ขวัญผวา โควิด-19 กลับมาระบาดในไทย “ก๊วนสาว” ไปทำงานอำเภอท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาผ่านช่องทางธรรมชาติ แล้วกลับมาแพร่เชื้อในประเทศกระจายไปหลายจังหวัด ล่าสุดกรุงเทพฯส่อเค้าน่าห่วง หลังพบ 1 รายบินกลับมาดอนเมือง

ไปคอนโด คลินิก ย่านอุดมสุข แล้วขับรถส่วนตัวไปกับแฟนหนุ่ม มุ่งหน้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านบางนา เพื่อตรวจโควิด สุดท้ายผลออกมาติดเชื้อโควิด

ประมาท หย่อนยาน คนลักลอบเข้าเมืองรู้ทั้งรู้เมียนมาโควิดกำลังระบาดน่ากลัว

สุดท้ายวัวหายล้อมคอก ต้องเฝ้าระวังตามแนวชายแดนเข้มเหมือนเดิม

“เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ออกแอ็กชันหนักหน่วง

ความเห็นแก่ตัวของคนไม่กี่คนทำเดือดร้อนทั้งประเทศ เดินทางเข้าออกช่องทางธรรมชาติเป็นว่าเล่น ต้องดำเนินคดีให้แรงที่สุด

ทุกมาตรา ทั้งการไม่กักตัว 14 วัน ลักลอบเข้าเมือง พ.ร.บ.โรคติดต่อ

ไม่ควรสงสารหรือชื่นชมคนที่ทำความเดือดร้อน

ตอนนี้ต้องตามล่าตัวคนติดเชื้อ คนใกล้ชิด และกลุ่มเสี่ยงกันจ้าละหวั่น ขืนโควิดลุกลามระบาดซ้ำ เศรษฐกิจชีวิตความเป็นอยู่พินาศแน่ รัฐบาลก็มีหวังพังเองไม่ต้องให้ใครมาไล่

...

คุมโรคไม่ได้ เศรษฐกิจขุนไม่ขึ้น ก็ไม่รู้จะทู่ซี้อยู่ต่อไปยังไง

สถานการณ์การเมืองยามนี้ก็ยังลูกผีลูกคน รัฐบาลของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ยังยื้อยุดขึงพืดกับม็อบเด็กๆราษฎร ที่ออกมาชุมนุม ปล่อยมุกยั่วแหย่รายวัน

ประเด็นแต่งชุดไปรเวตมาโรงเรียน แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันทุ่มเถียง พลังคนรุ่นใหม่มุ่งหมายขยับเขยื้อนสังคมทั้งเป้าใหญ่ เป้าเล็ก

แต่เรื่องนี้ดูน้ำหนักเหตุผลแล้วเด็กๆเป็นรอง ผู้ใหญ่ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ส่วนใหญ่ไม่เล่นด้วย

สถานศึกษาหลายแห่งเด็กๆแก่งแย่งแข่งขันสอบเข้าไปเรียน การได้สวมเครื่องแบบถือเป็นความภาคภูมิใจ แม้แต่เด็กๆเองก็ไม่ได้มีความเห็นเหมือน “นักเรียนเลว” ไปทั้งหมด

การใส่ชุดไปรเวตอาจนำมาซึ่งปัญหาภาระความสิ้นเปลืองของผู้ปกครอง เด็กๆประชันขันแข่งเรื่องการแต่งตัว น้อยหน้ากันได้ที่ไหน สุดท้ายอาจมีม็อบผู้ปกครองออกมาเรียกร้องให้โรงเรียนเข้มงวดการแต่งเครื่องแบบบ้างก็ได้

ปัญหาครอบครัว แต่ทัวร์ลงที่กระทรวงศึกษาธิการทั้งขึ้นทั้งล่อง

เรื่องนี้ต้องรอดูสักพักจะพลิกคว่ำพลิกหงายกันยังไง แต่ที่ไม่ต้องรอ ประเด็นที่สังคมจับตาเหนืออื่นใดคือคำวินิจฉัยชี้ชะตา “บิ๊กตู่”

กรณี “บ้านพักหลวง” และแล้วศาลรัฐธรรมนูญก็ตัดสินออกมาโดยไม่ต้องใช้เวลามาก ไม่มีความผิด ไม่มีการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ หรือจริยธรรม

การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ถือเป็นประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ของประเทศ และไม่เข้าข่ายประโยชน์ทับซ้อนความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่สิ้นสุดลง คะแนนเอกฉันท์ 9 ต่อ 0

“รอด” ตามที่นักการเมืองหลายคนออกมาฟันธงแบบไม่กลัวหน้าแหก

แม้จะหยิบยกกรณีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ ที่ตกเก้าอี้เพียงเพราะรับจ้างทำกับข้าวออกทีวี มาเทียบเคียง ตีปลาหน้าไซ แต่ก็ไร้ผล

“บิ๊กตู่” กลายเป็นพยัคฆ์ติดปีก ทำหน้าที่นายกฯต่อไปแบบไร้กังวล และไม่มีทีท่าว่าจะลาออกหรือพอแค่นี้ ตามข้อเรียกร้องข้อ 1 ของม็อบราษฎร มีแต่จะลุยจัดการเด็กๆให้ศิโรราบ

ตามจังหวะเข้มๆของ “บิ๊กตู่” และหน่วยงานความมั่นคง งัดกฎหมายจัดหนัก ประเคนข้อหาให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมเด็กๆราษฎรถ้วนหน้า ไม่มีอ่อนข้อผ่อนคันเร่ง เพราะสัญญาณความถี่สูงมาแบบ “จัดเต็ม”

ขณะที่ม็อบราษฎร เครือข่ายเยาวชนปลดแอกก็ต้องเดินเกมรุกไล่โค่นอำนาจ 3 ป. ต่อไป ไม่มีทางให้ถอย เพราะหอกดาบรออยู่ข้างหลัง ไฟต์บังคับต้องเดินหน้าลูกเดียว

ชั่วโมงนี้ได้จังหวะยกระดับความเข้มข้น ขยี้ปมเหลื่อมล้ำ 2 มาตรฐาน

ป่วยการที่จะถามหาสปิริต เพราะมีแต่จะถูก “แกง” ซ้ำซาก จากร่องรอยการกระทำที่ผ่านมามันฟ้องชัด ลุงๆ ป้าๆ ในทำเนียบฯ-สภาฯ ไม่ฟัง ไม่ให้ราคา “ม็อบฟันน้ำนม”

การเมืองหลังจากนี้ร้อนแรงแน่ มองไปทางไหนก็ไม่เห็นหนทางประนีประนอม

ที่น่าห่วงก็คือรัฐบาล และขุมอำนาจ 3 ป. เจอศึกหนักรอบทิศทาง

ประเทศโควิด เศรษฐกิจโคม่า เหนื่อยล้ากับการเมืองอลเวง.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน