“ประยุทธ์” ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบฯ เอาฤกษ์เริ่มงานปีใหม่ บ่นอุบทุ่มเทคุมโควิดเต็มที่แต่มีพวกไม่ฟังจ้องหาช่องดิสเครดิต ลิ่วล้อโต้แทนซัด “เจ๊หน่อย” เลิกตีกินการเมือง ป้องนายกฯไม่เคยโทษ ปชช.การ์ดตก “ชวน” ถกเลื่อนประชุมสภาไป 2 สัปดาห์ กมธ.-กลุ่มย่อยประชุมได้ แต่ห้ามคนนอกร่วม “ก้าวไกล” เซ็งกระทบ กมธ.แก้รัฐธรรมนูญและไทม์ไลน์ฝ่ายค้านเปิดซักฟอกไม่ทัน “เพื่อไทย” ดักทางเล็งขอเปิดสภาวิสามัญอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “ประเสริฐ” จี้ กมธ.ถกผ่านออนไลน์รื้อ รธน. “เรืองไกร” ส่งจดหมายอีเอ็มเอสท้ารบนายกฯ แบหลักฐานทุจริตต่อหน้า ขู่มีเสียวสันหลัง 7 วันไม่ให้พบพร้อมแฉ จี้ กกต.สอบคุณสมบัติ “สิระ” โยง ส.ว.-รมต.

การแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 เป็นประเด็นหนักอกที่รัฐบาลถูกฝ่ายค้านนำมาโจมตีเน้นย้ำความล้มเหลวในการทำงาน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ถึงกับปรารภว่าบางคนบางกลุ่มไม่ยอมฟังข้อเท็จจริง แต่จ้องหาช่องดิสเครดิตรัฐบาล

...

“บิ๊กตู่” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำเนียบฯ

เมื่อ 10.30 น. วันที่ 4 ม.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าทำงานเป็นวันแรกหลังหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ทันทีที่มาถึงทำเนียบรัฐบาล ได้ลงรถก่อนขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ไปสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตาศาลยายบริเวณสวนหย่อมก่อนทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า และขึ้นไปสักการะพระพรหมที่บนตึกไทยคู่ฟ้าก่อนกราบพระพุทธรูปที่ห้องทำงานเพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนเริ่มปฏิบัติงานในวันแรกของปี 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้าที่นายกฯ จะเข้าทำเนียบรัฐบาล ได้เดินทางไปยังทำเนียบองคมนตรี เพื่อเข้าอวยพรองคมนตรี เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่

ร.10–ราชินีพระราชทานของขวัญปีใหม่

เมื่อเวลา 13.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.ท.ภักดี แสง-ชูโต ผู้ช่วยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรองเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้แทนพระองค์เชิญของขวัญพระราชทาน เพื่อมอบแก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

บ่นพวกไม่ฟังจ้องแต่ดิสเครดิต

ต่อมาเวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวช่วงหนึ่งขณะแถลงข่าวหลังเป็นประธานประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ว่า ทุกคนทำงานแบบบูรณาการบนพื้นฐานข้อมูลเดียวกันนั่นคือสิ่งสำคัญสุด ใช้ข้อมูลเดียวกันหมายถึงข้อมูลที่มีการตรวจสอบคัดกรองแล้วว่าเป็นข้อมูลที่แท้จริง ถ้าเป็นข้อมูลที่ต่างคนต่างพูดออกมาจะไม่ชัดเจน ขอให้ฟังบ้างแล้วกัน ถ้าใครจะไม่ฟังก็แล้วแต่ คงต้องมีคนไม่ฟังหรือฟังก็หาช่องทางดิสเครดิต มันไม่ใช่หรอกมั้งวันนี้เป็นเวลาที่เราต้องร่วมมือกัน ทั้งตัวเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติที่รักยิ่งของเรา รัฐบาลพยายามทำเต็มที่ มาตรการต่างๆรวมถึงเรื่องการล็อกดาวน์ของแต่ละพื้นที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้พิจารณา

“แรมโบ้” ซัด “เจ๊หน่อย” ตีกินการเมือง

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ก่อตั้งสถาบันสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุประชาชนไม่ได้ทำการ์ดตก แต่รัฐบาลที่การ์ดตกต้องเลิกทำผิดพลาดซ้ำซากว่า คุณหญิงสุดารัตน์รู้อยู่แก่ใจว่านายกฯและรัฐบาลทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหา รัฐบาลยังคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจึงยังไม่ประกาศล็อกดาวน์ ทั้งโลกเจอปัญหาเดียวกันยืนยันรัฐบาลไม่ได้ทำผิดอะไรไม่ได้การ์ดตก การปล่อยให้แรงงานลักลอบเข้าประเทศไทย เพราะคนทำผิดกฎหมายเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว นายกฯย้ำให้สอบสวนนำคนกระทำความผิดมาลงโทษแล้ว ควรหยุดการใช้วาทะตีกินทางการเมืองได้แล้ว

“ธนกร” ป้องนายกฯไม่เคยโทษ ปชช.

