“ก้าวไกล” โวยรัฐใช้ ม.112 ดำเนินคดีเด็กอายุ 16 ปี “ชัยธวัช” ซัดไม่ควรมีใครต้องติดคุกเพราะแสดงความเห็น “พิจารณ์” ขู่ลับดาบล็อกเป้า ซักฟอก “บิ๊กตู่กับ รมต.” “เพื่อไทย” ถล่มงัดกฎหมายแรงมาเล่นงาน ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อสถาบัน “ภราดร-ภูมิธรรม” หยันตกยุคปลุกผีขุด พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ “อนุสรณ์” อัด ป.ป.ช.รู้ว่ามีโกงยุค คสช.ต้องฟันไม่ใช่บ่น บี้สอบงบฯกว่า 2 แสนล้านบาทไหลเข้ากระเป๋าใคร “วันชัย” สวมบทโหรทำนายการเมืองร้าวหนักต้นปี 64 ดาวดีและดาวร้ายฟัดกันแหลก แต่ 1 เม.ย. เริ่มต้นปรองดองอย่างไม่คาดฝัน “เทพไท” เตือนรัฐบาลรีบตัดไฟแต่ต้นลมดับเชื้อสงครามกลางเมืองก่อนลุกลามเบื้องสูง บช.น.ทยอยดำเนินคดีม็อบกว่า 200 คดี เผยโดน ม.112 แล้ว 41 ราย “ทักษิณ” โอดบังคับคนไม่ให้ออกจาก พท.ไม่ได้ ปลุกสมาชิกพรรคยังเป็นที่พึ่งของประชาชนได้

ข้อเสนอให้มีการยกเลิกการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของกลุ่มม็อบราษฎร ยังเป็นกระแสร้อนแรงตอบโต้กันไปมาทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้าน โดยพรรคฝ่ายค้านยังคงออกมาตำหนิรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐที่นำมาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเฉพาะใช้ดำเนินคดีกับเด็กอายุ 16 ปี ยิ่งส่งผลกระทบต่อสถาบันเบื้องสูง

...

กก.โวยรัฐงัด ม.112 ดำเนินคดีเด็ก16ปี

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์การดำเนินคดี ตามมาตรา 112 ว่า มีความน่าเป็นห่วงเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐอย่างปฏิเสธไม่ได้ ก่อนหน้านี้รัฐมีนโยบายจะไม่ใช้มาตรา 112 จึงเห็นได้ชัดว่าคดีข้อหานี้หายไป แต่ตอนนี้กลับมีการดำเนินคดีขึ้นมาอีกอย่างกว้างขวาง ไม่เว้นแม้แต่กับนักเรียนอายุ 16 ปี รัฐควรใช้กุศโลบายที่ดีกว่านี้ในการรับมือกับการเคลื่อนไหวของนักเรียนและนักศึกษา ที่ออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ อย่างไรก็ตามนโยบายการใช้มาตรา 112 แบบนี้ไม่ได้ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนดีขึ้นแต่อย่างใด

แสดงความเห็นไม่ควรมีใครติดคุก

นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า ในวันอังคารที่ 15 ธ.ค.ที่ประชุม ส.ส.พรรคก้าวไกลจะนำวาระปัญหาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการแสดงออก ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.การชุมนุมฯ กฎหมายที่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาทบุคคล หมิ่นศาล รวมทั้งมาตรา 112 เข้าสู่การพิจารณาเพื่อกำหนดจุดยืนร่วมกันในที่ประชุมด้วย ในสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ เสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิทธิพลเมืองขั้นพื้นฐาน ดังนั้นจึงไม่ควรมีใครต้องถูกจำคุกเพราะการแสดงความคิดเห็น หลักการนี้ไม่ใช่ใช้เฉพาะสำหรับกรณีประมุขของรัฐ แต่ควรเป็นหลักการทั่วไปความผิดฐานหมิ่นประมาทบุคคลไม่ควรมีโทษอาญา ควรมีแต่โทษทางแพ่ง

ลับดาบล็อกเป้าซักฟอก “บิ๊กตู่-รมต.”

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ก่อนหน้านี้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้เคยหารือเรื่องนี้ไว้แล้วว่าจะยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจภายในสมัยประชุมนี้ ช่วงหลังเสร็จสิ้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คาดว่าญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำมาพิจารณาในรัฐสภาประมาณช่วงเดือน ม.ค.2564 เพื่อให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ช่วงกลางเดือน ก.พ.2564 ขณะนี้พรรคก้าวไกล กำลังเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ จะเลือกอภิปรายทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รวมถึงรัฐมนตรีคนอื่นๆ ด้วย

“ภราดร” ซัดใช้ ก.ม.แรงไม่ดีต่อสถาบัน

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มราษฎรเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ที่มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเรียกร้องของกลุ่มราษฎรเหมือนเป็นการนิรโทษกรรมให้ตัวเองที่ถูกดำเนินคดี ถือเป็นการคิดที่เกินเลยขอบเขตไป หลักที่เขาเรียกร้องต้องการให้ยึดแบบอย่างสากล ไม่ใช่เรียกร้องเพื่อปกป้องตัวเอง และมีข้อสังเกตว่ากฎหมายมาตรา 112 ในรัฐบาลประชาธิปไตยไม่มีการบังคับใช้ แต่มักจะมีการนำมาบังคับใช้แต่ในยุครัฐบาลเผด็จการ อาจจะมองได้ว่าเป็นการนำมาใช้เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสถาบัน อยากให้รัฐบาลตระหนักคิดถึงหลักการสังคมประชาธิปไตยทั่วโลก ที่ประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต่างก็มีกฎหมายที่มีลักษณะดูแลปกป้องสถาบันไม่ว่าจะเป็นประเทศอังกฤษหรือญี่ปุ่น ทุกประเทศกฎหมายของเขามีความลงตัวระหว่างผู้ปกครองกับประชาชน จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ฉะนั้นประเทศไทยควรนำตัวอย่างดังกล่าวมาปรับปรุงกฎหมายให้มีความลงตัว เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลด้วยเช่นกัน เพราะไทยเมื่ออยู่ในประชาคมโลกน่าจะมีวิวัฒนาการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักสากล

หยันตกยุคปัดฝุ่น พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์

เมื่อถามถึงข้อเสนอให้ปัดฝุ่น พ.ร.บ.ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์มาใช้ พล.ท.ภราดร กล่าวว่า คนที่เสนอข้อเสนอดังกล่าวถือเป็นคนที่ตกยุค และเป็นข้อเสนอที่ตกยุคไปแล้ว เนื่องจากภัยคอมมิวนิสต์ในปัจจุบันไม่มีอยู่แล้ว การเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ เชื่อว่ากฎหมายด้านความมั่นคงที่เรามีอยู่เพียงพอและสามารถรับมือการเคลื่อนไหวต่างๆได้ในทุกมิติ

จวกปลุกผีหลอนมีแต่จะแตกแยก

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเสนอให้ปัดฝุ่น พ.ร.บ.ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์มาใช้ว่า วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว เรื่องคอมมิวนิสต์เกือบเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยินการกล่าวถึงในสังคมโลกนี้แล้ว เวลานี้เป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกันต่อสู้ประเด็นเศรษฐกิจและสิทธิมนุษยชน ประเทศไทยได้ผ่านเรื่องคอมมิวนิสต์มานานแล้ว รัฐบาลเองวันนี้มีความสัมพันธ์กับประเทศสังคมนิยมหลายประเทศทั้งจีน รัสเซีย ความเข้าใจของโลกที่มีความแตกต่างทางความคิดทางการเมือง หรือการจัดสรรทรัพยากรไม่ใช่ประเด็นปัญหาที่ขัดแย้งรุนแรงเหมือนในยุคสงครามเย็นแล้ว คนที่เสนอเรื่องนี้ถือว่าหลงโลกตกยุคไม่เข้าใจความเป็นจริงของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปภายในโลกใหม่ ไม่ว่าจะคิดเหมือนหรือต่างกันสามารถจัดสรรผลประโยชน์โดยรวมร่วมกันได้ ฉะนั้น คนที่ปลุกผีคอมมิวนิสต์คือคนไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลง และกำลังหยิบเอาผีที่ไม่มีตัวตนมาทำให้คนแตกแยกทำลายล้างกัน เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

อัด ป.ป.ช.รู้มีทุจริตต้องฟันไม่ใช่แค่บ่น

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยอมรับสถานการณ์คอร์รัปชันไทยเข้าขั้นวิกฤติ เปิดตัวเลขรับเรื่องทุจริตปี 2562 มี 10,382 เรื่อง คิดเป็นเงินงบประมาณกว่า 238,209 ล้านบาทว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ใช้ข้ออ้างรัฐประหารยึดอำนาจจะเข้ามาปราบโกง แต่อยู่มากว่า 6 ปี ประธาน ป.ป.ช.ที่ตั้งมากับมือ ออกมาสารภาพว่าสถานการณ์คอร์รัปชันไทยเข้าขั้นวิกฤติ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ป.ป.ช.เหมือนหลับไปนานแล้วเพิ่งตื่นหรืออย่างไร ถึงไม่รู้หน้าที่ขององค์กรตัวเอง ต้องตรวจสอบทุจริตอย่างไร การสารภาพชัดขนาดนี้ไม่ใช่เพียงเงินกว่า 2 แสนล้านบาทรั่วไหล แต่อาจหมายถึงความเป็นมืออาชีพรั่วไหล ที่สำคัญเมื่อรู้แล้วต้องดำเนินการตรวจสอบแก้ไข ไม่ใช่แค่บ่น

บี้สอบ 2 แสนล้านเข้ากระเป๋าใคร

“เงินงบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท รั่วไหลไปเข้ากระเป๋าใคร ป.ป.ช.ตามไม่ได้หรือ สมัย คสช.มีอำนาจเต็ม มีมาตรา 44 อยู่ในมือ แต่ตรวจสอบทุจริตอะไรพวกพ้องตัวเองไม่ได้ ประชาชนตั้งคำถามที่อ้างว่ามาปราบคนอื่นโกง แต่เอาเข้าจริงตัวเองโกงมากกว่า และโกงแบบห้ามตรวจสอบหรือไม่ ประชาชนจับตา ป.ป.ช.สามารถตรวจสอบทุจริตฝ่ายรัฐบาลและเครือข่ายใกล้ชิดได้หรือไม่ หรือมีหน้าที่ตรวจสอบแต่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองเพียงฝ่ายเดียว” นายอนุสรณ์กล่าว

“วรงค์” ยุหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.และหัวหน้ากลุ่มไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “#save112” ใจความว่า เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเทคนิคของคนพวกนี้คือการพยายามทำซ้ำ ในทุกรูปแบบเพื่อให้คนคล้อยตาม โดยไม่สนใจความถูกผิด แต่ขอให้ได้ตามต้องการ แม้แต่หมูถ้าเขาอยากบอกว่าหมา ทุกคนก็จะย้ำว่าหมา หมา หมา ผ่านเทคนิคทำซ้ำๆๆ จนคนคล้อยตาม เช่นเดียวกัน วันนี้เขาเปิดหน้า ต้องการล้มล้างสถาบันเบื้องสูง เพื่อสถาปนาระบอบสาธารณรัฐ อุปสรรคสิ่งหนึ่งคือมาตรา 112 เขาต้องระดมหาเหตุผลมาอ้างว่ามาตรา 112 สร้างปัญหา ทั้งที่กฎหมายลักษณะนี้มีใช้กันปกติทั่วโลก เมื่อเรารู้ทัน สิ่งสำคัญคือ พวกเรา ต้องช่วยกันยืนยันถึงความจำเป็นต้องมีมาตรา 112 ช่วยกัน #save112 ช่วยกันให้กำลังใจดาราที่ถูกทัวร์ลง โดยเฉพาะคุณอนุชิต สพันธุ์พงษ์ ช่วยกันๆๆๆๆ โดยใช้หลักการง่ายๆ #หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง #save โอ อนุชิต #save112

“วันชัย” ทายการเมืองร้าวหนักต้นปี 64

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้หนึ่งที่ศึกษาตำราโหราศาสตร์ ขอพูดเรื่องหลักโหราศาสตร์กับการเมืองในเวลานี้ว่า ดาวมฤตยูยังทับดวงเมืองและดาวราหูอยู่ในราศีพฤษภ ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ทับกันในราศีมังกร เป็นเรือนกัมมะของดวงเมือง แต่วันที่ 29 มี.ค.64 ดาวพฤหัสบดีจะเดินหน้าแยกจากดาวเสาร์มุ่งเข้าสู่ราศีกุมภ์เป็นลาภะแก่ดวงเมือง หมายความว่าประเทศในขณะนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งแรงและเร็วอยู่ตลอดเวลา ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง บางครั้งเปลี่ยนแปลงชนิดที่คาดไม่ถึง ใครไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดจะถูกดาวมฤตยูบดขยี้ ราหูจะซ้ำเติม นอกจากนี้ สิ่งที่กำลังดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค.64 ด้วยอิทธิพลของดวงดาวเหล่านั้นจะมีความขัดแย้งเรื่องการเมืองการปกครอง รัฐธรรมนูญและกฎหมายสำคัญๆ เป็นสถานการณ์แห่งความขัดแย้งในช่วงดังกล่าว ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ทั้งเบาและหนัก เป็นสถานการณ์ที่มากับมฤตยูคาดไม่ถึง จะสู้กันทั้งดาวดีและดาวร้าย ระหว่างพฤหัสบดีกับดาวเสาร์ ทั้งเดินหน้าและถอยหลัง บางครั้งคาดว่าจะชนะแต่ไม่ชนะ คาดว่าแพ้แต่ไม่แพ้ จะสู้กันอยู่ตลอดเวลาของดาวสองดวงนี้

1 เม.ย.64 เริ่มปรองดองไม่คาดฝัน

นายวันชัยกล่าวอีกว่า ความปั่นป่วนวุ่นวายยังมีอยู่ อิทธิพลของดวงดาวที่ว่ามานั้นก่อให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศอย่างมากมายในหลายด้าน รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บเสมือนผีซ้ำด้ำพลอย แต่เมื่อดาวพฤหัสบดีแยกจากดาวเสาร์ก็นำมาซึ่งความโชคดีแก่ประเทศ มากับมฤตยูชนิดคาดไม่ถึง นับแต่ 1 เม.ย.64 เริ่มศักราชใหม่เป็นต้นไป ความปรองดองสมานฉันท์จะเกิดขึ้นชนิดที่ไม่คาดฝัน เป็นอิทธิพลของดวงดาวและผู้มีอำนาจในประเทศเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมจะเกิดเปลี่ยนแปลงใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องการเมืองเปลี่ยนแปลงแบบที่คิดไม่ถึงจริงๆ โหราจารย์ท่านว่าบ้านเมืองของเรานับแต่นั้น ทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองจะเข้าสู่ยุคใหม่ ไม่ใช่แบบเดิมใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อหรือจะว่าอย่างไร เป็นความเชื่อส่วนบุคคลแต่ก็น่าคิด

“คึก” ชี้ปมขัดแย้งยิ่งทวีความรุนแรง

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความขัดแย้งทางการเมืองไทยว่า หลัง คสช.ยึดอำนาจ ร่างรัฐธรรมนูญจัดการเลือกตั้ง คืนอำนาจให้กับประชาชน ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ คสช.ยกร่างขึ้นมาเอง จนเป็นที่มาของการสืบอำนาจ และเป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้งในสังคมไทยที่ร้าวลึกและลุกลามกว้างขวาง มีการดึงเอาสถาบันเบื้องสูงเข้ามาเกี่ยวข้องทางการเมืองด้วย ต่างกับความขัดแย้งในอดีต ที่เป็นความขัดแย้งทางการเมืองของกลุ่มการเมือง 2 กลุ่มเท่านั้น แต่ปัจจุบันเป็นความขัดแย้งที่พยายามจะดึงสถาบันเบื้องสูงเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้ง มีการเคลื่อนไหวยื่นข้อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีการเคลื่อนไหวให้ยกเลิกการใช้มาตรา 112 เป็นข้อขัดแย้งที่ก้าวข้ามรัฐบาลในการเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว

สะกิดตัดไฟก่อนสงครามกลางเมืองปะทุ

“ขอให้รัฐบาลรีบตัดไฟแต่ต้นลม ตัดตอนความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามไปถึงสถาบันเบื้องสูง และต้องไม่ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแอบอ้างดึงสถาบันเบื้องสูง มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของฝ่ายตัวเอง และห้ามไม่ให้มีการจาบจ้วง ก้าวล่วงถึงสถาบันเบื้องสูงอีกด้วย ถ้าหากรัฐบาลไม่รีบตัดตอนหรือแก้ไขปัญหาความขัดแย้งจำกัดให้เป็นแค่คู่ขัดแย้งกับรัฐบาล จะทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน อาจจะพัฒนาไปสู่การเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นได้ แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ” นายเทพไทกล่าว

บช.น.ทยอยดำเนินคดีม็อบกว่า 200 คดี

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรว่า ตำรวจมีคณะทำงานพิจารณาความผิดต่างๆ ถอดเทปคำปราศรัยส่วนใดมีความผิดชัดเจนก็ร้องทุกข์กล่าวโทษ และทยอยออกหมายเรียกให้ผู้กระทำผิดมารับทราบข้อกล่าวหา ขณะนี้มีคดีเกี่ยวกับการชุมนุมในความรับผิดชอบของ บช.น.กว่า 200 คดี เป็นความผิดข้อหาต่างๆตามพฤติการณ์ เช่น มาตรา 215 วรรค 1 มาตรา 215 วรรค 2 มาตรา 116 มาตรา 112 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ร.บ.จราจรทางบก และอื่นๆ จำนวนผู้กระทำผิดไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะพฤติกรรมของผู้กระทำผิดทำผิดอย่างไรต้องได้รับผลอย่างนั้น อย่างที่เคยเตือนแต่แรก อย่าคิดว่าจะไม่โดนดำเนินคดี เพราะความผิดต่างๆ มีพยานหลักฐานปรากฏชัดเจนจนดิ้นไม่หลุด การกระทำใดเข้าองค์ประกอบความผิดมาตราใดจะแจ้งข้อหาตามความผิดมาตรานั้น

เผยมีม็อบโดนคดี ม.112 แล้ว 41 คน

รอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่นำตู้คอนเทนเนอร์และลวดหนามหีบเพลงไปตั้งวางที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐใกล้ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. อยู่ระหว่างการพิจารณาการข่าวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่อาจส่งผลกระทบต่อทำเนียบรัฐบาล ถ้าสถานการณ์คลี่คลายลง เจ้าหน้าที่จะเคลื่อนย้าย ตู้คอนเทนเนอร์ หลังจากการวางตู้คอนเทนเนอร์ไม่ได้กระทบต่อการใช้รถของประชาชน เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ อยู่ในช่วงวันหยุดปิดทำการ ประชาชนใช้ถนนบริเวณใกล้เคียงได้โดยหลีกเลี่ยงบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น มีรายงานว่า ผู้ที่ถูกดำเนินคดีข้อหามาตรา 112 จากการชุมนุมในพื้นที่กรุงเทพฯ ขณะนี้มีจำนวน 41 คน มีทั้งแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ผู้กระทำผิดเป็นแกนนำที่ขึ้นปราศรัยเวทีต่างๆและผู้ชุมนุมรายอื่นๆที่ร่วมปราศรัยมีเนื้อหาที่เข้าข่ายกระทำความผิด

“วีโว” เปลี่ยนวิธีรบ “บางกอกโมเดล”

เมื่อเวลา 12.15 น. นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 อดีตพรรค อนาคตใหม่ หัวหน้ากลุ่มวีโว เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก “โตโต้ ปิยรัฐ-Piyarat Chongthep” ว่า ขณะนี้กลุ่มวีโวกำลังเตรียมการเคลื่อนไหวใหม่ ที่เรียกว่า “บางกอกโมเดล” ซึ่งเป็นรูปแบบเสมือน “เวียดกงโมเดล” ที่ชนะสงครามเวียดนาม ขอให้ติดตามตอนต่อไป โดยนายปิยรัฐระบุว่า การเคลื่อนไหว “เวียดกงโมเดล” ต่างจากฮ่องกงโมเดล คือความคล่องแคล่ว ว่องไว ซ่องสุ่ม รอคอย และล่าถอยเมื่อภัยมา ตรอกซอกซอยในกรุงเทพมหานครคือ ชัยภูมิที่ดีและเหมาะที่สุดในการลำเลียง เสมือนเส้นสายช่องทางใต้ดินของถ้ำเวียดกงที่ใช้ต่อกรกับมหาอำนาจอเมริกา การเคลื่อนไหวรูปแบบนี้รัฐไทยรับมือไม่ทัน และหัวหมุนกันมากทีเดียว เพราะไม่รู้จะโผล่รูไหน ออกรูไหน หนีรูไหน พอล้อมเรา เราก็ทะลุตรอกซอกซอยไปล้อมคืน และเลี่ยงการปะทะ คนมือเปล่า ทำได้มากสุดก็เท่านี้ การประท้วงรูปแบบนี้ WEVO เรียกว่าบางกอกโมเดล โปรดติดตามตอนต่อไป

“ศรีฯ” จี้ รบ.ต้องฟังเสียงคนจะนะ

นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏว่ามีพี่น้องประชาชนชาวจะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา และเครือข่ายเดินทางมาปักหลักชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล และถูกให้ย้ายไปอยู่ริมฟุตปาทถนนพระราม 5 เลียบคลองเปรมประชากรรอคำตอบจากรัฐบาลขอให้ยกเลิกโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ โครงการนี้เป็นความผิดพลาดร้ายแรง ครม.ในปี 2562 พยายามจะผลักดันนิคมอุตสาหกรรมจะนะให้เกิดขึ้นในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อสร้างท่าเรือน้ำลึกและอุตสาห-กรรมหนัก-เบา รวมทั้งเปลี่ยนพื้นที่ตามผังเมืองจากเดิมเป็นสีเขียวเป็นสีม่วง รัฐบาลกำหนดให้ ศอ.บต. เป็นกลไกหลักผลักดันโครงการผิดฝาผิดตัว ทำให้กลไกทางกฎหมายผิดเพี้ยนไปเสียสิ้น เพราะเป็นกิจการของเอกชนมิใช่ของรัฐ ต้องใช้เนื้อที่กว่า 16,700 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล คือ ต.สะกอม ต.ตลิ่งชัน และ ต.นาทับ เป็นโครงการนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ คาดว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชาชนในพื้นที่หลายมิติ การผลักดันโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะส่อไปในทางขัดต่อกฎหมายหลายประการ เร่งรีบผลักดันอย่างน่าเกลียดโดยไม่ฟังเสียงประชาชนในพื้นที่และประชาชนเจ้าของทรัพยากร

ฉะรัฐทำลายทรัพยากรข่มเหง ปชช.

“การปรากฏตัวของตัวแทนประชาชนชาว อ.จะนะ ที่ข้างทำเนียบฯเพื่อหยุดยั้งนิคมอุตสาหกรรมจะนะก้าวหน้าแห่งอนาคต คือความกล้าหาญในการ ทวงคืนสิทธิชุมชน ทวงคืนความเป็นธรรมของพวกเขาและชุมชน รัฐบาลที่อ้างว่าเข้าใจและฟังเสียงประชาชนมาตลอด ต้องเงี่ยหูรับฟังเจตจำนงของชาวจะนะเหล่านั้นด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และต้องมีคำตอบที่งดงามให้พี่น้องชาวจะนะในการหวนกลับคืนบ้านเกิดในวันข้างหน้า หาใช่ใช้วิธีการอันไม่เหมาะสมยุติการชุมนุมโดยสงบของพี่น้องชาวจะนะดังกล่าว รัฐบาลที่ดีต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ เป็นโครงการที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรง เป็นโครงการที่จะละเมิดทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากรัฐบาลจะอ้างการพัฒนาต้องตั้งอยู่บนความถูกต้องชอบธรรม เคารพวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่” นายศรีสุวรรณกล่าว

“ทักษิณ” บ่นห้ามคนออกจาก พท.ไม่ได้

ส่วนปัญหาความขัดแย้งแตกแยกภายในพรรคเพื่อไทย วันเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า ช่วงนี้ได้ข่าวมีหลายคนที่เดินออกจากพรรคเพื่อไทยโจมตีบ้านเดิมของตัวเอง ตนในฐานะคนที่รักพรรคนี้ซึ่งเป็นพรรคที่ได้วางรากฐานมาตั้งแต่ครั้งเป็นไทยรักไทยจากอุดมการณ์อันแน่วแน่ที่ต้องการเห็นประเทศ พัฒนาไปข้างหน้าภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่แข็งแรง เราจึงได้รวบรวมคนที่มีแนวคิดและอุดมการณ์เดียวกัน กับเราจนมาเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่ผ่านมา เพื่อรักษาอุดมการณ์นั้น ตนได้ต่อสู้และสูญเสียอะไรไปมาก ทั้งการไม่ได้อยู่ในแผ่นดินเกิด ไม่ได้อยู่กับครอบครัว และคนที่ตนรัก ทำเต็มที่มาตลอดเพื่อเดินบนเส้นทางแห่งอุดมการณ์ที่ตนได้ให้สัญญาไว้กับพี่น้องประชาชน และคนที่ฝากความหวังไว้ ดังนั้น ไม่เสียใจที่วันนี้จะมีคนเดินจากไปเพื่อไปมีเส้นทางใหม่ เพราะคงไปบังคับหัวใจใครให้อยู่กับพรรคตลอดไปไม่ได้ จึงขอขอบคุณคนที่ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย พรรคที่ตนเคยวางรากฐานไว้ เชื่อว่าอุดมการณ์ที่มั่นคงของพรรคจะนำพาพรรคไปสู่ความสำเร็จได้อย่างที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในอดีต และจะยังสามารถเป็นที่พึ่งที่หวังให้ประชาชนได้อย่างที่เคยเป็นมา

“สุทิน” รีบแจงผู้นำจิตวิญญาณห่วงใย

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายทักษิณทวีต ข้อความมาคงไม่ใช่ออกมาสกัดการลาออกของคนพรรคเพื่อไทย แต่ให้ข้อคิดห่วงใยในฐานะคนเคยก่อตั้งพรรคมาฝากมายังคนที่ยังอยู่ในพรรค เป็นการแสดงจุดยืนคงจะไม่มีปัญหาอะไร ไม่ทราบจะมีคนออกหรือไม่ อาจทำให้ทุกคนได้หยุดคิด คนเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยจะได้เชื่อมั่นอบอุ่นใจ ทุกพรรคในช่วงสภาวะที่สมาชิกอาจสับสน ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคหากได้พูดหรือการแสดงท่าทีให้ขวัญกำลังใจ แก่สมาชิกพรรคจะเป็นประโยชน์ เป็นบทบาทของผู้นำทางจิตวิญญาณ ไม่ใช่ผู้นำทางการบริหาร เพียงแต่ให้ข้อคิดเท่านั้น ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการบริหาร ถ้าจะเข้าข่ายร้องเรียนต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือครอบงำการบริหาร เป็นบทบาทของผู้นำทางจิตวิญญาณ ไม่ใช่ผู้นำทางการบริหาร

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายทักษิณไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคและไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับพรรคเพื่อไทย คงไม่สามารถนำไปเป็นข้อร้องเรียนได้ และจะเห็นว่านายทักษิณได้แสดงทัศนะความห่วงใยด้านอื่นๆ ที่มีต่อประเทศชาติบ้านเมืองอยู่เรื่อยๆ วันนี้ที่มีการแสดงความเห็นเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย การยื่นหนังสือลาออกของสมาชิกพรรคบางคนเราเข้าใจว่าเรื่องอุดมการณ์ ความคิดเห็นต่างๆอาจแตกต่างหลากหลายได้ ประกอบกับการออกแบบรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็น ส่วนหนึ่งทำให้มุมมองของนักการเมืองต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยมีความหลากหลายขึ้น สิ่งที่จะทำให้สมาชิกพรรคตัดสินใจอยู่กับพรรคเพื่อไทย น่าจะเป็นความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวพรรคและอุดมการณ์พรรค
ที่จะก้าวไปข้างหน้า

“ก่อแก้ว” ติง “ตู่” ไม่ควรโจมตีบ้านเก่า

นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช.กล่าวถึง กรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ลงพื้นที่ช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ หาเสียงนายก อบจ. พาดพิงขัดแย้งถึงนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและมวลชนในพื้นที่ว่า เข้าใจเหตุผลที่นายจตุพรไปหาเสียงช่วยนายบุญเลิศ เพราะผูกพันกัน แต่ไม่ควรโจมตีพรรคเพื่อไทยตนและนายจตุพรต่างเป็นอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ผูกพันกับพรรค และครอบครัวชินวัตรมายาวนาน ควรหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ เน้นนโยบายพัฒนา จ.เชียงใหม่ให้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่มวลชนตั้งคำถามการไปช่วยนายบุญเลิศ นายจตุพรควรชี้แจงด้วยเหตุผลเชื่อว่าอธิบายได้ ไม่ควรไปตอบโต้ฟาดงวงฟาดงากับมวลชน โดยเฉพาะขู่ว่าจะฟ้องยิ่งไม่ควร การเป็นประธาน นปช.ต้องทำให้มวลชนและสังคมยอมรับ ทุกอย่างที่มวลชนสงสัยต้องอธิบายชี้แจงให้เข้าใจได้หมด จ.เชียงใหม่ถือเป็นบ้านเกิดครอบครัวชินวัตร เมื่อเลือกสนับสนุนใครเชื่อว่าเพราะมั่นใจว่าจะทำงานด้วยกันได้และจะทำตามนโยบายที่แนะนำไว้จึงต้องเคารพ พรรคเพื่อไทยก็ต้องเคารพนายบุญเลิศ พรรคเพื่อไทยเคารพการตัดสินใจของนายบุญเลิศ และแข่งขันหาเสียงกันไปให้ชาวเชียงใหม่ตัดสินใจ

เตือนนั่ง ปธ.นปช.นึกถึงคนอื่นด้วย

“การเปิดศึกทะเลาะกับคุณแดง น้องสาวนายกฯทักษิณ เป็นภรรยานายกฯสมชาย และเป็นพี่สาวนายกฯยิ่งลักษณ์ ล้วนแต่บุคคลที่พวกเราให้ความเคารพอย่างยิ่งและทำงานร่วมกันมายาวนาน จะไม่เป็นผลดีต่อการทำงานของ นปช. ตราบที่นายจตุพรยังนั่งในตำแหน่งประธาน นปช. ต้องนึกถึงผลกระทบที่ตามมาด้วย ในฐานะมิตรจึงขอร้องนายจตุพรและพรรคเพื่อไทย ยุติการตอบโต้กันไปมา ให้จบกันเพียงเท่านี้ที่ออกหมัดกันไปแล้วให้เจ๊ากันไป ต่อจากนี้ไปไม่ว่าเวทีไหน หาเสียงกันแบบฉันท์มิตรและสร้างสรรค์เพื่อประชาชนในจังหวัดนั้นๆ” นายก่อแก้วกล่าว