ปชป.บ่นเสียดายฝ่ายค้านปิดประตูใส่ชุดสมานฉันท์ฯ วิปวุฒิส่ง “ครูหยุย-ฉวีรัตน์” ร่วมวง “บิ๊กตู่” ลั่นไม่เคยก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม ทุกคดีอยู่ที่ศาลตัดสิน ก้าวไกลสวดยับยัดคดี 112 คนเห็นต่าง จี้ ผบ.ตร.อย่าสมยอมผู้มีอำนาจ “วรงค์” เล่นหนักให้ ศธ.ฟันครูปล่อยเด็กจาบจ้วง “เสรีฯ” จ่อร้องศาล รธน. ชี้ปมคุณสมบัติ ส.ส.ของ “สิระ” เจ้าตัวขู่กลับให้รอรับหมายศาลได้ ฝ่ายค้านตื๊อต่อบี้สอบนายกฯยึดบ้านพักทหาร พท.ร้าว เด็ก “เจ๊หน่อย” รุมสับ “พิชัย” “เก่ง” ฉะไร้สปิริตแซะอยู่ได้ “ชวลิต” ตอกอย่าสร้างแตกแยกอีก
ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติยืนยันในจุดยืนเดิม ไม่ส่งคนเข้าร่วมเป็นกรรมการสมานฉันท์เพื่อสร้างความปรองดอง โดยมองว่าฝ่ายรัฐบาลไม่มีความจริงใจ ยังคงใช้กฎหมายไล่ล่าคนเห็นต่างนั้น ล่าสุดวิปวุฒิสภามีมติส่งชื่อนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ และนางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร 2 ส.ว. เข้าร่วมเป็นกรรมการสมานฉันท์ฯ

“บิ๊กตู่” ลั่นไม่ก้าวล่วงยุติธรรม
...
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ว่า ขอทุกคนมองประโยชน์ชาติว่าอยู่ตรงไหน จะอยู่กันอย่างไร ต้องช่วยกันสิ่งที่ดีมีเยอะอย่าไปขยายความขัดแย้ง การดำเนินคดีต่างๆ เห็นกันแล้วว่าหลายคดีเป็นการพิจารณาของศาล ไม่ได้ไปสั่ง แม้จะมีร้องทุกข์กล่าวโทษไปก็เป็นเรื่องของศาลพิจารณาจะลงโทษหรือไม่ หลายคนมีคำตัดสินว่าไม่มีความผิด อย่างนี้ไม่เห็นพูดกัน แต่ไอ้คนผิดมันก็ต้องผิด ส่วนจะผิดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับศาล นั่นคือกระบวนศาล กระบวนการยุติธรรม จะไปทำตามใจชอบใครไม่ได้ ไม่ได้ไปก้าวล่วงอำนาจศาลและกระบวนการยุติธรรมเด็ดขาด
ปชป.เสียดายฝ่ายค้านปิดประตู
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติยืนยันไม่เข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์ ว่า เคารพการตัดสินใจของฝ่ายค้าน แต่การสมานฉันท์ต้องเดินต่อไป น่าเสียดายที่ฝ่ายค้านไม่เข้าร่วม หากเข้าร่วมเชื่อว่าความคิดความเห็นจะเป็นประโยชน์ เวทีนี้ไม่ใช่เวทีของรัฐบาล หรือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นเวทีของทุกภาคส่วนหาทางออกให้ประเทศ ขณะนี้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการไปตามขั้นตอน เชื่อว่าเดือน ม.ค.2564 จะเข้าสู่วาระสาม พรรคพร้อมสนับสนุนและผลักดันเต็มที่เพื่อจุดหมายปลายทางคือรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น เดินควบคู่ไปกับคณะกรรมการสมานฉันท์ชุดนี้ ถือว่าเป็นทิศทางที่ดีตามที่ประชาชนคาดหวัง หากทุกฝ่ายคำนึงถึงประโยชน์ประชาชนและประเทศ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด

ส.ว.ส่ง “ครูหยุย-ฉวีรัตน์” ร่วมวง
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวว่า ที่ประชุมวิปวุฒิสภามีมติเห็นชอบรายชื่อผู้แทนวุฒิสภาที่จะเข้าร่วมในคณะกรรมการสมานฉันท์จำนวน 2 คน คือนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ และนางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ตามที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เสนอมา โดยทั้งสองคนตอบตกลงเข้าร่วม จากนี้จะส่งรายชื่อให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา สาเหตุที่เสนอรายชื่อนายวัลลภและนางฉวีรัตน์ เนื่องจากทั้งสองคนทำงานภาคสังคมมายาวนาน มีประสบการณ์ ไม่มีความคิดเอนเอียงทางการเมืองไปทางใดทางหนึ่ง จึงเหมาะสมในการทำงานด้านสมานฉันท์
ผบ.ตร.อย่าสมยอมผู้มีอำนาจ