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับคุณหญิงสุดารัตน์ ว่าที่หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ แต่ทัศนคติไม่ได้ใหม่ ยังคิดแต่เอาชนะคะคานทางการเมือง รัฐบาลไม่เคยการ์ดตก จนช่วงแรกได้รับคำชมจากทั่วโลก แต่มาเกิดสถานการณ์แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองตามเส้นทางธรรมชาติ นายกฯสั่งลงโทษเด็ดขาด ไม่อยากให้เอาความทุกข์ร้อนของประชาชนมาเอาชนะกันทางการเมือง ส่วนที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวหารัฐบาลเอาแต่โทษประชาชน ไม่เคยยอมรับผิดอย่าพูดเอามันแบบนักโต้วาที รัฐบาลไม่เคยโทษประชาชน บ่อนพนันต้นเหตุระบาดโควิด-19 รัฐบาลไม่มีมวยล้มต้มคนดู นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุเศรษฐกิจไทยปี 64 มีแนวโน้มย่ำแย่กว่าปีที่แล้ว นายกฯไม่สามารถก้าวทันโลกได้ จะทำให้ไทยตกยุคและเสื่อมถอย นายพิชัยยังจมปลัก นายกฯก้าวทันโลกได้แน่ ไม่ได้แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน

ทำเนียบฯลดผู้เข้าประชุมลดแออัด

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการชุดต่างๆ ในทำเนียบฯเริ่มลดผู้เข้าประชุมและผู้ติดตามลง บางคณะให้กรรมการบางส่วนร่วมประชุมทางออนไลน์ได้ เช่น การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ส่วนการประชุม ครม.ยังประชุมปกติเต็มคณะแต่ให้ลดผู้ติดตาม การแถลงข่าวย้ายไปใช้ตึกสันติไมตรีหลังในแทนตึกนารีสโมสร เพื่อลดความแออัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ครม.วันที่ 5 ม.ค.จะเปลี่ยนจากตึกสันติไมตรี กลับมาใช้ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 จะประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เชื่อมไปยังกระทรวงต่างๆ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข

“เรืองไกร” ท้าเจอ “บิ๊กตู่” โชว์หลักฐานทุจริต

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เปิดเผยว่า วันเดียวกันนี้ตนส่งจดหมาย EMS ไปสองเรื่อง เรื่องแรกส่งไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขอเข้าพบเพื่อแสดงหลักฐานทุจริตต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ และขอท้าให้แก้ข้อกล่าวหาต่อหน้าสื่อมวลชน เนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ต.ค.63 นายกฯเคยถามสื่อมวลชนว่า “ผมทำผิดอะไร” ขณะนี้ตนมีหลักฐานที่จะแฉความผิดของนายกฯแล้ว เป็นหลักฐานของนายกฯเอง ถ้ามั่นใจว่าไม่มีความผิด เป็นชายชาติทหารฆ่าได้หยามไม่ได้ เชื่อว่านายกฯต้องรับคำท้านี้

7 วันไม่ให้พบจะแฉ–พร้อมถูกฟ้อง

“แต่งานนี้มีเสียวสันหลังแน่นอน อาจถึงกับต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกได้ เสียงข้างมากในสภาฯก็ช่วยไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เป็นกรณีที่มีหลักฐานเป็นใบเสร็จการทุจริต หากไม่มีหลักฐานหรือแสดงหลักฐานเท็จไม่มีมูลความจริง ผมจะกราบขอโทษนายกฯต่อหน้าสื่อมวลชน และยินยอมถูกนายกฯฟ้องร้องดำเนินคดีจนถึงที่สุด ถ้า 7 วันไม่ให้เข้าพบผมจะเปิดเผยเรื่องดังกล่าวออกมา” นาย เรืองไกรกล่าว

จี้ กกต.สอบคุณสมบัติ “สิระ” พ่วง ส.ว.–รมต.

