“เพนกวิน-รุ้ง-ครูใหญ่” เข้ามอบตัว ม.112 เดินหน้าปลุกแนวร่วมปีนี้ปักธง ปีหน้าดุเดือดเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ “สิระ” รอเก้อโดนแกงทั้งแกนนำม็อบ-ตำรวจเมินไม่เข้าแจง กมธ.กฎหมาย บช.น.พร้อมรับมือ 2 ม็อบวันรัฐธรรมนูญ วางกำลัง บก.น.6 ดูแลอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา วอน ตั้งการ์ดสวมหน้ากากร่วมชุมนุม “คริส โปรตระนันทน์” พา 3 เหยื่อน้ำเคมีร้อง กมธ.ป.ป.ช.สอบมาตรฐานสลายม็อบ 17 พ.ย. “รัฐบาล-บัวแก้ว” เต้นผางโต้ ส.ว.สหรัฐฯ ล้วงลูก ปชต.ไทย กปปส.ออกโรงอัด “ส.ว. แทมมี่ ดักเวิร์ธ” ล้ำเส้นพาดพิงสถาบัน อัยการแจง สั่งไม่ฟ้อง “น้องธนาธร” ตั้งท่ารอรับลูกตำรวจชงคดี ฟ้องติดสินบนเช่าที่ทรัพย์สินฯ “ธนาธร” เจอขู่ราวี ทั้งตระกูล “ปารีณา” บี้สอบ “แม่สมพร” รุกป่า “วัชรพล” แย้มกฎหมายให้ ป.ป.ช.สอบคำสั่งศาลไม่ได้ส่อตีตก ปมบ้านหลวง ขณะที่ “บิ๊กตู่” ร่วมประชุม ACMECS ตามปกติ เขียนคำขวัญ “เด็กไทยวิถีใหม่ รวมไทย สร้างชาติ ด้วยภักดีมีคุณธรรม” มอบเด็กๆรับปีใหม่
ช่วงเดือนแห่งความสุข ธ.ค.การเมืองแปรสภาพอีนุงตุงนังไปด้วยคดีความ ต่างฝ่ายต่างงัดข้อกฎหมายฟ้องร้องกันโดยฝ่ายรัฐบาล หลังมีประกาศิตของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้ใช้กฎหมายทุกมาตราจัดการไม่มีละเว้น ทำให้แกนนำม็อบราษฎรต้องพาเหรดเข้ามอบตัวสู้คดีความอย่างต่อเนื่อง รวมถึงถูกคณะกรรมการธิการ (กมธ.) ในสภาผู้แทนราษฎร ซีกรัฐบาลเรียกไปชี้แจงเป็นว่าเล่น

...
“สิระ” รอเก้อแกนนำราษฎร-ตร.เบี้ยว
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่นายสิระ เจนจาคะ ประธาน กมธ.กฎหมายฯ ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม เชิญแกนนำกลุ่มราษฎร ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ หรือมายด์ นายอานนท์ นำภา หรือทนายอานนท์ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เข้าให้ข้อมูลปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการชุมนุมทางการเมือง และเชิญกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ผบ.ตร. ผบช.น. และ ผบช.ส. เข้าชี้แจงเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายต่อการชุมนุม ปรากฏว่า แกนนำกลุ่มราษฎรต้องไปรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ได้มา ขณะที่ ผบ.ตร. ผบช.น.ส่งตัวเเทนมา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้แจงว่า แกนนำ กลุ่มราษฎรยินดีมาชี้แจงในการประชุมคราวต่อไป
ซัด “บิ๊กปั๊ด” เมินหน้าที่เรียก “ตู่” มาเอง
นายสิระกล่าวว่า สตช.ควรให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่มาวันนี้ถือว่า ผบ.ตร.ไม่มีความรับผิดชอบ ทั้งที่เดินทางมารายงานตัวเป็น ส.ว.ที่ตึกวุฒิสภาได้ จะทำหนังสือถึงนายกฯแจ้งให้รับทราบ แต่นายรังสิมันต์เสนอให้ทำหนังสือเรียกนายกฯให้มาชี้แจงแทนเพราะที่ผ่านมาไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายเจ้าหน้าที่เท่าที่ควร ขณะที่นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า ประธาน กมธ.มีอำนาจเชิญได้ ทำให้ที่ประชุมมีมติเชิญนายกฯ ผบ.ตร. ผบช.น.และผบช.ส.มาชี้แจงในวันที่ 16 ธ.ค. รวมทั้งประธาน กสม. ก่อนที่ประชุมเชิญตัวแทนฝ่ายตำรวจออกจากห้องประชุม เนื่องจากเป็นฝ่ายปฏิบัติตอบเรื่องนโยบายไม่ได้
“กวิ้น-รุ้ง” เข้ามอบตัวข้อหา ม.112