ช่วงเช้าที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้หารือกรณีตำรวจออกหมายเรียกนักศึกษา ประชาชน นักสิทธิมนุษยชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 (ป.อาญา ม.112) ไม่เว้นแม้แต่เยาวชนอายุ 16 ปี ช่วงเดือนเศษที่ผ่านมามีคนโดนหมายเรียกข้อหามาตรา 112 เกือบ 40 คน เป็นคดีที่มีอัตราโทษรุนแรง เทียบกับฐานเตรียมการก่อกบฏ การฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา มีโอกาสเข้าไปร่วมฟังการสืบสวนหลาย สน. พบว่าพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกโดยขาดน้ำหนัก มีความบกพร่อง ไม่มีองค์ประกอบของคดีที่ครบถ้วนชัดเจน ตีความเกินเลยจากกฎหมายมาก ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์เป็นการแจกคดีเพื่อปิดปากประชาชนที่เห็นต่างจากรัฐบาลและผู้มีอำนาจ สนองนายกฯที่ประกาศใช้กฎหมายทุกมาตรามาจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประเทศไทยหยุดใช้มาตรา 112 กับผู้ชุมนุมที่ประท้วงโดยสันติ และแสดงความกังวลที่นำมาตรา 112 มาใช้กับเยาวชนอายุ 16 ปี ขอเรียกร้อง ผบ.ตร. ทบทวนท่าทีใหม่ ควรทำให้รอบคอบ ชอบธรรม ไม่สมยอมผู้มีอำนาจใช้กฎหมายกำจัดผู้เห็นต่าง จะยิ่งสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนไม่รู้จบ
“วรงค์” จี้ฟันครูปล่อยเด็กจาบจ้วง
ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้ากลุ่มไทยภักดี นำคณะยื่นหนังสือต่อนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เรื่องมาตรการป้องกันการแทรกแซงโรงเรียนและสถานศึกษา เพื่อใช้ครูและนักเรียนเป็นเครื่องมือทางการเมืองทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ นายวรงค์กล่าวว่า ทางกลุ่มเห็นว่า โรงเรียนและสถานศึกษาต้องมีความชัดเจนในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ กระทรวงต้องมีนโยบายชัดเจนแก่ผู้บริหารทุกระดับของโรงเรียน ไม่เปิดโอกาสให้กลุ่มการเมืองใช้โรงเรียนปลุกระดมจาบจ้วงสถาบัน ปรับปรุงหลักสูตรสร้างสำนึกความเป็นชนชาติไทย มีกิจกรรมรณรงค์สร้างจิตสำนึกของครูและนักเรียนและหากเกิดกิจกรรมทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ในโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียนต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่นายณัฏฐพลกล่าวตอบรับข้อเสนอ และจะนำไปหารือกับผู้บริหารกระทรวงหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป

“เสรีฯ” จ่อร้องคุณสมบัติ ส.ส.“สิระ”
ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า เตรียมส่งคำร้องต่อประธาน สภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็น ส.ส. ของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ สิ้นสุดลงหรือไม่ และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย จากกรณีเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ของผู้ถูกร้อง ที่มีผู้มาร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังพบว่านายสิระเคยต้องคำพิพากษาใน 4 คดี นอกจากนี้มีคำพิพากษาอื่นอีกแต่มีการยกฟ้อง และสั่งไม่ฟ้อง ทั้งนี้รัฐธรรมนูญระบุว่าคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. หากเคยได้รับโทษจำคุกต้องพ้นโทษมาเกิน 10 ปีขึ้นไป จึงจะสามารถสมัครเป็น ส.ส.ได้ และหากเคยต้องคำพิพากษาเกี่ยวกับทรัพย์ จะไม่สามารถสมัคร ส.ส.ได้ นายสิระเคยถูกฟ้องและมีคำพิพากษาคดีหนึ่งที่เกี่ยวกับทรัพย์ ดังนั้น พรรคเสรีรวมไทยจะยื่นต่อประธานสภาฯ ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถอดถอนออกจากการเป็น ส.ส. รวมทั้งส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย หากมีความผิดจริงต้องชดใช้ค่าเสียหายจากการเลือกตั้งซ่อม รวมถึงต้องคืนเงินเดือนและผลตอบแทนอื่นที่ได้รับจากการเป็น ส.ส.ทั้งหมดด้วย
“สิระ” ขู่กลับรอรับหมายศาลได้
ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง กรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ยื่นตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ในคดีฉ้อโกงเมื่อ 25 ปีที่แล้วเพียงสั้นๆว่า “ขอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์และผู้ร่วมแถลงข่าวทุกคน รอรับหมายศาลฐานหมิ่นประมาท”