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า อีกเรื่องส่งไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องคุณสมบัติ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ที่เคยถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ อันเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ การจะอ้างพ.ร.บ.ล้างมลทิน 2550 มาเป็นประโยชน์ หาได้ไม่ เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดเคยวินิจฉัยไว้เมื่อปี 2559 ว่า พ.ร.บ.ล้างมลทิน ไม่มีมาตราใดให้ลบล้างคำพิพากษา และศาลฎีกาก็เคยวินิจฉัยทำนองเดียวกัน ดังนั้นจึงขอให้ กกต.ตรวจสอบว่านายสิระต้องพ้นจาก ส.ส. หรือไม่พร้อมทั้งขอให้ กกต. ขยายผลการตรวจสอบไปยัง รมต. ส.ส. และ ส.ว.ทุกคนว่ามีผู้ใดขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญอีกหรือไม่

“ประมวล” ฉะ รบ.ดีแต่พูดไม่ฟันคนโกง

นายประมวล เอมเปีย หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 รอบใหม่เกิดจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองบางคนหลายฝ่ายเห็นแก่เงิน ให้แรงงานเพื่อนบ้านที่ติดเชื้อไวรัสโควิดเพิ่มขึ้นอย่างมากข้ามชายแดนเข้าไทย มีนายหน้าค้ามนุษย์ร่วมมือหากินเป็นขบวนการ ประกอบกับการเปิดบ่อนการพนันผิดกฎหมาย เปิดสนามมวย สนามไก่ชน เป็นแหล่งกระจายเชื้ออย่างดี รัฐบาลลูบหน้าปะจมูกบอกจะจัดการพวกผิดกฎหมายและคอร์รัปชัน แต่ไม่เห็นจัดการอะไร ข้าราชการบางคนร่ำรวยกันเป็นร้อยๆล้าน คนหาเช้ากินค่ำจนลงๆ หรือเป็นกลยุทธ์ของรัฐบาลให้ประชาชนอยู่แบบยากจน จะได้ปกครองง่าย ใช้วิธีแจกเงิน พล.อ.ประยุทธ์ด่านักการเมืองเลวชั่ว แต่ยังใช้นักการเมืองเหล่านั้นมาอยู่ข้างกาย เอาคนพวกนั้นออกไปแล้วหาคนดีๆมาสร้างความนิยม ยังมีเวลาอีกเกือบ 2 ปีถ้าไม่ทำ อะไรก็เกิดขึ้นได้การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ที่แน่ๆประชาชนอดอยากกันทั่วหน้า ปัญหาใหญ่จะตามมา

“เต้–ไพบูลย์” เปิดศึกสาดน้ำลาย

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 15.30 น. นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาเป็นประธานการประชุมวิปสามฝ่าย เพื่อหาข้อสรุปว่าจะเลื่อนการประชุมสภาฯในช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ประชุมได้แสดงความคิดเห็นมานานกว่า 1 ชั่วโมง ส่วนใหญ่อภิปรายเห็นควรเลื่อนการประชุมสภาฯออกไปก่อน ให้มีการประชุมสภาฯในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป แต่ระหว่างกำลังหารือการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) คณะสำคัญ จะยังพิจารณาประชุมตามดุลพินิจที่เหมาะสมได้หรือไม่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กับนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดศึกน้ำลายโต้เถียงกันอย่างดุเดือด โดยนายไพบูลย์เห็นว่านายมงคลกิตติ์ อภิปรายยืดเยื้อ จึงประท้วงว่าพูดนอกประเด็น แต่ นายมงคลกิตติ์สวนกลับให้นายไพบูลย์เงียบปากไป

รอง หน.พปชร.ประท้วง “เต้” โจมตีนายกฯ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการตอบโต้กับนายมงคลกิตติ์ ขณะประชุมวิปสามฝ่ายว่าในระหว่างทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นพิจารณาเลื่อนประชุมสภาฯหรือไม่ นายมงคลกิตติ์นอกประเด็นกล่าวโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กรณีปล่อยให้มีแรงงานต่างด้าวแพร่ระบาดเชื้อใน จ.สมุทรสาคร ไม่เหมาะสม เพราะไม่เกี่ยวข้องกับการประชุม จึงประท้วงให้นายมงคลกิตติ์สงบปาก ท้ายสุดนายมงคลกิตติ์หยุดพูดและเปลี่ยนเรื่องไปเอง การกระทำของนายมงคลกิตติ์ไม่มีกาลเทศะ

