เด็ก พปชร.ซัด “เลขาฯก้าวไกล” อย่า แกล้งโง่ โต้รัฐบาลไม่มีนโยบายงัด ม.112 ปราบม็อบ ซัดพวกเหิมเกริมจาบจ้วงสถาบันฯจนคนไทยทนไม่ได้แจ้งจับ “เพจเชียร์ลุง” รับเป็นหัวหอกแจ้งความ 2 เยาวชนล้อเลียนสถาบันฯที่ม็อบสีลม “แอดมินเจน” เผยแจ้งเอาผิดแล้ว 3 ม็อบ ทั้งหน้าเอสซีบี-ราบ 11-ห้าแยก ลาดพร้าว อีกกว่า 10 ราย ฟันหมดผู้จัดชุมนุมและผู้ปราศรัย จ่อเชือดดะพวกคอมเมนต์ว่าร้ายสถาบันฯตามเพจ พท.เตือนใช้ ก.ม.แรงหลักฐานต้องชัด “ภราดร” ฉะฝ่ายมั่นคงเก่งแต่กับม็อบ แต่ละเลยโควิด-19 หลุดทะลัก “ไพบูลย์” เย้ยฝ่ายค้านโม้เชือด “บิ๊กตู่-รมต.” แค่หวังแซะเปลี่ยนขั้วแต่ไร้ผล ฟุ้งพรรคร่วมฯแกร่งไม่มีใครแตกคอ “ชินวรณ์” หยันมีดีแต่คำขู่ ของจริงไม่เห็นมีอะไร เพื่อชาติแย้มลาก รมต.ขึ้นเขียงเกิน 3 คน “สุทิน” ล็อกเป้าขยี้แผลทุจริตบิ๊กโปรเจกต์ “วิษณุ-ดอน” ส่อโดนด้วย

จากกรณีที่ฝ่ายค้านออกมาตำหนิรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ดำเนินคดีกับม็อบราษฎร ที่มีทั้งเด็กและเยาวชน โดยฝ่ายรัฐบาลยืนยันไม่ได้มีนโยบายใช้มาตราดังกล่าวเอาผิดใคร แต่เพราะผู้ชุมนุมมีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ จนประชาชนจำนวนมากรับไม่ได้ จึงไปแจ้งความดำเนินคดี

...

เด็ก พปชร.อัดเลขาฯก้าวไกลแกล้งโง่

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุเป็นกังวลรัฐใช้มาตรา 112 รับมือนักศึกษา โดยเฉพาะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับเด็กอายุ 16 ปี และไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพราะแสดงความเห็นว่า พยายามจะเข้าใจว่านายชัยธวัชแกล้งโง่ เพราะรัฐบาลไม่ได้มีนโยบายใช้มาตรา 112 เอาผิดใคร แต่ใครทำผิดต้องรับโทษ ไม่ใช่อยู่เฉยๆแล้วโดนมาตรา 112 ที่สำคัญหากมีการแจ้งความแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินคดี ตำรวจจะโดนมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กลุ่มราษฎรโดนมาตรา 112 เพราะเหิมเกริมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ประชาชนจำนวนมากรับไม่ได้ จึงไปแจ้งความดำเนินคดี ส่วนที่นายชัยธวัชระบุไม่ควรมีใครต้องติดคุกเพราะแสดงความเห็น แกล้งตีมึนหรืออย่างไร ถ้าเป็นการแสดงความเห็นปกติไม่มีใครต้องติดคุก แต่ที่ติดคุกเพราะแสดงความเห็นละเมิดสิทธิเสรีภาพคนอื่น เป็นการหมิ่นประมาทจาบจ้วงสถาบันฯ

โวยขนาดมี ม.112 ม็อบยังไม่กลัว

นายธนกรกล่าวอีกว่า อยากถามนายชัยธวัชว่า ถ้ามีใครมาแสดงความเห็นดูหมิ่น ดูถูกดูแคลนนายชัยธวัชรับได้หรือไม่ คงต้องปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยการไปแจ้งความดำเนินคดีในทางกลับกันหากไม่มีมาตรา 112 สถาบันพระมหากษัตริย์คงถูกย่ำยีมากกว่านี้ เพราะขนาดมีมาตรา 112 แกนนำกลุ่มราษฎรยังไม่เกรงกลัว พูดจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์จนพี่น้องคนไทยทั่วประเทศต้องออกมาแสดงพลังปกป้อง วันนี้บ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว อย่าหวนไปสู่ความขัดแย้งอีกเลย