ฝ่ายค้านบี้สอบบ้านพัก “บิ๊กตู่”
วันเดียวกันนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกองทัพบกอนุญาตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม พักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก นายประเสริฐกล่าวว่า เป็นตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นเรื่องให้ กมธ.ทหาร ตรวจสอบประเด็นดังนี้ 1.บ้านพักที่ พล.อ.ประยุทธ์พักอาศัย มีสถานะเป็นบ้านพักสวัสดิการ หรือบ้านพักรับรองกองทัพบก หากมีการเปลี่ยนสถานะจากบ้านพักสวัสดิการเป็นบ้านพักรับรอง มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เมื่อใด 2.ระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายใด และมีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาการพักอาศัยหรือไม่ 3.พล.อ.ประยุทธ์พักอาศัยในบ้านพักรับรองโดยไม่เสียค่าเช่า ค่าไฟ ค่าน้ำ ใช้งบประมาณแผ่นดินนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2557 ที่เกษียณอายุราชการไปแล้วเท่าใด งบดังกล่าวเบิกจ่ายจากรายจ่ายส่วนใดของกองทัพบก 4.กองทัพบกเคยให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯคนอื่น ที่เคยเป็นอดีต ผบ.ทบ.หรือไม่ 5.ที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ทุกคนที่เกษียณอายุแล้วมีใครพักอาศัยอยู่ในบ้านพักรับรองกองทัพบกอีกหรือไม่ 6.กองทัพบกมีหลักเกณฑ์จัดสรรบ้านพักอย่างไร
“เก่ง” ฉะ “พิชัย” ไร้สปิริตแซะ “เจ๊”
ขณะที่นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แชร์บทวิเคราะห์เกี่ยวกับการเลือกตั้งนายก อบจ.เนื้อหากระทบคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ไปยังไลน์กลุ่มต่างๆของพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่มีสปิริต คุณหญิงสุดารัตน์ตอนอยู่ในพรรค ลงพื้นที่ให้พรรคมาตลอด ลุยทุกที่ทั้งที่รู้ว่าถ้าพรรคได้ ส.ส.เขตเยอะ ตัวเองไม่ได้เข้าสภาฯ ออกจากพรรคก็ไม่เคยว่าพรรค ยังเป็นกำลังเสริมให้ผู้สมัคร อบจ.หลายจังหวัด คุณหญิงผิดอะไร ทำงานด้วยกันไม่ได้โดนบีบให้ต้องออกมาทั้งน้ำตา เป็นโลกแห่งความเป็นจริง แต่สิ่งที่เหลืออยู่ให้กันคืออุดมการณ์ ความเป็นมืออาชีพ และสปิริตต่อคนในบ้านหลังเก่า คุณหญิงแสดงออกมาหมดแล้วแต่ไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นในตัวนายพิชัยเลย เป็นถึงรองหัวหน้าพรรคมีหน้าที่บริหารการจัดการเลือกตั้งกลับไปโทษคนที่อุตส่าห์มีใจมาช่วย นายพิชัยรับแต่ความชอบในเขตที่ชนะ ที่แพ้ก็ไปโยนบาปให้คนอื่น ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกัน นอกจากความสะใจส่วนตัวแล้วใครได้อะไร พรรคได้อะไร
“ชวลิต” อุ้ม “เจ๊” อยู่น่าน 3 วันเข้าวิน
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า กรณีการให้ข่าวสรุปว่าจังหวัดที่คุณหญิงสุดารัตน์ ไปช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคสอบตกหมดนั้นมีอคติ ไม่เป็นสุภาพบุรุษไม่ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมด หลายจังหวัดทีมปราศรัยชุดใหญ่ของพรรคไปช่วยในภาคเหนือ ที่ จ.น่าน ทราบว่า คุณหญิงไปช่วยถึง 3 วัน ส่งผลให้สอบได้แต่ไม่กล่าวถึง ดังนั้น การให้ข่าวที่ไม่สร้างสรรค์ทับถมกัน ส่งผลเสียหายไปยัง ส.ส.ในจังหวัดนั้นๆ รวมทั้งลูกหลานครอบครัวที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยไม่ดูข้อมูลให้รอบด้าน ไม่ควรเกิดขึ้นเลย ควรให้กำลังใจกันและกันมากกว่า อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวที่อาจมีอคติมาสร้างความเสียหายต่อส่วนรวมที่ไม่ได้รับรู้ปัญหานั้นด้วย ที่สำคัญปัญหาการสร้างความแตกแยกไม่ควรเกิดขึ้นอีกต่อไป

“บิ๊กป๊อก” อวด 9 ของขวัญ มท.