“ชวน” เผยเลื่อนประชุมสภา 2 สัปดาห์

เมื่อเวลา 17.30 น. ที่รัฐสภา ภายหลังที่ประชุมวิปสามฝ่าย และตัวแทนพรรคการเมือง ใช้เวลาการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา แถลงว่าที่ประชุมมีความเห็นให้งดการประชุมสภาฯ ด้วยเหตุผลกรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังขยายออกไปรุนแรง เราได้เชิญอธิบดีกรมควบคุมโรคเข้ามาให้ข้อมูลว่า ขณะนี้สถานการณ์ภายใน 2 สัปดาห์น่าจะยังมีปัญหาอยู่ จึงคิดว่าเงื่อนไขความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และสมาชิกรัฐสภาโดยการมาประชุม จะทำให้รัฐสภากลายเป็นชุมชนที่หนาแน่น เสี่ยงต่อการติดเชื้อประกอบกับการที่รัฐบาลได้ออกข้อปฏิบัติห้ามการประชุมต่างๆ จึงเห็นควรระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อเชื้อโรค ดังนั้นการประชุมสภาที่จะเริ่มในวันที่ 6-8 ม.ค.ที่ประชุมจึงมีมติไม่เอกฉันท์ สมควรให้งดการประชุมออกไปก่อน 2 สัปดาห์ เพื่อรอดูสถานการณ์ แต่ถ้าภายใน 1 สัปดาห์สถานการณ์ดีขึ้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่หาก 2 สัปดาห์ แล้วสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ต้องขอความร่วมมือมาหารือกันอีกครั้ง

ถก กมธ.–กลุ่มย่อยได้แต่ห้ามคนนอก

นายชวนกล่าวว่า ส่วนการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) และการประชุมย่อยต่างๆให้สามารถทำได้ แต่ห้ามนำคนนอกเข้ามา ทั้งนี้เป็นการตัดสินใจของตัวแทนพรรคการเมืองทั้งหมด ในส่วนของตนจะมาทำงานตามปกติที่รัฐสภาทุกวัน แต่จะไม่มีการประชุมที่มีคนจำนวนมาก

กก.ผิดหวังกระทบ กมธ.แก้ รธน.

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนพงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคก้าวไกลรู้สึกผิดหวังที่ประชุมให้งดการประชุมออกไป 2 สัปดาห์ การประชุมยังทำได้หากวางมาตรการป้องกัน ขณะนี้มี ส.ส. 488 คน เราเรียกประชุมให้แต่ละพรรคส่งตัวแทนมาร่วมประชุมสภาฯ โดยใช้จำนวน ส.ส.เพียง 245 คนเพียงพอ พร้อมเว้นระยะห่างในห้องประชุม และให้แก้ไขข้อบังคับให้มีการประชุมแบบออนไลน์ได้ด้วย การเลื่อนประชุมไป 2 สัปดาห์ หากการระบาดของโควิด-9 ยังไม่ลดลงอาจต้องเลื่อนไปอีก ทำให้การผ่านกฎหมายหลายฉบับล่าช้า เช่น การพิจารณาของ กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม จะกระทบแน่นอน เพราะข้อบังคับกำหนดไว้ว่าไม่สามารถใช้การประชุมออนไลน์ได้ นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการที่สภาไม่ปรับตัว ต่างประเทศไปไกลกว่านี้แล้ว

กระทบไทม์ไลน์เปิดซักฟอกไม่ทัน

นายพิจารณ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้อาจส่งผลกระทบต่อไทม์ไลน์การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านตามข้อบังคับการประชุม การอภิปรายไม่ไว้วางใจยื่นได้ภายในสมัยประชุม รอบนี้จะหมดภายในสิ้นเดือน ก.พ. หากการแพร่ระบาดยืดเยื้อ เป็นไปได้ว่าอาจไม่มีการเปิดอภิปรายได้ทันในสมัยประชุม แต่อาจต้องเปิดประชุมสมัยวิสามัญหลังจาก ก.พ.ไปแล้ว ต้องรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดต่อไป เงื่อนไขเวลาการยื่นญัตติยังยืดได้ แม้จะไม่เปิดประชุมสภาฯ พรรคฝ่ายค้านยังสามารถยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่อยู่ที่ประธานรัฐสภาว่าจะบรรจุเมื่อไหร่ อยู่ที่ดุลพินิจของท่าน และอยู่ที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคด้วย

“โรม” หาทางเดินหน้ารื้อ รธน.

