้าวหน้า วิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการ จัดหาและผลิตวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลในหลายประเด็น รวมถึงมีการพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง อาทิ คนไทยได้วัคซีนช้า ไม่ครอบคลุมจำนวนประชากร เสียโอกาสพัฒนาประเทศ เพราะประมาท และไม่ได้ใส่ใจ บริษัทเดียวที่ไทยฝากความหวังไว้ คือ แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) มีการจ้างบริษัทผู้ผลิตในไทยคือ สยามไบโอไซเอนซ์ (Siam Bioscience) ไม่มีการเจรจากับบริษัทอื่นเพิ่ม กว่าจะรู้ตัวก็สายไปการซื้อจากต่างประเทศเซ็นสัญญาไปแล้ว 2 บริษัทคือ แอสตราเซเนกา 26 ล้านโดส และ Sinovac 2 ล้านโดส เป็นบริษัทที่กลุ่มซีพีเข้าไปถือหุ้นอยู่ 15.03% นายกฯจะสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ถ้าวัคซีนมีการผลิตช้ากว่ากำหนดเวลา หรือมีปัญหาในการแจกจ่ายให้ประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม หรือถ้าเกิดอาการแพ้ หรือประสิทธิภาพไม่ได้ตามเป้าหมาย รับผิดชอบไหวหรือไม่

...

“หนู” เดือดมือไม่พายอย่าราน้ำ

ต่อมาเวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวตอบโต้นายธนาธรว่า พูดรู้หมดทุกเรื่อง ไม่รู้อย่างเดียวคือรู้จักสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ ประเทศไทยมาถึงวันนี้ได้ใครเป็นผู้ให้กำเนิดทางการแพทย์ ใครวางรากฐานระบบสาธารณสุข จนเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลก ทำให้ประชาชนทั้งประเทศมีพื้นฐานสุขภาพที่ดี ใครพระราชทานสิ่งของต่างๆเป็น 100 ปี เอาใกล้ๆนี้ รถตรวจหาเชื้อโควิด 20 คัน ชุดพีพีอีเป็นล้านๆชุด เวชภัณฑ์ ทุนทรัพย์เป็นพันล้าน ใครพระราชทานให้ ไปทำการบ้านตรงนี้มาก่อนว่าใครทำให้ ไม่มีอะไรที่พระองค์ท่านทำและไม่เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง เรื่องวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องไม่เอาเรื่องการเมืองมาเป็นประเด็น มีเรื่องอื่นเยอะแยะไป ปล่อยให้แพทย์เขาทำไป ถ้าอยากทำอะไรอย่างที่ตัวเองต้องการ ต้องทำให้ตัวเองเข้ามาบริหารบ้านเมืองให้ได้ก่อน “ที่อยู่กันมาได้ขนาดนี้ ถ้าไม่มีตรงนั้นความเข้มแข็งก็คงไม่เกิด เหมือนที่เรามีอยู่ทุกวันนี้ พวกที่ออกมาว่าๆน่ะ มือไม่พายก็ไม่ต้องเอาอะไรมาราน้ำ”

“บิ๊กตู่” ฉุนบิดเบือนได้ทุกเรื่อง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุม ครม. กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ถือว่าเป็นการบิดเบือนทุกเรื่อง ทุกอย่างไม่ใช่ข้อเท็จจริง ขอให้ทุกคนระมัดระวังการเสนอข่าวพวกนี้ “เรื่องอะไรที่เป็นการบิดเบือน ไม่ใช่ข้อเท็จจริงแล้วนำมาแพร่ ไม่ว่าในสื่อหรือโซเชียลมีเดีย ผมให้ดำเนินคดีทุกเรื่อง ทุกรายการ ขอให้ทุกคนระมัดระวัง อย่าหาว่าผมเอากฎหมายไปขู่ แต่ต้องรักษาความเชื่อมั่นของรัฐบาลไปด้วย ไม่เช่นนั้นต่างคนต่าง เขียนอะไรกันไป แล้วไม่รับผิดชอบ กฎหมายมีอยู่”

“แรมโบ้” ฮึ่มฟ้องเอาผิด ม.112

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่นายธนาธรกล่าวโยงพาดพิงไปถึงสถาบันเบื้องสูง เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อยากถามนายธนาธรว่าหัวใจยังเป็นคนไทยอยู่หรือเปล่า จะให้ทีมกฎหมายพิจารณาคำพูดของนายธนาธรว่าส่อเจตนาจาบจ้วงสถาบัน หรือผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่ การโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จต่อนายกฯและรัฐบาล หากเข้าข่ายทำให้เสียหาย จะแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อดำเนินคดี จะได้รู้สำนึกเข็ดหลาบ คนแบบนายธนาธรไม่สมควรอยู่ในแผ่นดินไทยอีกต่อไป