แอดมินเจนรับแจ้ง ม.112 ฟันผู้ชุมนุม

น.ส.วริษนันท์ ศรีบวรธนกิตติ์ หรือแอดมินเจน หนึ่งในแอดมินเพจเชียร์ลุง ที่มีจุดยืนปกป้องสถาบัน เปิดเผยถึง กรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ว่าเยาวชน 2 คน คือ น.ส.จตุพร แซ่อึง และนายนภสิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 16 ปี ถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหามาตรา 112 ที่อายุน้อยที่สุด ว่าคดีนี้กลุ่มได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ยานนาวา กล่าวโทษผู้กระทำความผิดมาตรา 112 รวม 17 คน มีเยาวชนอายุ 16 ปี 1 คน ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ก่อนหน้าเข้าแจ้งความได้สอบถามความเห็นสมาชิกในเพจ มีผู้เห็นด้วยมากกว่า 2 หมื่นรายชื่อเหตุการชุมนุมของกลุ่มราษฎร ที่ถนนสีลม เมื่อวันที่ 29 ต.ค.จากคลิปหลักฐานที่เพจรวบรวมมาได้ พบว่า ผู้กระทำความผิดไม่ได้เจตนาจะแต่งชุดไทยคอสเพลย์ตามที่กล่าวอ้าง แต่จงใจล้อเลียนสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี มีการตะโกนคำว่า ทรงพระเจริญ ไม่ใช่การกลั่นแกล้งแต่จำเป็นต้องทำ

คนรักสถาบันอัดอั้นมานานแล้ว

“คนรักสถาบันอัดอั้นมานาน ก่อนหน้านี้พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตาไม่อยากให้ใช้กฎหมายมาตรานี้ แต่แทนที่จะคิดได้คนหมิ่นสถาบันฯกลับมีมากขึ้น มีการแสดงออกที่หยาบคายขึ้น ที่น่าตกใจกว่าคือเด็กและเยาวชนที่กระทำความผิดมาตรา 112 อายุน้อยลงเรื่อยๆ กฎหมายนี้เดิมมีอยู่แล้วเราแค่นำมาใช้ป้องปราม ภาคประชาชนหลายส่วนจับมือกัน อาทิ เพจเชียร์ลุง ศูนย์ช่วยเหลือทางกฎหมายผู้ที่ถูกละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. และกลุ่มหลวงปู่พุทธะอิสระ ล่าสุดพบว่าหลังประชาสัมพันธ์ออกไปได้มีประชาชนที่อาสาร่วมดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดมาตรา 112 ทั่วประเทศจำนวนมาก” น.ส.วริษนันท์กล่าว

ในสิ้นปีหมายเรียกไปถึงอีกกว่า 10 คน

น.ส.วริษนันท์กล่าวอีกว่า นอกจากกรณีการชุมนุมเดินแบบล้อเลียนสถาบันฯ ถนนสีลม ได้ดำเนินคดีมาตรา 112 กับกลุ่มราษฎร กรณีชุมนุมหน้าธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ ที่ห้าแยกลาดพร้าว คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ตำรวจน่าจะมีหมายเรียกผู้กระทำความผิดอีกกว่า 10 คน ไม่รวมถึงผู้แสดงข้อความอันเป็นเท็จผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือ สื่อสังคมออนไลน์ ต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน แม้ทางกลุ่มจาบจ้วงสถาบันฯจะรณรงค์ให้ยกเลิกมาตรา 112 แต่กลุ่มเราจะรณรงค์สนับสนุนมาตรา 112 ไปพร้อมกัน

เล็งขยายแจ้งจับคนเมนต์ว่าร้ายในเพจ

ด้านนายมหัศจักร โสดี ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ ศชอ.กล่าวว่า กลุ่มได้ประสานขั้นตอนในการดำเนินคดีมาตรา 112 ให้ผู้ต้องการเป็นโจทก์ ประชาชนพบเห็นการกระทำความผิดมาตรา 112 มากมาย คาดว่าจะมีการแจ้งความผู้กระทำความผิดเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ ส่วนใหญ่ปรากฏชัดในการชุมนุมปราศรัย ทั้งในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด พยานหลักฐานหาได้ง่าย อีกกรณีกลุ่มที่กระทำผ่านสื่อสังคมออนไลน์จะยากกว่า ต้องรวบรวมหลักฐานจากโซเชียลฯ ขณะนี้ มีการแจ้งข้อกล่าวหาใน จ.พิษณุโลก ยะลา เชียงใหม่ ที่ กทม.คือหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ หน้าราบ 11 และห้าแยกลาดพร้าว จะพิเศษกว่ากรณีอื่นเพราะแจ้งความเอาผิดทั้งผู้จัด ถือเป็นผู้ร่วมสนับสนุนและผู้ร่วมปราศรัย ในอนาคตจะขยายการดำเนินคดีมาตรา 112 ไปถึงคนที่เข้าไปด่าว่าร้าย สถาบันฯในเพจของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ รวมถึงสื่อสารมวลชนที่ถ่ายทอดข้อความอันเป็นเท็จ

“วรงค์” ชูหักคอเวียดกงสู้บางกอกโมเดล

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.และหัวหน้ากลุ่มไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “ยุทธการหักคอเวียดกง” หลังนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ หัวหน้าการ์ดกลุ่ม Wevo จะใช้ยุทธวิธีเวียดกง โมเดลในการชุมนุมในพื้นที่ กทม.หลังปีใหม่ ใจความว่านับวันยิ่งชัดเจน การเรียกร้องยกเลิกมาตรา 112 เป็นเงื่อนไขสำคัญเพื่อยั่วยุให้เกิดความรุนแรง จะใช้นิวมีเดียสร้างกระแส จะขยายผลซ้ำๆผ่านเครือข่ายจนคนคล้อยตาม เมื่อสุกงอมพอจึงโหมไฟสงครามปฏิวัติยุทธศาสตร์เวียดกง จะใช้สงครามจิตวิทยา โฆษณาชวนเชื่อปลุกระดมมวลชนให้เข้าร่วม ส่วนกองกำลังจะใช้กองโจรก่อการร้ายก่อความไม่สงบ จนศัตรูอ่อนกำลัง จึงขยายเป็นสงครามปฏิวัติเต็มรูปแบบ เป้าหมายคือล้มเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาปนาระบอบประธานาธิบดีขึ้นมาทดแทน แต่
เวียดกงโมเดลจะล้มเหลว เพราะคนไทยยังจงรักภักดี ศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รังเกียจนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลัง ฝ่ายประชาชนที่เบื่อหน่าย ม็อบคิดแผนการหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ใช้ชื่อว่า # ยุทธการหักคอเวียดกง ตีโต้ ตีแผ่ในเชิงข้อเท็จจริง โปรดติดตามและให้ความร่วมมือ #ยุทธการหักคอเวียดกง เพื่อให้ #บางกอกร่มเย็น #ต่อต้านระบอบสาธารณรัฐ

“ศรี” ร้องถอดศิลปินแห่งชาติหนุนม็อบ

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ ทำหนังสือด่วนพร้อมพยานหลักฐาน ถึง รมว.วัฒนธรรมขอให้สั่งการไปยังคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติให้ยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ที่กล่าวสนับสนุนข้อเรียกร้อง 3 ข้อของกลุ่มนักศึกษา ทำให้ถูกวิพากษ์ วิจารณ์อย่างมากถึงความเหมาะสม ไม่เชื่อว่าจะมาจากคนที่ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่สร้างสรรค์ผลงานศิลป์อันทรงคุณค่า และได้รับค่าตอบแทนหลายหมื่นบาทต่อเดือนจากภาษีประชาชนจนกว่าจะสิ้นชีวิต คนที่อายุมากขนาดนี้ยังไม่รู้จักบุญคุณสถาบัน แสดงออกถึงการสนับสนุนกลุ่มคนจาบจ้วงสถาบันอย่างไม่ละอาย ทำให้เสื่อมเสียต่อสถานะศิลปินแห่งชาติ ต้องห้ามตามกฎกระทรวง กำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์วิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2563 ขอให้คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติโดยมติคะแนนเสียงอย่างน้อยสองในสามของเท่าที่มีอยู่ยกเลิกการยกย่องเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติที่มีความประพฤติเสื่อมเสีย

“ไพบูลย์” เย้ย พท.รักษาสิทธิยื่นซักฟอก

ส่วนกรณีพรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหลังปีใหม่ 2564 วันเดียวกัน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า เข้าใจว่าจะยื่นในช่วงปลายเดือน ก.พ. ปลายสมัยประชุมสภา เพื่อรักษาสิทธิ แต่ประเด็นที่จะอภิปรายไม่น่ามี พรรคร่วมรัฐบาลยังแข็งแรงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อภิปรายได้แต่เชื่อว่าไม่มีเสียงพอ เพราะต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งที่เห็นด้วยว่าไม่ไว้วางใจ

หวังแซะเปลี่ยนขั้วแต่ไม่มีใครแตกคอ

“นับเฉพาะเสียงที่เห็นด้วยคือประมาณ 240 กว่าเสียง ฝ่ายค้านมี 224 กว่าเสียง ฝ่ายค้านเองก็ไม่เห็นด้วยกันร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงเวลามาบ้างไม่มาบ้าง ไม่มีเสียงพอ จึงไม่พ้นจากตำแหน่ง ประเด็นคงเป็นเรื่องเก่า อย่างนายกฯเอาเรื่องบ้านหลวงมาฉายซ้ำอีก แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาจะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว เพียงแค่อาศัยหวังเพื่อเปลี่ยนขั้ว ต้องอาศัยให้พรรคร่วมแตกคอกัน แต่เท่าที่ดูพรรคร่วมรัฐบาลยังอยู่ร่วมกันดี ไม่เห็นพรรคไหนมีปัญหา ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย” นายไพบูลย์กล่าว

รบ.แกร่งไร้สัญญาณอยู่ไม่ครบเทอม

นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีโหรออกมาระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว. กลาโหม จะอยู่ถึง 2 สมัย นายกฯตามรัฐธรรมนูญปี 60 คืออยู่ได้ไม่เกิน 8 ปี การเมืองต้องดูสถานการณ์ สมัยแรกก็ไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอกว่าจะอยู่ไม่ครบสมัย ส่วนสมัยต่อไปต้องดูการเลือกตั้งด้วย สมัยแรกไม่มีสัญญาณอะไรที่จะอยู่ไม่ครบหรืออาจยุบสภาก่อนหมดวาระ 1 เดือน เพื่อให้ ส.ส.มีเวลามากขึ้นเตรียมตัวที่จะไปสังกัดพรรคต่างๆเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยน จะบอกว่าไม่มียุบสภาเลยคงไม่ใช่ หากยุบสภาก่อนครบวาระสัก 1 เดือน ส่วนที่บอกว่าปีหน้าอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า แต่ในฐานะนักวิเคราะห์ยุทธศาสตร์เวลานี้รัฐบาลแข็งแกร่ง มีแต่ฝ่ายตรงข้ามที่อ่อนแอลง พรรคเพื่อไทยก็แตก พรรคก้าวไกลไม่ได้มีกำลังอะไร การชุมนุมไม่มีความ ชอบธรรม อ่อนแรงลงแน่นอน

อวยแก้ ศก.เจ๋ง คุมโควิดยอด ไม่มีโกง

นายไพบูลย์กล่าวว่า ขณะที่รัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ทำได้ดี เช่น โครงการคนละครึ่งก็ได้ผล การคุมโควิด-19 ก็สุดยอด มีความมั่นคง ไม่มีเรื่อง ทุจริต แข็งแกร่งที่สุดแล้วสำหรับสมัยแรก สมัยที่สองถ้าจะไปต่อรอประเมินเมื่อถึงตอนนั้น แต่ถ้าสมัยแรกแข็งแกร่งเป็นสัญญาณดีที่จะไปต่อสมัยที่ 2 ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์จับตาได้ แต่ไม่มีผลกระทบ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เป็นเรื่องสภาฯว่ากันไป นายกฯบริหารบ้านเมืองดูแลความสงบ ฝ่ายผู้ชุมนุมก็ขาดสิ่งสำคัญคือขาดผู้มาชุมนุม แกนนำเหมือนจัดคอนเสิร์ตสมัยแรกๆน่าสนใจ ตอนนี้จัดคอนเสิร์ตไม่น่าสนใจ ไม่มีคนมาดูมันก็จัดไม่ได้ ทุกอย่างสงบอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว ม็อบก็ไป ไม่ได้ เมื่อไปไม่ได้ต้องหยุดหรือลดระดับลงอยู่แล้ว จะไปเพิ่มหรือขยายให้เกิดเหตุ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ต้องหมอดูก็พูดได้ พูดในเชิงวิเคราะห์ได้

“ชินวรณ์” ให้กำลังใจฝ่ายค้านขย่ม รบ.

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เมื่อเปิดสมัยประชุมฝ่ายค้านมีสิทธิขอเปิดอภิปรายไว้ไม่วางใจได้ เป็นสิทธิของฝ่ายค้านตามหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลอยู่แล้ว แต่เป็นห่วงฝ่ายค้านที่บอกว่าการอภิปรายครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม อาจช็อกได้นั้น ขอเป็นกำลังใจให้ทำหน้าที่ตรวจสอบ เพราะถ้าการตรวจสอบเข้มแข็ง ทำให้ระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็ง ตามไปด้วย แต่การตรวจสอบต้องอยู่บนพื้นฐานตามข้อมูลที่มีเหตุผลให้ ส.ส.รับฟังและเห็นด้วย แม้เสียงข้างมากชนะแน่นอน แต่รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้ อยู่ที่ความน่าเชื่อถือในข้อมูลของฝ่ายค้าน

หยันมีดีแต่คำขู่ ไม่เห็นของจริงมีอะไร

นายชินวรณ์กล่าวอีกว่า ในส่วนรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ไม่น่าเป็นห่วง เพราะฟังดูแล้วฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปที่นายกฯโดยเฉพาะ แต่เชื่อมั่นว่านายกฯและพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาทำงานอย่างโปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต เมื่อถามว่า คิดว่าฝ่ายค้านจะมีข้อมูลถึงขั้นทำนายกฯช็อกได้หรือไม่ นายชินวรณ์ตอบว่า ไม่ทราบว่าฝ่ายค้านมีข้อมูลอะไร แต่ที่ผ่านมาไม่เห็นมีข้อมูลอะไรที่เป็นไปตามคำขู่ของฝ่ายค้าน เป็นกำลังใจให้ฝ่ายค้านทำงานเต็มที่

“แรมโบ้” กล้าพูด “รบ.ตู่” ไม่เคยมีทุจริต

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วย รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุประธาน ป.ป.ช.ยอมรับสถานการณ์คอร์รัปชันไทยเข้าขั้นวิกฤติว่า เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเห็นแล้วตั้งแต่นายกฯเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ไม่เคยมีทุจริต และกำหนดการปราบปรามการทุจริตเป็นนโยบายเร่งด่วน ปราบปรามต่อเนื่อง ไม่เคยละเว้น การที่อ้างประชาชนตั้งคำถามว่าสมัย คสช.มีมาตรา 44 นายกฯมีอำนาจเต็มปราบโกง แต่เอาเข้าจริงตัวเองโกงมากกว่า หากเห็นว่านายกฯหรือรัฐบาลโกงขอให้มีหลักฐานมา นายกฯย้ำเสมอหากมีหลักฐานให้นำมาเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่างจากรัฐบาลที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ไม่เคยคิดจะปราบปรามทุจริตเลย มีแต่จะทำเพื่อตัวเองและพวกพ้องช่วยกันทุจริตเอง โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว สร้างความเสียหายหลายแสนล้านบาท ทำไมไม่เอามาพูดบ้าง ลองย้อนกลับไปดูนายกฯสมัยพรรคไทยรักไทยและพรรคเพื่อไทย ถูกตรวจสอบออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ครอบครัววงศ์ตระกูลและพวกพ้อง กี่คดีดำเนินคดีทุจริตฉ้อโกง จนรัฐมนตรีหลายคนติดคุก ความจำเสื่อมหรือเปล่า ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว ยิ่งพูดยิ่งทำให้นายใหญ่เดือดร้อน ยิ่งทำให้คนไทยลืมคดีโคตรโกงข้าวจากชาวนาไม่มีวันลืมลง แค่นี้พรรคก็ตกต่ำจะแย่แล้ว แกนนำพรรคทยอยลาออกเลือดไหลไม่หยุด

เพื่อชาติแย้ม รมต.ขึ้นเขียงมีมากกว่า 3

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านยังไม่ได้หารือในรายละเอียดจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อใด คาดว่าจะยื่นหลังเสร็จสิ้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญช่วงเดือน ม.ค.2564 สัปดาห์หน้าฝ่ายค้านจะให้ความสำคัญกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน และในสัปดาห์ถัดไปค่อยนัดหารือเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อถามว่าจะเลือกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนไหนบ้าง นายสงครามตอบว่า น้ำหนักและเป้าหมายหลักการอภิปรายจะอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เพราะปัญหาทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นที่เล็งไว้คือนายวิษณุ เครืองาม รอง นายกรัฐมนตรี ที่ดูแลเรื่องกฎหมายให้รัฐบาล และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม อาจจะมีมากกว่า 3 คน ต้องรอหารือเรื่องรายละเอียดอีกครั้งว่าจะมีใครบ้างที่มีความเกี่ยวโยงกัน

