เป็นไปตามความคาดหมาย นักวิชาการและสื่ออเมริกันบางสำนักทำนายล่วงหน้าว่าถ้าจะแพ้เลือกตั้ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะแพ้ไม่เป็น เมื่อการนับคะแนนมาถึงจุดหนึ่ง พบว่าตนมีคะแนนนำในรัฐสำคัญๆที่จะชี้ผลการเลือกตั้ง ทรัมป์ประกาศชัยชนะทันที ทั้งที่การนับคะแนนยังไม่เสร็จ ต้องนับต่อไป

ทรัมป์เรียกร้องให้หยุดการนับคะแนนในรัฐที่เป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง เช่น รัฐมิชิแกน เพนซิลเวเนีย และจอร์เจีย เป็นต้น เพราะเกรงว่าถ้านับต่อจนหมดตนอาจพลิกกลับมาเป็นผู้แพ้ เพราะคะแนนที่ยังเหลืออยู่ เป็นบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ที่เชื่อว่าเป็นของคู่แข่ง คือโจ ไบเดน แห่งพรรคเดโมแครต ทรัมป์ขู่ว่าจะฟ้องศาลฎีกา

แต่การนับคะแนนก็ยังเดินหน้าต่อไป โจ ไบเดน ประกาศว่าจะต้องนับบัตรเลือกตั้งของประชาชนทุกใบ จนถึงอีกจุดหนึ่งไบเดนได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง ทิ้งห่างคู่ต่อสู้ 264 คะแนน อีก 6 คะแนนก็จะถึง 270 คะแนน เป็นผู้ชนะ ขณะที่ทรัมป์ขู่จะฟ้องศาลสูงสุดของประเทศ เพื่อให้สั่งนับคะแนนใหม่ในบางรัฐ กลายเป็นหนังยาว

แต่อาจเป็นกระบวนการที่ยืดยาว และอาจนำไปสู่เหตุรุนแรงหรือไม่ เพราะมีประชาชนในเมืองใหญ่ๆออกมาชุมนุมตามท้องถนน เรียกร้องให้นับทุกคะแนน อาจมีกองเชียร์ของทรัมป์ออกมาเผชิญหน้าหรือไม่ นักวิชาการอเมริกันบางคนวิเคราะห์ว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นผู้นำโลกประชาธิปไตย แต่อุปนิสัยส่วนตัวเป็น “อำนาจนิยม”

มีบางฝ่ายกล่าวหาว่าสหรัฐอเมริกา อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาประชาชนในไทย ให้การสนับสนุนด้านต่างๆ แต่ไม่น่าจะเป็นรัฐบาลทรัมป์ เพราะทรัมป์ไม่สนใจที่จะส่งเสริมสิทธิมนุษยชน หรือประชาธิปไตยในต่างประเทศ แต่ถือเรื่องการค้าเป็นใหญ่ ประธานาธิบดีทรัมป์เคยตัดสิทธิพิเศษทางการค้าไทยถึงสองครั้ง

...

ถ้าทรัมป์แพ้เลือกตั้งครั้งนี้ เขาจะเป็น “ประธานาธิบดีสมัยเดียว” อีกคนหนึ่ง ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่คนที่แพ้เลือกตั้งในสมัยที่ 2 ทั้งๆที่มีอำนาจเต็มตัว มีเวลาสร้างผลงานถึง 4 ปี จากการนับคะแนนถึงจุดหนึ่ง ไบเดนได้คะแนนประชาชนถึง 72 ล้าน ส่วนทรัมป์ได้ 68 ล้าน แม้จะชนะก็จะกลายเป็น “ประธานาธิบดีเสียงข้างน้อย”

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ทรัมป์แพ้คะแนนประชาชนยับเยิน ส่วนหนึ่งเพราะปล่อยให้สหรัฐฯเป็นแชมป์โควิด ติดเชื้อเกือบ 10 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 2 แสนคน มากกว่าสงครามเวียดนามหลายเท่า สงครามเวียดนามที่กองทัพไทยเคยร่วมรบ วงการนักธุรกิจไทยเชื่อว่าถ้าไบเดนชนะ การส่งออกไทยไปสหรัฐฯอาจดีขึ้น แต่อาจมีเงื่อนไขด้านประชาธิปไตย.