กก.โต้แสบ “เสี่ยหนู” ไร้ศักดิ์ศรี

ด้านนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า คำพูดท้าทายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้นายธนาธรเข้ามามีอำนาจบริหารประเทศให้ได้ก่อนนั้น นายอนุทินไม่ควรพูดอะไรที่ขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริง เป็นหัวหน้าพรรคที่ยังซื้องูเห่าจากพรรคที่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งแรก มาเสริมพรรคตัวเองอยู่เลย การเข้าถึงอำนาจบริหารของนายอนุทินก็ใช้วิธีที่คุ้นเคยเพื่อขออำนาจมาตลอด หากการเข้าสู่อำนาจบริหารประเทศด้วยวิธีการแบบที่นายอนุทินทำมาตลอดชีวิตการเมือง เราคงไม่ทำมันไร้ศักดิ์ศรี แม้การสู้กันในเกมกติกาของพวกคุณจะยาก แต่เราภูมิใจ เพราะไม่ต้องเอาลิ้นไปติดขนหน้าแข้งใคร

วิป รบ.ชงเปิดซักฟอก 16–19 ก.พ.

ช่วงสายที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า หากพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลภายในวันที่ 25 ม.ค. คาดว่า ครม.จะจัดให้มีการอภิปรายได้ในช่วงกลางเดือน ก.พ. วิปรัฐบาลเสนอช่วงเวลาอภิปราย 4 วัน ไปให้ ครม.พิจารณา คือช่วงวันที่ 16-19 ก.พ. รวมกับวันลงมติวันที่ 20 ก.พ. อีก 1 วัน รวมเป็น 5 วัน หากฝ่ายค้านอยากได้เวลา 7 วัน คงต้องคุยกัน แต่คงเป็นไปได้ยาก 5 วันถือว่ามากแล้ว ถ้ามีไฮไลต์อะไรให้อภิปรายตั้งแต่วันแรกๆ ไม่ใช่เอาน้ำก่อน เนื้อไว้ทีหลัง ส่วนการพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญนั้น คาดว่า ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จะเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 ได้ ช่วงวันที่ 24-25 ก.พ. และปิดสมัยประชุมวันที่ 28 ก.พ. คาดว่ากลางเดือน มี.ค.จะเปิดสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาลงมติร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 รวมถึงพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติด้วย

“สุทิน” ปัดศึกเกาเหลาเพื่อไทย

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ที่มีข่าว ส.ส.พรรคเพื่อไทยกลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย อาจไม่ได้ร่วมอภิปรายนั้น ยังไม่ถึงขั้นตอนกำหนดตัวบุคคล วันที่ 19 ม.ค.จะเริ่มวางคนอภิปราย เรื่องปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค คนคิดกันไปเอง บังเอิญช่วงนี้มีคนเข้า-ออกพรรค เป็นเรื่องธรรมดาที่คิดว่ามีปัญหากัน พรรคมีคณะกรรมการกลั่นกรองอยู่ ทุกคนมีสิทธิ์อภิปราย ยืนยันตอนนี้ทุกคนยังมีโอกาสเท่ากัน โดยเฉพาะคนที่เคยได้อภิปรายมาแล้ว เชื่อว่าพรรคยังเห็นความสำคัญ และยังอยากให้อภิปรายอยู่ เชื่อว่าทีมงานอภิปรายเป็นทีมงานชุดเดิม เมื่อถามถึงกระแสข่าวเพื่อไทยอาจไม่อภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ขณะที่พรรคร่วมอื่นจะอภิปราย นายสุทินตอบว่า ถ้าพรรคอื่นอยากอภิปรายก็ได้อยู่แล้ว อยู่ที่ข้อมูล ไม่มีการจำกัดกัน วันที่ 22 ม.ค.พรรคร่วมฝ่ายค้านจะประชุมร่วมกันเพื่อสรุปประเด็น ยังไม่ได้ตัดชื่อใครออกทั้งนั้น

“โจ้” อุบไต๋เป่าชื่อ “บิ๊กป้อม” พ้นวง

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวไปกีดกัน ส.ส.บางกลุ่มไม่ให้ร่วมประชุมวางแผนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ยืนยันไม่มีความขัดแย้ง ร่วมกันเตรียมความพร้อมอภิปรายตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ส่วนจะมีรายชื่อ พล.อ.ประวิตรถูกอภิปรายด้วยหรือไม่นั้น ต้องบอกว่าครั้งนี้จะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์เป็นหลัก เพราะเกี่ยวข้องทั้งโควิด ความมั่นคง แต่หากเกี่ยวถึงรัฐมนตรีคนใดจะอภิปรายหมด ไม่มียกเว้น อยู่ที่ข้อมูล ครั้งนี้มีเซอร์ไพรส์รัฐมนตรีที่คิดว่าไม่น่าจะโดน อาจโดนด้วย มีข้อมูลที่หนักแน่น ขณะนี้มีความพร้อมอภิปรายแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์แจงราคานาฬิกาไม่ถึงหมื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ช่วงสายวันเดียวกัน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร เปิดแถลงข่าวตอบโต้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ที่ตั้งข้อสงสัยการยื่นแสดงรายการทรัพย์สินนาฬิกาข้อมือหรูต่อ ป.ป.ช. โดยมีนายเรืองไกร มานั่งรับฟังอยู่ด้วย นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ได้ยื่นบัญชี ทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2562 ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ระบุหากราคาไม่ถึง 2 แสนบาท ไม่ต้องยื่น นาฬิกาที่ตนใส่ยี่ห้อ IWC ไม่ใช่นาฬิกาหรู ถ้ามีผู้ไปร้องต่อ ป.ป.ช.ก็ต้องไปชี้แจง แต่ไม่อยากให้ถึงขั้นนั้น กับนายเรืองไกรรู้จักกัน เคย ทำงานร่วมกันมาก่อน ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงจ้องตรวจสอบผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าวเสร็จ นายเรืองไกรพยายามขอชี้แจง แต่นายยุทธพงศ์ตัดบท ไม่ให้พูด และมายืนคุยกับนักข่าว พร้อมโชว์นาฬิกาให้สื่อดูอีกครั้ง ระบุว่าไม่รู้ขายตอนนี้จะได้ถึงหมื่น หรือเปล่า ทำให้นายเรืองไกรเดินเข้ากล่าวว่า “ไหนขอดูหน่อย หมื่นนึง ขายไหม” พร้อมเปิดกระเป๋าเงิน นำแบงก์พันหลายใบออกมาจะยื่นให้ แต่นายยุทธพงศ์ ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะขอตัวแยกออกไป

“เรืองไกร” ไม่สนยื่น ป.ป.ช.ฟันต่อ

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า สิ่งที่นายยุทธพงศ์ชี้แจงยังไม่ชัดเจน เข้าใจเนื้อหากฎหมาย ป.ป.ช.คลาดเคลื่อน ทั้งที่ไปหาตามคำท้าแต่นายยุทธพงศ์กลับไม่ให้ถาม เรื่องนี้ต้องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไป ส่วนตัวไม่มีข้อขัดแย้งกับนายยุทธพงศ์ แต่ยื่นตรวจสอบเพื่อความถูกต้องของกฎหมาย ไม่เกี่ยง จะอยู่พรรคเดียวกันหรือไม่ ตนเป็นแกะดำอยู่แล้ว

“สิระ” แก้เกี้ยวชง กกต.ยุบ พท.

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังยื่นคำร้องให้ กกต.พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย เนื่องจากกระทำการเข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 (2) ว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค. พรรคเพื่อไทยแถลงการณ์ว่า มี มติให้ ส.ส.พรรคร่วมลงชื่อยื่นต่อประธานสภาฯส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าตนขาดคุณสมบัติ ส.ส. และขู่ว่าหาก ส.ส.ไม่ดำเนินการพรรคจะมีมาตรการลงโทษ ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 114 ถือเป็นการบีบบังคับ ส.ส. ทั้งนี้ มีเพื่อน ส.ส.พรรคเพื่อไทย ขอให้มาร้อง กกต.ให้ยุบพรรคเพื่อไทย เพื่อจะได้มีอิสรภาพไปหาพรรคอื่นสังกัดได้

ส.ว.เบิ้ลตีตก “รัชนันท์” นั่งศาล ปค.

ที่รัฐสภามีการประชุมวุฒิสภา โดย พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาเห็นชอบบุคคลดำรงตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมลงมติไม่ให้ความเห็นชอบให้นายรัชนันท์ ธนานันท์ อดีตเอก-อัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เป็นตุลาการศาลปกครองสูงสุด ด้วยคะแนน 122 ต่อ 89 ไม่ลงคะแนน 14 นับว่าเป็นครั้งที่สองที่วุฒิสภาตีตกชื่อนายรัชนันท์ เนื่องจากพบว่าเคยถ่ายรูปทักทายต้อนรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สมัยเป็นเอกอัครราชทูตฟินแลนด์เมื่อปี 2559 ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า อาจมีปัญหาความเป็นกลางทางการเมือง ที่ไม่ควรฝักใฝ่ฝ่ายใด

อดีตซี 8 หมิ่นสถาบันคุก 43 ปี 6 ด.

อีกคดี ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ฟ้องนางอัญชัญ ปรีเลิศ อดีตข้าราชการ กรมสรรพากรระดับ 8 เป็นจำเลย ฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ กรณีระหว่าง 12 พ.ย.57-24 ม.ค.58 จำเลยแพร่ข้อความทางยูทูบ เนื้อหาดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ศาลพิพากษาการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 29 กระทง รวมจำคุก 87 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้ กระทงละกึ่งหนึ่งคงจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวม 29 กระทง เป็นจำคุกทั้งสิ้น 29 ปี 174 เดือน