“สุทิน” ระบุเป้าถล่มทุจริตบิ๊กโปรเจกต์

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึง ข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ถึงกับช็อกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตโครงการขนาดใหญ่ ไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะทราบหรือไม่ เกี่ยวข้องกับคนใน ครม.และคนใกล้ชิด พูดแล้วคงไม่เชื่อว่านายกฯจะไม่รู้ด้วย รวมถึงการวางแผนดำเนินการกลุ่มผู้ชุมนุม หากเปิดเผยข้อมูลออกมาจะเป็นเรื่องร้ายแรงที่คนในประเทศและต่างประเทศไม่สามารถยอมรับได้ เนื่องจากไร้มนุษยธรรมและยังมีเรื่องที่เป็นการปูพื้นฐานให้เกิดความขัดแย้งลงลึก กลายเป็นวิกฤติใหญ่ได้ในวันข้างหน้า 6-7 ปีที่ผ่านมา นายกฯบอกจะเข้ามาแก้ปัญหา แต่กลับทำให้ขัดแย้งลงลึกมากขึ้น เป็นความขัดแย้งเชิงโครงสร้างเกี่ยวกับสถาบันที่ยากจะหาทางออก ปฏิเสธไม่ได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นต้นเหตุ หากทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจะเป็นเรื่องใหญ่ และยังมีอีกหลายประเด็น ไม่ว่าปัญหาเศรษฐกิจที่ฝ่ายค้านจะนำมาอภิปรายในสภาฯ

เป็นไปได้พ่วงซักฟอก “วิษณุ–ดอน”

นายสุทินกล่าวอีกว่า ส่วนที่หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ระบุอาจมีชื่อนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯและนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ถูกซักฟอกด้วยมีความเป็นไปได้ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติพูดมีมูล แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน มีชื่อรัฐมนตรีหลายคนกำลังพิจารณาเลือกจะอภิปรายหรือไม่ แต่การอภิปรายนายกฯคนเดียวก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง อยู่ที่คณะวิเคราะห์ข้อมูลจะพิจารณาข้อมูลที่มีกันอีกที ส่วนตัวคนอภิปรายยังไม่ได้มีการวางตัวคนอภิปราย แต่มีเจ้าของประเด็นอยู่แล้ว แต่ละคนจะจัดการข้อมูลที่มีต่อยอดให้แหลมคมขึ้น เพื่อใช้ในการอภิปราย

หารือจับ “บิ๊กตู่” ขึ้นเวทีเชือด

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแนวทางการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังไม่มีการคุยในรายละเอียดว่าจะอภิปรายในแนวทางใด เบื้องต้นทราบว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และคณะทำงานยังดำเนินการกันอยู่ แต่ราย ละเอียดยังไม่ทราบ แต่ในการประชุมพรรคเพื่อไทยวันที่ 15 ธ.ค. คาดว่าจะมีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวนี้ ดังนั้นวิธีการต่างๆ ขอให้รอก่อน เท่าที่ทราบบุคคลที่จะถูกอภิปราย จะมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รวมถึงรัฐมนตรีบางคนด้วย ส่วนตัวยังไม่ได้จองกฐินใครไว้เป็นพิเศษ เนื่องจากต้องรอมติจากพรรคก่อนว่าจะให้พูดอะไร และพูดถึงใคร เพราะพรรคเป็นผู้ดำเนินการรวมถึงมีทีมงานหาข้อมูลจำนวนมากให้ หากทางพรรคมอบหมายอย่างไร ต้องทำหน้าที่ตามนั้น

เตือน ตร.ใช้ ก.ม.หนักหลักฐานต้องชัด

นายสมคิดกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจทยอยดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมกว่า 200 คดีว่า ดูแล้วเป็นจำนวนมากเกินไป จะออกหมายเรียกหมาย จับดำเนินคดีใดๆควรถี่ถ้วนรอบคอบ มีพยานหลักฐานแน่นหนาจริงๆ ไม่ใช่เหมารวมคดีเล็กคดีน้อยทุกคดี ควรหลีกเลี่ยงการเอากฎหมายมาใช้ทางการเมือง รัฐบาลต้องระวังให้ดี การใช้อำนาจข่มขู่ผู้ชุมนุมทุกเรื่อง ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล หลายคดีที่ออกหมายเรียก หมายจับ พอถึงศาลพิจารณาให้ปล่อยตัว โดยเฉพาะการดำเนินคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ต้องระมัดระวังให้ดีอย่านำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเล่นงานฝ่ายผู้ชุมนุม ควรใช้เฉพาะกรณีที่มีหลักฐานกระทำผิดชัดเจนเท่านั้น

ฉะฝ่ายมั่นคงเก่งกับม็อบทีโควิดทะลัก

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะ กรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สถานการณ์ระบาดโควิดได้หวนกลับมา เกิดจากบุคคลที่ลักลอบผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดนนำเชื้อเข้ามาแพร่ในประเทศ ทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่าเป็นเพราะความหย่อนยานของหน่วยงานความมั่นคงหรือไม่ เมื่อเทียบกับการสกัดกั้นการชุมนุมของม็อบราษฎรที่ดูเข้มข้น ใช้งบประมาณสิ้นเปลืองไปกับอุปกรณ์เครื่องกีดขวาง ใช้กำลังเจ้าหน้าที่มากมาย แต่มิอาจสยบการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร ที่ยังคงใช้ยุทธศาสตร์ทำให้ประชาชนตาสว่าง กล้าเปิดปากพูดความจริง ชี้ให้เห็นถึงผลพวงความเลวร้ายที่เกิดจากการยึดอำนาจ

ขู่เกมนอกสภาเปลี่ยนผู้นำหลังปีใหม่

“ประจักษ์ชัดแม้กระทั่งประธาน ป.ป.ช. ยังยอมรับว่ามีการทุจริตเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างสูงขึ้นทุกปีในห้วงของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ คอยดูต้นปีใหม่จะเจอกลยุทธ์กัดไม่ปล่อย ถอยไม่เป็นของม็อบราษฎร แฉข้อมูลความเลวร้ายของผู้นำสืบทอดอำนาจแบบไม่รู้จบ ไปบรรจบกับข้อมูลเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางนายกฯของพรรคการเมืองร่วมฝ่ายค้านในสมัยประชุมสภาฯนี้ รับรองว่านายกฯจะภูมิคุ้มกันบกพร่องไปเลย แถมจะลากองคาพยพตามรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจพังพาบไปด้วยกัน ต้นปีใหม่ปรากฏการณ์สู่การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจะปรากฏให้เราได้เห็นกัน” พล.ท.ภราดรกล่าว

ส.ส.รัฐบาล–ส.ว.ล็อกโหวตขวางแก้ รธน.

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว.จะล็อกโหวตให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญยากขึ้นว่า เป็นความคาดหมายที่ฝ่ายรัฐบาลต้องการล็อกให้แก้ไขยาก โดยเฉพาะเสียงเห็นชอบในวาระรับหลักการ ตามร่างรัฐบาลที่ต้องใช้เสียง 3 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ ล่าสุดทราบว่าจะเสนอให้ใช้เสียง 2 ใน 3 จะยิ่งทำให้การใช้เสียงในวาระรับหลักการทำได้ยากกว่าเดิม ขณะที่การลงมติ วาระ 3 เสนอให้ใช้เสียง 3 ใน 5 และจาก กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ 45 คน แบ่งเป็น ส.ว.15 คน ส.ส.รัฐบาล 17 คน ส.ส. ฝ่ายค้าน 13 คน โดยในจำนวน ส.ว.15 คน มี 10 คน ที่ลงมติไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 คือไม่อยากแก้รัฐธรรมนูญตั้งแต่แรก และ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยอำนาจรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่สามารถทำได้หรือไม่ สะท้อนว่าไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง ส.ว. ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผลพวงของการรัฐประหาร เป็นขบวนการของ คสช.ที่ไม่ยอมปล่อยอำนาจ

ฝ่ายค้านกังวลเสียงข้างน้อยสู้ลำบาก

เมื่อถามว่า มีข้อกังวลอะไรบ้างในช่วงการแปรญัตติ เพราะเสียงฝ่ายค้านมีน้อยกว่าฝ่ายรัฐบาลมาก นายธีรัจชัยตอบว่า มีข้อกังวล 3 จุด คือ 1.ฝ่ายรัฐบาลต้องการกำหนดให้แก้ไขรัฐธรรมนูญยาก เพราะรัฐธรรมนูญฉบับที่จะแก้ไขนี้จะอยู่ไม่นานคือประมาณ 1 ปี หากตั้ง ส.ส.ร.จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมีกลไกอีกแบบหนึ่ง หากกำหนดการแก้ไขยากจะเป็นเครื่องมือการต่อรองของฝ่ายรัฐบาล 2.ที่มา ส.ส.ร. หากใช้รูปแบบที่มาของฝ่ายรัฐบาลคือมาจากการเลือกตั้ง 150 คน และการสรรหา 50 คน อาจจะเกี่ยวโยงกับรัฐบาล 3.การยื่นให้ศาล รัฐธรรมนูญตีความ เพื่อไม่ให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ทั้งนี้ฝ่ายค้านจะสู้เต็มที่เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ประชาธิปไตย ความสำคัญคือ ความชอบธรรมที่มีอยู่ตามประชาธิปไตย ในการต่อสู้ด้วยเหตุผล ชี้ให้เห็นจุดยืนว่าถึงแม้ ส.ว.จะมาจากการแต่งตั้งของคสช. แต่ในรัฐธรรมนูญระบุว่า เป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทย ถ้า ส.ว.ไปสนองตอบอำนาจรัฐประหาร คงเป็นผู้แทนแค่ในนาม จึงต้องกระตุ้นจิตสำนึกให้ ส.ว.มายืนข้างประชาชนให้ได้ ถ้าไม่ได้ต้องวัดใจกันว่า อีกฝ่ายจะเลือกยืนข้างไหน ต้องการเปลี่ยนผ่านประเทศ หรือต้องการแช่แข็งประเทศอยู่ในอำนาจเผด็จการแบบนี้

โพลชี้ ปชต.แบบของไทยดีอยู่แล้ว

วันเดียวกัน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล สำรวจภาคสนาม เรื่อง “ลัทธิเบื้องหลัง ม็อบ 3 นิ้ว” กรณี ศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,200 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 7-12 ธ.ค. พบว่าร้อยละ 96.8 รู้สึกแย่กับข่าวแกนนำม็อบมีแนวคิดจะแบ่งแยกประเทศไทยเป็นสาธารณรัฐ ร้อยละ 96.2 รู้สึกแย่กับข่าวแกนนำม็อบจะนำระบอบคอมมิวนิสต์มาปกครองประเทศไทย และร้อยละ 96.2 รู้สึกแย่กับข่าวแกนนำม็อบเคยพักหรู กินอาหารฝรั่ง จิบไวน์ กินหรู แต่ม็อบกินข้าวข้างถนน บนถนน ทั้งนี้ ร้อยละ 97.2 ระบุประเทศคอมมิวนิสต์ เวลานี้ยังเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกัน ร้อยละ 98.5 เห็นด้วยว่าคนไทยทุกคนต้อง “กตัญญู” ต่อพระมหากษัตริย์ทุกรัชกาลเพราะมีแผ่นดินให้พักอาศัยอยู่ ได้รับโอกาสให้ทำมาหากิน จึงควรสำนึกรู้คุณแผ่นดินและองค์พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ และร้อยละ 1.5 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 98.7 เห็นด้วยว่าประชาธิปไตยของไทยแบบทุกวันนี้ดีอยู่แล้ว ร้อยละ 1.3 ไม่เห็นด้วย อย่างไร ก็ตาม บทสรุปของประชาชนที่พบคือร้อยละ 98.6 สรุปว่า ฉันรักประเทศไทย รักสถาบันหลักของชาติ มีเพียงร้อยละ 1.4 ระบุไม่ใช่

ม็อบจะนะยื่น 2 ข้อยุติโครงการ

ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วย รัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี พร้อมนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รองเลขาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และรองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าพูดคุยเจรจากับกลุ่มชาวบ้าน อ.จะนะ จ.สงขลา ที่ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ ทำเนียบรัฐบาล เป็นวันที่ 4 เพื่อเรียกร้องให้ยุติโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ โดยนายสมบูรณ์ คำแหง แกนนำกลุ่มยังยืนปักหลังไม่ย้ายที่ชุมนุมและยื่นข้อเสนอ 2 ข้อ คือ 1.ขอให้ยุติหรือยกเลิกโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ 2.หากมีการดำเนินการโครงการดังกล่าวขอให้เริ่มต้นกระบวนการใหม่ทั้งหมดโดยเฉพาะการศึกษาผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) รวมทั้งกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของคนในพื้นที่ทั้งผู้ที่สนับสนุนและผู้เห็นต่าง โดยนายสุภรณ์รับข้อเสนอของกลุ่มพร้อมกล่าวว่าข้อเรียกร้องที่ 2 รับได้เพราะยังเปิดช่องให้มีการศึกษาใหม่ ส่วนข้อเรียกร้องที่ 1 ให้ยุติโครงการต้องผ่านหลายขั้นตอน จะรับไว้แจ้งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯให้รับทราบและพิจารณาในวันที่ 14 ธ.ค.

“คึก” จี้เร่งสำรวจฟื้นฟูน้ำท่วมเมืองคอน

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงพื้นที่พบปะชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมใน จ.นครศรีธรรมราชช่วงวันหยุดว่า ระดับน้ำในพื้นที่หลายอำเภอลดลงเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แม้แต่อำเภอในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังด้วยการระบายน้ำของกรมชลประทาน ผ่านโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จากประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ นับว่าเป็นโครงการพระราชดำริ ที่แก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด หลังจากนี้เป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานราชการต้องสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุทกภัยครั้งนี้ เพื่อหาแนวทางเยียวยา ชดเชยความเสียหายของพืชผลทางการเกษตร และจัดงบฯฟื้นฟูความเสียหายด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด รวมทั้งช่วยเหลือพักชำระหนี้ของเกษตรกรต่อสถาบันการเงินของรัฐ