รมว.กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ชื่นชมและพร้อมสนับสนุนวีคซีนที่ผลิตโดยคนไทย แง้มข่าวสำคัญ จะเป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ที่ผลิตยานอวกาศและส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้ คาดใช้เวลาไม่เกิน 7 ปี

วันที่ 14 ธ.ค. 2563 ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” โดยเปิดรับบริจาคทุนวิจัย 500 บาท จากคนไทย 1 ล้านคน รวม 500 ล้านบาท เพื่อเร่งผลิตวัคซีนโควิด-19 จากใบพืชเพื่อทดสอบในมนุษย์ได้ทันภายในเดือน มิ.ย. 2564 พร้อมเปิดตัว “ทีมไทยแลนด์” ร่วมลงนามความร่วมมือวิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนป้องกันโรคจากไวรัสโควิด-19 ระหว่างองค์การเภสัชกรรม กับ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด และบริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด ซึ่งทางจุฬาฯ ได้ขานรับนโยบายของ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ด้วยการตั้ง บริษัท ซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ จำกัด ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพจุฬาฯ จากการบ่มเพาะของศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือ CU Innovation Hub และมีผลงานนวัตกรรมเชิงประจักษ์ ช่วยชาติ ช่วยคนไทยออกมามากมายในช่วงที่ผ่านมา

...

โดยเฉพาะนวัตกรรมจากงานวิจัยของ บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดยนักวิจัยจากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ที่วันนี้สามารถพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากใบพืชได้สำเร็จแล้วในระดับห้องปฏิบัติการ โดยใบพืชดังกล่าวมาจากยาสูบ และพร้อมก้าวไปอีกขั้นเพื่อผลิตวัคซีนนี้ได้เองภายในประเทศตั้งแต่ต้นน้ำในโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” เพื่อดูแลพี่น้องคนไทยและประเทศไทยให้กลับมาหยัดยืนได้อย่างแข็งแรงอีกครั้ง ซึ่งความสำเร็จของการค้นคว้า วิจัย พัฒนา และผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยสร้างความหวังให้กับคนไทยทั้งชาติสามารถก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปได้ในเร็ววัน ยังเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับการพัฒนาองค์ความรู้เรื่องการพัฒนายาและวัคซีนให้กับประเทศไทย ต่อยอดเพื่อสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับคนไทย และจะสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศไทยได้

ด้าน รัฐมนตรีว่ากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า สำหรับตนไม่ได้ตื่นเต้นกับการมีวัคซีนเพื่อคนไทย แต่กลับตื่นเต้นที่เรากำลังจะมีวัคซีนที่ผลิตโดยคนไทยมากกว่า ขอชื่นชมและพร้อมสนับสนุนเต็มที่กับโครงการนี้ เพราะถ้าพูดถึงอุตสาหกรรมผลิตยาหรือวัคซีนที่ทำโดยคนไทยถือว่าประเทศเรายังขาด การนำเข้าอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ เพราะเวลาวิกฤติต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้ เราจึงต้องพึ่งตนเองให้ได้ เพื่อความอยู่รอดอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีความยินดีที่จะบอกว่า วันนี้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยกำลังพุ่งทะยานไปข้างหน้า นอกจากเรื่องการผลิตวัคซีนที่เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญแล้ว เรายังมีบริษัทคนไทยที่สามารถผลิตได้แม้กระทั่งยุทโธปกรณ์อย่างรถถังและเรืออีกด้วย

“ที่สำคัญ เร็วๆ นี้ไทยจะเป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ที่จะสามารถผลิตยานอวกาศและส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้ โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 7 ปี และอาจมีการขอความร่วมมือและสนับสนุนจากประชาชนในการระดมทุน เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะเปลี่ยนวิธีคิดของคนไทย ว่าไทยไม่ใช่ประเทศที่ด้อยพัฒนาอีกแล้ว เราเป็นประเทศที่มีอนาคต มีโอกาส และมีความหวัง”