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประเทศเราแบ่งแยกอำนาจเป็น 3 ฝ่าย และไม่อาจดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนหากปล่อยให้รัฐบาลใช้อำนาจอยู่ฝ่ายเดียวโดยฝ่ายอื่นพักงานตรวจสอบถ่วงดุล สมาชิกรัฐสภาเองไม่ควรถูกปล่อยให้กินเงินเดือนหลักแสนไปเรื่อยๆโดยไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หลายเดือนที่ผ่านมาประชาชนนับแสนคนเรียกร้องให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีคณะกรรมาธิการแก้รัฐธรรมนูญชุดนี้ทั้ง 45 คน หนึ่งวันที่งานส่วนนี้ต้องเนิ่นช้าออกไปเท่ากับหนึ่งวันที่ประชาชนต้องรับผลร้ายจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ต่อไปเรื่อยๆ ขอฝากเพื่อนสมาชิกมาช่วยกันคิดวิธีการทำงานของพวกเรากันเถิด หากเรามีปัญญา สร้างอาคารสภาใหญ่โตได้ จะไม่มีปัญญาหาทางประชุมแบบไม่สุ่มเสี่ยงต่อการระบาดเชียวหรือ

พท.ขอเปิดวิสามัญไม่ไว้วางใจ รบ.

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านถึง แนวทางการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ยังไม่ได้ประชุมเป็นทางการ เพียงแต่พูดคุยกับตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านในภาพกว้างว่าแต่ละพรรคจะอภิปรายประเด็นใดบ้าง แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดมาก ยังติดตามสถานการณ์การประชุมสภาฯว่าจะเลื่อนการประชุมเพราะสถานการณ์โควิดหรือไม่ คงต้องรอความชัดเจนที่ประชุมสามฝ่ายว่าจะเลื่อนการประชุมสภาฯออกไปแค่ไหน อย่างไรบ้าง แต่ถ้าเลื่อนการประชุมออกไปจนปิดสมัยการประชุม ต้องมีทางออกให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย จำเป็นต้องเปิดการประชุมสภาฯวิสามัญให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ไม่ใช่เลื่อนออกไปแล้วจบกัน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ารัฐบาลพยายามหนีสภาฯ

จี้ กมธ.แก้ รธน.ประชุมออนไลน์

เมื่อถามว่าจากข่าวท่าทีของพรรคพลังประชารัฐเหมือนอยากให้เลื่อนการประชุมสภาฯ นายประเสริฐ กล่าวว่า ตอนนี้มีกฎหมายสำคัญคอยการพิจารณาอยู่หลายฉบับ การเลื่อนประชุมสภาฯต้องมีเหตุผลจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่เช่นนั้นจะทำให้ประชาชนมองว่ารัฐบาลพยายามเตะถ่วงเวลาการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตอนนี้อยู่ในชั้นกรรมาธิการ ถ้าต้องเลื่อนออกไปจริง การประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ต้องไม่หยุดตามไปด้วย เพราะตามข้อบังคับปัจจุบันการพิจารณาของคณะกมธ.ประชุมออนไลน์ได้ กฎหมายที่ประชาชนรออยู่และรัฐบาลก็เป็นคนรับปากจะเร่งเดินหน้า จะปล่อยไว้เฉยๆไม่ได้

บี้ รบ.คลอดมาตรการช่วย ปชช.

น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่ามาตรการจำกัดพื้นที่ขอความร่วมมือปิดสถานประกอบการหลายจังหวัด ป้องกันการระบาดไวรัสโควิด-19 เชื่อว่าปี 2564 คนตกงานจะสูงขึ้นอย่างน่ากลัว จ.เชียงใหม่ประสบปัญหาเศรษฐกิจหนักมาก นักท่องเที่ยวหายไปมากกว่าร้อยละ 90 ช่วงไฮซีซันปีนี้เป็นศูนย์ รัฐจำเป็นต้องเร่งออกมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชนด่วน หากไม่มีมาตรการจะส่งผลร้ายล้มละลายทางเศรษฐกิจและสังคม ถ้าไม่ทำอะไรเลยประชาชนจะได้กระทบหนัก คนตกงาน ฆ่าตัวตายรายวันจะเกิดขึ้น

กมธ.เงินกู้โควิดชงปรับแผนใช้งบฯ

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะโฆษกคณะ กมธ.ติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก. 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขและฟื้นฟูปัญหาโควิด-19 แถลงว่าเตรียมเสนอให้ กมธ.ทบทวนการใช้งบฯที่เหลืออยู่และโครงการทั้งหมด โครงการใดอนุมัติไปแล้วและยังมีงบฯเหลืออยู่จะมาพิจารณาใหม่ ต้องใช้งบฯให้เข้ากับสถานการณ์ หลายโครงการอนุมัติไปแล้วแต่เบิกจ่ายล่าช้า หรือหากไม่จำเป็น ไม่เข้ากับสถานการณ์จะทบทวนใหม่ เพื่อเอาเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือประชาชน กมธ.กำลังพิจารณาการแก้ไข พ.ร.ก.ในส่วนของวัตถุประสงค์เพื่อให้ปล่อยใช้เงินได้ตรงตามความต้องการของประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะเงินกู้ซอฟต์โลน 5 แสนล้าน ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจริงได้เต็มที่และทันท่วงที รวมถึงต้องทบทวน พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้เหมาะสมด้วย

7 แกนนำม็อบ 14 ต.ค. รับทราบ 3 ข้อหา

ที่ สน.สําราญราษฎร์ เวลา 10.00 น. นายทัตเทพ หรือฟอร์ด เรืองประไพกิจเสรี แกนนำกลุ่มราษฎร นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข คอลัมนิสต์ประจำเว็บไซต์ประชาไทนักกิจกรรมแรงงาน น.ส.ชลธิชา หรือลูกเกด แจ้งเร็ว กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย น.ส.จุฑาทิพย์ หรืออั๋ว ศิริขันธ์ แกนนำหลักแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก แกนนำคณะราษฎร 2563 นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน แกนนำแนวร่วมเยาวชนปลดแอก และน.ส.ภัสราวลี หรือมายด์ ธนกิจวิบูลย์ผล แกนนำกลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย เข้าพบ ร.ต.อ.อานนท์ ไทรด้วง รอง สว.(สอบสวน) สน.สําราญราษฎร์ รับทราบข้อกล่าวหาร่วมเป็นผู้จัดการชุมนุมโดยไม่แจ้งต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มชุมนุมไม่น้อยว่า 24 ชั่วโมง กรณีจัดกิจกรรมเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 63 บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นน.ส.ชลธิชา หรือลูกเกด เปิดเผยว่าคดีนี้มีผู้ต้องหาทั้งหมด 10 คน โดย 3 คนแรกประกอบด้วยนายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ และ น.ส.ปนัสยาหรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล มารับทราบข้อกล่าวหาไปก่อนแล้ว แต่ละคนจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามพฤติการณ์ ส่วนใหญ่ข้อหาจะคล้ายคลึงกัน 3 ข้อหาคือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อที่ 9 ห้ามชุมนุมมั่วสุม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ทุกคนได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

“รุ้ง” กับพวกชักแถวเจอมาตรา 112

ที่ สน.พหลโยธิน เมื่อเวลา 13.30 น. นายพงศธรณ์ หรือบอย ตันเจริญ แนวร่วมนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามเพื่อประชาธิปไตย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกคดีมาตรา 112 จากการชุมนุมช่วงท้ายปี 63 โดยนายพงศธรณ์ปราศรัยใน “ม็อบ 25 พฤศจิกาไป SCB” พร้อมนายคุณากร มั่นนทีรัย ทนายความ เบื้องต้นนายพงศธรณ์ปฏิเสธและจะให้การเป็นหนังสือภายใน 30 วัน โดยมองว่าเป็นการติชมด้วยความสุจริต ต่อมาเวลา 14.00 น. น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำคณะราษฎร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกคดีมาตรา 112 จากการชุมนุมปราศรัยที่ห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.63 จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญลงมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พ้นผิดทุกข้อกล่าวหา กรณีอาศัยบ้านพักหลวงภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัภลภรักษาพระองค์ น.ส.ปนัสยา กล่าวว่าเบื้องต้นถูกหมายเรียกคดีมาตรา 112 จากการชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าวเมื่อปลายปี 63 แต่คาดว่ายังมีอีกหลายคดี ในวันที่ 8 ม.ค. ถูกหมายเรียกคดีมาตรา 112 อีก ยังไม่ทราบว่าจากเหตุใด ข้อหานี้ยิ่งใช้ก็ยิ่งเสื่อม ไม่ว่าจะพูดอะไรถูกตีความว่าอาฆาตร้ายต่อสถาบัน