ต่อมาเวลา 13.45 น. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ และ น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มราษฎร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในความผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นายพริษฐ์กล่าวว่า วันนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด ทราบแค่ว่าถูกแจ้งข้อหามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ยังมองว่าเป็นกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพ เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ส่วนเรื่องคดีขอให้ทนายความจัดการ ตนไม่ได้ทำอะไรผิดและจะไม่ยอมรับกระบวนการที่เกิดขึ้นในวันนี้ เพราะการตั้งข้อกล่าวหาไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่แรก
ลั่นปีหน้าดุเดือดเห็นแสงสว่าง
น.ส.ปนัสยากล่าวว่า มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกคดี 112 ที่นายนิติพงษ์ ห่อนาคหรือดี้ นักแต่งเพลงชื่อดัง แจ้งความไว้ มองว่ามาตรา 112 ไม่ควรใช้ หากมีการหมิ่นประมาท ควรใช้กฎหมายมาตราอื่นทั่วไป ดังนั้น เมื่อเป็นอาญาแผ่นดินใครก็ฟ้องได้ โดยที่คนคนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำ เป็นช่องโหว่ของกฎหมาย ส่วนการจัดกิจกรรมชุมนุมวันที่ 10 ธ.ค. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา โดยมีนิทรรศการยกเลิกมาตรา 112 และจะพูดถึงมาตรา 112 เป็นงานเสวนาให้คนเข้าใจมากขึ้น ยืนยันไม่มีการเคลื่อนขบวน ขณะที่นายพริษฐ์กล่าวว่า การชุมนุมปีหน้าจะดุเดือดขึ้น กระบวนการจะเข้มข้นมากขึ้น แพร่หลายเป็นวงกว้าง จะทำให้เรื่องปฏิรูปสถาบันฯเป็นเรื่องของทุกคน ปีนี้เป็นเหมือนการปักธง ปีหน้าจะไปให้ถึงแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
“ครูใหญ่” อัด ม. 112 กฎหมายไดโนเสาร์
ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ ขอนแก่นพอกันที น.ส.รวิศรา เอกสกุล น.ส.สุธินี จ่างพิพัฒน์นวกิจ และ น.ส.ณัชชิมา อารยะตระกูลลิขิต กลุ่มผู้อ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องถึงปัญหาทางการเมืองในประเทศไทย เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รับทราบข้อกล่าวหามาตรา 112 จากการชุมนุมปราศรัยหน้าสถานทูตเยอรมนี 26 ต.ค.มีกลุ่มเพื่อนๆนับสิบคนมาให้กำลังใจ นายอรรถพล สวมหมวกไดโนเสาร์สีส้ม กล่าวว่า ได้รับหมายเรียกจาก สน.ทุ่งมหาเมฆ ข้อหามาตรา 112 เป็นแห่งแรก ต้องแต่งชุดมาสู้กับกฎหมายไดโนเสาร์ หากจะยัดเยียดข้อหาต้องสู้ต่อไปยาวๆไม่หวั่นไหวใดๆ ระหว่างสอบสวนตำรวจถามตนว่า โกรธเคืองใครมาก่อนหรือไม่ ก็ตอบว่าโกรธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่สืบทอดอำนาจ และให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้ปากคำ เป็นเอกสารภายใน 30 วัน
บช.น.รับมือม็อบวันรัฐธรรมนูญ
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.โฆษก บช.น. แถลงว่า ตามที่มีประกาศนัดหมายชุมนุม 2 จุดในวันที่ 10 ธ.ค.คือ 1.หน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก ผู้แทนกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ได้ยื่นแจ้งการชุมนุมตั้งแต่เวลา 08.00-14.00 น. 2.บริเวณกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาวตั้งแต่เวลา 16.00-20.00 น. นายบรรพต ไชยราษฎร์ ตัวแทนผู้ชุมนุมเรียกร้องความเหลื่อมล้ำคนพิการ ได้ยื่นแจ้งการชุมนุมแล้ว ทั้งนี้ พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.นางเลิ้ง ได้ขอให้ผู้จัดการชุมนุมทั้ง 2 แห่งปฏิบัติตามข้อกำหนดอยู่บริเวณทางเท้าไม่ลงมาพื้นผิวการจราจร ห้ามมีป้ายข้อความปลุก ระดมยุยง ห้ามเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุม ห้ามชุมนุมระยะ 50 เมตรจากทำเนียบรัฐบาล ห้ามใช้เครื่องขยายเสียงไม่เกิน 115 เดซิเบล และการชุมนุมต้องเป็นไปโดยสงบ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น

บก.น. 6 ดูแลอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า ส่วนการชุมนุมเสวนา ที่บริเวณอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่เนื่องจากเป็นพื้นที่ของเอกชน ยกเว้นแต่หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาเป็นจำนวนมาก และเคลื่อนขบวนไปยังพื้นที่สาธารณะจะต้องแจ้งขออนุญาตการชุมนุม ให้ บก.น.6 ลงพื้นที่ดูแลความสงบเรียบร้อย และตรวจสอบเฝ้าระวังโควิด-19 ตามสถานการณ์ ส่วนการดำเนินคดีกับแกนนำชุมนุมของ บช.น.ดำเนินการแล้ว 120 คดีส่งอัยการ 39 คดี อีก 81 คดีอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน ส่วนคดีมาตรา 112 จะเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวน สำหรับเหตุการณ์ เมื่อ 7 ธ.ค.ที่กลุ่มการ์ดอาสาวีโว่รื้อถอนทำลายทรัพย์สิน พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รรท.ผบก.น.1 ได้ห้ามปรามแล้ว แต่กลุ่มการ์ดไม่เชื่อฟังได้จับกุมดำเนินคดี 19 นาย ทั้งยังทุบทำลายรถตู้ราชการเสียหาย 3 คัน แจ้งร้องทุกข์ไว้แล้ว
วอนม็อบสวมหน้ากากกันโควิด
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า แม้ว่าการชุมนุม 10 ธ.ค.จะมีการแจ้งการชุมนุมหากปฏิบัติผิดเงื่อนไขก็ต้องถูกดำเนินคดี ขณะนี้มีการระบาดของโควิด-19 ขอให้สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หากเป็นกลุ่มเสี่ยง ขออย่าให้มาชุมนุมขอให้รับผิดชอบต่อสังคมด้วย
ร้อง กมธ.ป.ป.ช.สอบ ตร.ฉีดเคมีใส่ม็อบ
ที่รัฐสภา นายคริส โปตระนันทน์ อนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) นำผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน จากการสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา 17 พ.ย.63 ประกอบด้วยนายดิสทัต วัธนา นายสุรเชษฐ์ แสงศรี และนายยงยุทธ หมกคล้าย ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กมธ.ป.ป.ช. ผ่านนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประธานคณะอนุ กมธ.ฯ ให้ กมธ.ตรวจสอบกรณีการฉีดน้ำผสมสารเคมี ทำให้ผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน มีบาดแผลพุพอง และการสลายการชุมนุมเป็นไปตามหลักสากลหรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า กมธ.จะรับเรื่องไปตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
โต้ ส.ว.สหรัฐฯล้วงลูกประชาธิปไตยไทย
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึง กรณี ส.ว.สหรัฐอเมริกาส่วนหนึ่ง เสนอร่างมติแสดงจุดยืนสนับสนุนกระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไทยว่า รัฐบาลอยากชี้แจงว่าเป็นการดำเนินการของ ส.ว.บางราย ที่อาจได้ข้อมูลคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย และไม่ใช่ท่าทีร่วมที่เป็นข้อห่วงกังวลของรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ยืนยันไม่มีผู้ใดถูกดำเนินคดีเพียงเพราะร่วมชุมนุมด้วยความสงบ รัฐบาล พร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการหาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ ด้านนายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นการดำเนินการของ ส.ว.บางรายในรัฐสภา สหรัฐฯเท่านั้น รัฐบาลอยู่ระหว่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม โดยจะต้องจัดทำประชามติต่อไป กระบวนการเหล่านี้ต้องใช้เวลา หวังว่าสหรัฐฯเป็นมิตรของไทยมายาวนานจะเข้าใจและสนับสนุน
อัด “ส.ว.แทมมี่” ล้ำเส้นพาดพิงสถาบัน
ที่หน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คณะพลังแผ่นดินสยาม นำโดยนายสุเมธ ตระกูลวุ่นหนู อดีตการ์ด กปปส. แถลงว่า กรณี ส.ว.สหรัฐฯสังกัดพรรคเดโมแครต นำโดยนางแทมมี่ ดักเวิร์ธ ชาวอเมริกันเชื้อสายไทย ที่แสดงจุดยืนสนับสนุนม็อบราษฎรนั้น นางแทมมี่ไม่มีความเข้าใจในหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และไม่เข้าใจในระบอบ การปกครองไทยว่า สร้างขึ้นมาโดยคณะราษฎรเมื่อปี 2475 เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน จึงเป็นการปกครองระบอบเผด็จการโดยใช้ระบบรัฐสภา ปัจจุบันการปกครอง ในประเทศไทยอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนไม่ใช่ของสถาบันแล้ว นางแทมมี่ไม่ควรพูดพาดพิงสถาบัน แต่ควรรู้สึกถึงความเป็นไทยที่อยู่ในสายเลือด ที่ต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อปวงชนชาวไทย ทั้งควรรู้ภารกิจศักดิ์สิทธิ์ของกองทัพไทยในการ รักษาเอกราช ราชบัลลังก์ ค้ำจุนระบอบการปกครอง
อำนวยความสะดวกคดี “วันเฉลิม”
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการของทางการไทยเกี่ยวกับกรณีนายวันเฉลิม หรือต้าร์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล 2 คน เป็นผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตฯ เดินทางไปยังศาลตามคำร้องขอของ น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิมที่ไปให้ปากคำต่อศาลชั้นต้น ที่กรุงพนมเปญแล้ว ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศและสถาน เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ น.ส. สิตานันและคณะหากมีความจำเป็นต้องไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับกระบวนการยุติธรรมกรณีนายวันเฉลิมที่กัมพูชา

โฆษก อส.แจงไม่ฟ้อง “น้องธนาธร”
อีกเรื่อง ที่สำนักงานอัยการสูงสุด คณะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดชุดใหม่ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงกรณีการเสนอข่าว อัยการสั่งไม่ฟ้องและไม่ดำเนินคดีนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริษัทเรียล แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กรณีให้สินบนเจ้าหน้าที่สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อเดิม) 20 ล้านบาท ว่า คดี ดังกล่าวเป็นคดีระหว่างสำนักงานทรัพย์สินฯ มอบอำนาจ ให้นายอิศรา จารุวนิชกุล ผู้กล่าวหานายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ ผู้ต้องหาที่ 1 และนายสุรกิจ ตั้งวิทูวนิช ผู้ต้องหา ที่ 2 ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการ ปลอม และร่วมกันเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตอบแทนจูงใจเจ้าพนักงานโดยทุจริตผิดกฎหมาย โดยนายสกุลธร สนใจจึงตกลงว่าจ้างจำเลยเป็นผู้แทนดำเนินการวงเงิน 500 ล้านบาท จ่ายเงิน 3 ครั้ง เป็นเงิน 20 ล้านบาท ศาลมีคำพิพากษาเมื่อ 27 พ.ย.62 จำคุก จำเลยทั้ง 2 คนละ 6 ปี ลดโทษให้เหลือคนละ 3 ปี.
ตั้งแท่นรอ ตร.ชง “สกุลธร” ติดสินบน
นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองโฆษกสำนักงาน อัยการสูงสุด กล่าวว่า ข้อเท็จจริงในคดีมีผู้ต้องหา 2 คน ที่เกี่ยวข้องกับนายสกุลธร อัยการได้สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาทั้ง 2 ฐานเรียกรับสินบน ส่วนนายสกุลธร อยู่ในฐานะพยาน แต่เมื่อปรากฏข้อมูลในศาลว่า นายสกุลธรอาจไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนได้ตั้งสำนวนอีก 1 คดี และกำลังดำเนินการ สอบสวนพฤติการณ์ของนายสกุลธร มีความผิดฐานให้ สินบนหรือไม่ อัยการยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการใดๆได้ ถ้าพนักงานสอบสวนทำสำนวนเสร็จ และส่งให้อัยการจึงสั่งสอบเพิ่มเติมได้ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ข่าวที่ปรากฏว่าอัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือไม่ดำเนินคดีนายสกุลธร มีความคลาดเคลื่อนเพราะ นายสกุลธรยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาในสำนวน หากจะถามว่า ทำไมไม่แนะนำให้สอบเพิ่ม เนื่องจากพนักงาน สอบสวนกำลังดำเนินการ เราไม่สามารถก้าวก่ายได้

“สิระ” ขู่สาวปมทั้งตระกูล
ที่รัฐสภา นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชี รายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือให้ กมธ. การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาฯ ตรวจสอบกรณีที่นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเรียล แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้เงินเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อเดิม) 20 ล้านบาท แลกกับ การได้สิทธิเช่าที่ดินระยะยาวบริเวณองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยย่านชิดลมมูลค่า 500 ล้านบาท ไม่ผ่านการประมูล มีนายสิระ เจนจาคะ ประธานกมธ.การกฎหมายฯ รับเรื่อง นายสิระกล่าวว่า จะนำ เรื่องเข้า กมธ.วันที่ 16 ธ.ค. และจะเชิญนายสกุลธร มาให้ข้อมูล ส่วนนายธนาธรเกี่ยวข้องหรือไม่ต้องขอ ตรวจสอบก่อน ถ้าทำในนามบริษัทจะเชิญมาทั้งตระกูล
ตามบี้ “แม่” รุกป่าแซะ “วีระ” หลิ่วตา
ต่อมานายสิระรับยื่นหนังสือจาก น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ยื่นให้ ตรวจสอบความคืบหน้าคดีครอบครองที่ดินรุกป่าสงวน ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แม่นายธนาธร พร้อมนำ ปี๊บมาด้วย น.ส.ปารีณากล่าวว่า ได้ยื่นร้องเรียนอธิบดี กรมป่าไม้ตั้งแต่ ก.พ.2562 เกือบ 2 ปี เรื่องยังเงียบอยู่ ขณะที่นายสิระกล่าวว่า นี่คือความเหลื่อมล้ำในกระบวน– การยุติธรรมหรือไม่ กรณีรุกป่าของ น.ส.ปารีณาเข้าสู่ กระบวนการถึงขั้นฟ้องร้อง แต่ของแม่ธนาธรเกิดขึ้นก่อน ตรวจสอบไม่ถึงไหน ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ยึดที่ป่าพอนำมาคืนแล้วจะถือว่าไม่มีความผิด ได้หรือ นายธนาธรไปหาเสียงจะพูดเสมอว่าต้องโปร่งใส ไม่ทุจริต ลดเหลื่อมล้ำ แต่สิ่งที่น้องชาย แม่ตัวเองทำย้อนแย้งหรือไม่ เป็นตนต้องเอาปี๊บคลุมหัวเพราะอาย ขอฝากปี๊บไปให้คุณธนาธรและให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดินด้วย รวมทั้งฝากถึงคุณวีระ สมความคิด ว่าได้ตรวจสอบบ้างหรือยัง
“วัชรพล” แย้ม ป.ป.ช.สอบคำสั่งศาลไม่ได้
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์กรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เข้าข่ายขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต กรณีได้รับสิทธิอยู่บ้านพักรับรองกองทัพบก รับประโยชน์เกิน 3,000 บาทว่า เป็นหน้าที่ ป.ป.ช.ต้องรับเรื่องไว้ก่อนนำประเด็นมาตรวจสอบ แต่ถ้าเป็นประเด็นเดิมหรือเป็นประเด็นที่ศาลวินิจฉัยเสร็จสิ้นแล้ว กฎหมายห้าม ป.ป.ช.รับไว้ดำเนินการ
ผบ.เหล่าทัพตบเท้าเข้าทำหน้าที่ ส.ว.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ช่วงเช้า ผบ. เหล่าทัพ 5 คน ที่ได้รับโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่ง ส.ส.ทยอยเดินทางเข้ารายงานตัวรับตำแหน่ง ส.ว.โดย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด มาเป็น คนแรกในเวลา 07.50 น. มีนายนัฑ ผาสุก เลขาธิการวุฒิสภา ให้การต้อนรับ จากนั้นเวลา 09.15 น. พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. ที่ลงเรือจากหอประชุมกองทัพเรือมาขึ้นที่ ท่าเรือเกียกกาย หลังรัฐสภา และ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. ตามลำดับ ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า หากถามถึงการเข้ามารับตำแหน่ง ส.ว.ของ ผบ.เหล่าทัพ ต้องไปถามคนร่างรัฐธรรมนูญมีเจตจำนงอย่างไร แต่เมื่อเข้ามาแล้วจะทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
เครือข่ายแท็กซี่ขอให้บริการคนละครึ่ง
เมื่อเวลา 07.45 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์รัฐบาล สำนักงาน ก.พ.กลุ่มสมาคมการค้าเครือข่าย แท็กซี่ไทย นำโดยนายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคม การค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เพื่อขอเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง นายวิฑูรย์กล่าวว่า ขอให้นายกฯได้มีบัญชาถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำรถแท็กซี่ที่ให้บริการอยู่ทั้งหมดเข้าร่วมโครงการเพราะเห็นว่าเป็นโครงการดีมีประโยชน์กระตุ้น เศรษฐกิจ โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ รับเรื่อง ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 ว่า ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลเพิ่มสิทธิในโครงการให้อีก 5 ล้านสิทธิ เพิ่มวงเงินและขยายเวลา 10 สิทธิเดิม ไปถึงสิ้นเดือน มี.ค.
พท.ตอกเหลื่อมล้ำแจกไม่ทั่วถึง
นายปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งดังกล่าวถือเป็น โครงการที่ดีบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้ในระดับหนึ่ง แต่มีข้อจำกัดเพราะประชาชนที่อยู่ตามพื้นที่ชนบท ต่างจังหวัด คนเฒ่าคนแก่ที่เข้า ไม่ถึงเทคโนโลยี ไม่มีสมาร์ทโฟน ไม่สามารถลงทะเบียน ร่วมโครงการได้ เสียโอกาสรับประโยชน์จากโครงการรัฐ รัฐบาลควรเพิ่มช่องทางการช่วยเหลือตามนโยบายที่รัฐบาลจัดทำขึ้นกระจายไปยังประชาชนทุกกลุ่ม ทุกคน โครงการดีแต่ไม่รอบคอบและไม่ครอบคลุม ส่วนใหญ่ที่ได้ประโยชน์คือคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีกลุ่มเดิมที่เคยได้ในโครงการแจกเงินของรัฐบาลต้อง เพิ่มช่องทางเปิดโอกาสให้กลุ่มที่เข้าไม่ถึงในพื้นที่ห่างไกล หากไม่ทำจะขยายความเหลื่อมล้ำในสังคมเพิ่มมากขึ้น
เด็ก “เจ๊” ไหลออกเพื่อไทยไม่หยุด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย ยื่นใบลาออกจากพรรค ยังคงมีสมาชิกพรรคเพื่อไทย ทยอยยื่นใบลาออกอย่างต่อเนื่อง ประกอบไปด้วย น.ส.ภูวนิดา คุนผลิน อดีต ส.ส.กทม. นายเอกรัฐ สมันตรัฐ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ธนัญญกาญจน์ ชลานุเคราะห์ นายวิชเญศ โฮ และนาย อภิชิต สังขวรรณ ที่เป็นสมาชิกกลุ่มเพื่อไทยพลัส มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สับ “ประยุทธ์” ปล่อยค่าบาทแข็ง
นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเตือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม หลายครั้งให้จี้ธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) เร่งแก้ไขค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาก แต่ดูเหมือน พล.อ.ประยุทธ์จะไม่เข้าใจเพราะค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับสภาวะความเป็นจริงที่เศรษฐกิจไทยกำลังย่ำแย่และยังคงติดลบสูง ค่าบาทที่แข็งมีผลต่อการส่งออกที่ตกต่ำอยู่แล้วอย่างมาก ที่คาดว่าการส่งออกปีนี้จะลดลงติดลบ 8-10% แม้กระทั่งการค้าชายแดนระหว่างไทยกับลาวในบริเวณชายแดนจังหวัดหนองคายยังได้รับผลกระทบอย่างมาก ดังนั้นอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เร่งกำชับให้ ธปท.เร่งแก้ไขค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลงเพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาได้โดยเร็ว ก่อนจะทรุดหนัก ประชาชนจะยิ่งลำบากเพิ่มขึ้นจนทนกันไม่ไหวออกมาไล่รัฐบาลกันมากขึ้น

นายกฯ ทุ่ม 200 ล้านดอลลาร์ ACMECS
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ร่วม ประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 9 (The 9th Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS Summit) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยินดีที่ทุกคนเห็นพ้องกับหลักการใหม่ที่ไทย เสนอ เรื่อง “อนุภูมิภาคที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้” เป็นความร่วมมือภายใต้แผนแม่บท ACMECS ใน 3 ประเด็น ได้แก่ การพัฒนาความเชื่อมโยงในทุกมิติ โดยเฉพาะไทยได้ ลงนามกับบริษัทแอสทราเซเนกา จัดหาวัคซีนต้านโควิด-19 คาดว่าน่าจะได้รับอนุญาตให้ใช้และผลิตได้ในช่วงกลางปี 2564 ถึงเวลานั้นไทยพร้อมสนับสนุนให้ยาและวัคซีนดังกล่าวเป็นสินค้าสาธารณะให้ประชาชนในอนุภูมิภาค ประการที่สองไทยขอยืนยันคำมั่นที่จะสนับสนุนเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่กองทุน ACMECS และสุดท้ายต้องเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสำนักเลขาธิการ ACMECS
ห่วงคนไทยเดินทางช่วงหยุดยาว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขออวยพรประชาชนใช้เวลาช่วงวันหยุดยาวในการพักผ่อน และขอให้เดินทางด้วยความระมัดระวัง ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ มีความกังวลในเรื่องความปลอดภัยของประชาชนในช่วงวันหยุดยาว 4 วัน เนื่องจากในช่วงดังกล่าว จะมีการสัญจรหนาแน่นบนท้องถนนเพื่อกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวในต่างจังหวัด และอาจมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างขับรถ ที่ผ่านมาการเสียชีวิตใน ช่วงหยุดยาว มีสาเหตุหลักจากการเมาแล้วขับ จึงขอ เน้นย้ำให้ระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน พร้อมยึดกฎหมายอย่างเคร่งครัด และคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย
มอบคำขวัญวันเด็กประจำปี 64
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า ได้นำ คำขวัญวันเด็กแห่งชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มาเผยแพร่ โดยนายกฯ ได้มอบคำขวัญเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2564 ว่า “เด็กไทยวิถีใหม่ รวมไทยสร้างชาติ ด้วยภักดีมีคุณธรรม”
“บิ๊กป้อม” ถกทางไกลกลาโหมอาเซียน
ที่ศาลาว่าการกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นผู้แทน รมว.กลาโหม ร่วมประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 14 (14th ASEAN-Defence-Ministers’-Meeting :- 14th ADMM) ผ่านระบบ วิดีโอทางไกล โดย รมว.กลาโหมสาธารณรัฐเวียดนาม เป็นเจ้าภาพ ภายใต้แนวคิด “แน่นแฟ้นและตอบสนอง” แลกเปลี่ยนมุมมอง ความมั่นคงของภูมิภาค ลงนามร่างปฏิญญาร่วมของ รมว.กลาโหมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ
“วิษณุ” กระตุ้นสร้างสื่อสู้เฟกนิวส์
ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ปาฐกถาพิเศษเปิดเวทีส่งเสริมการมีส่วนร่วม ของประชาชน 5 ภูมิภาคตอนหนึ่งว่า กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ก่อตั้งมา 5 ปี รัฐบาลตระหนักดีว่ากองทุนนี้มีความสำคัญ เนื่องจากโลกทุกวันนี้ต้องอยู่กับสื่อ ถ้าเป็นสื่อที่มีเนื้อหาสาระมากๆ และเนื้อหาไม่ปลอดภัย ไม่สร้างสรรค์นำเสนอข่าวเท็จ ระรานผู้อื่น เฟกนิวส์ หรือทำให้เกิดการจงเกลียดจงชัง หากเกิดการหลงเชื่อในข่าวสารนั้นจะทำให้เกิดผลร้าย ซึ่งบทบาทของสื่อไปไกลมากกว่าในอดีต เทคโนโลยีทำให้ข่าวสารมาได้รวดเร็ว ถ้านำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็จะเกิดการเรียนรู้ แต่ถ้านำมาใช้ในทางไม่สร้างสรรค์ย่อมเป็นอันตราย เพราะข่าวร้ายมันไปได้เร็วและคนเชื่อ ดังนั้น รัฐบาลจึงมอบให้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยฯ เป็นหน่วยงานที่จะช่วยทำให้เกิดสื่อสร้างสรรค์และปลอดภัย สร้างการมีส่วนร่วมด้วยการหาพันธมิตร อาสาสมัคร และเครือข่ายต่อเติมในส่วนที่ขาด