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผย ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ 2564 ที่กระทรวงมหาดไทยตั้งใจส่งมอบให้ประชาชน 9 ของขวัญ ภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน เพื่อคนไทย Happy เมืองไทย Healthy ปี 2564” ได้แก่ 1.สถานธนานุบาลทั่วไทยลดดอกเบี้ยตลอดปี 2.ส่งสุขภาพดีวิถีใหม่โดย กทม.ส่งเสริมการบริการทางการแพทย์เชิงรุกในโรงพยาบาลสังกัด กทม.11 แห่ง 3.รู้ง่าย เข้าใจไว กฎหมายอาคารโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง 4.SmartLands : App เดียวครบเครื่องเรื่องที่ดิน โดยกรมที่ดิน 5.มท.สร้างสุขโดยกรมการพัฒนาชุมชนช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และครัวเรือนตกเกณฑ์ จปฐ.ปี 2562 6.ของถูกขายฟรีของดีพาส่งออก โดยองค์การตลาดของกระทรวง 7.ติดมิเตอร์ใหม่ ลดราคาการประปาจัดให้ โดยการประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค ลดค่าติดตั้งประปาร้อยละ 10 ให้ผู้ใช้น้ำรายใหม่ประเภทที่อยู่อาศัย 8.งานไฟในบ้าน หารคนละครึ่งกับไฟฟ้านครหลวง และ 9.ติดมิเตอร์ทันใจกับไฟฟ้าภูมิภาค ด้วยการพัฒนาการบริการแบบ One Touch Service ขอใช้ไฟฟ้าในรายใหม่ จุดเดียว ครั้งเดียว ทุกพื้นที่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้ประชาชนมีความสุข ลดภาระค่าใช้จ่าย พร้อมดูแลรักษาสุขภาพตามหลักชีวิตวิถีใหม่ไปพร้อมกัน
สั่ง “ไพบูลย์” แจงเหตุซบ พปชร.
ช่วงเย็นวันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญมีการประชุม ปรึกษาคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องของ 60 ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 หรือไม่ จากกรณีนายไพบูลย์สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หลังจากที่พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) ทั้งที่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปอยู่ จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ และมิได้เป็นผู้มีชื่อในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ ที่ยื่นต่อ กกต.ก่อนปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และให้นายไพบูลย์ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน แต่ยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยที่จะมีคำสั่งให้นายไพบูลย์หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จึงมีคำสั่งไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง
ไม่รับคำร้อง “วรงค์” ปมแก้ รธน.
วันเดียวกัน สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กรณี ส.ส.ทั้งพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภา และที่ประชุมรัฐสภาลงมติขั้นรับหลักการในวาระ 1 วันที่ 18 พ.ย. ศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลว่า ข้อเท็จจริงตามเอกสารท้ายคำร้องปรากฏว่า ส.ส.ใช้สิทธิในฐานะ ส.ส.แต่ละคน เข้าชื่อยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ไม่ใช่พรรค การเมืองเป็นผู้ยื่น อันไม่ใช่บุคคลที่กระทำตามคำร้อง นพ.วรงค์จึงไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวได้