“กลุ่มราษฎร” ชักธงรบ ประกาศจุดยืนกลางสนามหลวง ไม่ยอมรับ-ไม่สังฆกรรมคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ หยันแค่ละครการเมืองซื้อเวลา ซัด “บิ๊กตู่” คืออุปสรรคใหญ่ที่สุดขวางทางแก้ปัญหาชาติ ย้ำไม่ลด เพดาน 3 ข้อเรียกร้อง “ณัฐชนน” กร้าวประชาชนหลังพิงฝาไม่ยอมถอยอีกแล้ว จะคุยกันได้ “ประยุทธ์กับองคาพยพ คสช.” ต้องออกไป “ไผ่” ให้รอเจอม็อบใหญ่ ลั่นความฝัน ไม่มีลด “ณวรรษ” ขู่มีหมัดเด็ด บี้นายกฯไขก๊อก ให้มวลชนฟังนัดหมายจากเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม “ทศพร” เผย “เพนกวิน-รุ้ง-ไมค์” พ้นขีดอันตราย “สิระ” หยาม 3 อดีตนายกฯหมดสภาพ เหมาะเอาไปดองเค็ม เลขาชวนฉะไร้กาลเทศะ บี้บิ๊ก พปชร.ดีดปากปราม “นายกฯตู่” ลงนามส่งร่าง พ.ร.บ.ประชามติเข้ารัฐสภา พิจารณาเร่งด่วน ลุ้นระทึก 2 ธ.ค. ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาคดี “ประยุทธ์” อยู่บ้านหลวง

หนทางสู่การปรองดองสมานฉันท์ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อกลุ่มราษฎรประกาศจุดยืนไม่เข้าร่วมสังฆกรรมและไม่ยอมรับคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ ที่ฝ่ายรัฐบาลได้เสนอให้จัดตั้งขึ้น เพราะมองว่าเป็นเพียงแค่ละครการเมืองเพื่อซื้อเวลา หวังลดความตึงเครียดทางการเมือง ยืนยันไม่ลดเพดาน 3 ข้อเรียกร้องเดิม

...

“ราษฎร” ไม่สังฆกรรม กก.ปรองดอง

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 พ.ย. ที่บริเวณท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพฯ แกนนำม็อบราษฎรร่วมกับเครือข่ายและแนวร่วมกลุ่มต่างๆ นำโดยนายณัฐชนน ไพโรจน์ หรือนัท ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน แกนนำแนวร่วมเยาวชนปลดแอก นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา หรือแอม แกนนำกลุ่ม มศว คนรุ่นเปลี่ยน นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ กลุ่มขอนแก่นพอกันที นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี และนายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย YPD และ น.ส.สุพิชฌาย์ ชัยล้อม หรือเมนู นักเรียน ม.6 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์ในนามกลุ่มราษฎรแสดงจุดยืนไม่ยอมรับและไม่ร่วมคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ที่จะตั้งขึ้น

ซัดแค่ละครการเมือง “ลุงตู่” ซื้อเวลา

แถลงการณ์ของกลุ่มราษฎรมีใจความว่า ดังที่ฝ่ายรัฐบาลได้เสนอจัดตั้งคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ขึ้น โดยให้เหตุผลว่าเป็นไปเพื่อลดความตึงเครียดทางการเมือง และหาทางแก้ปัญหาให้กับชาตินั้น พวกเราเห็นว่า การจัดตั้งคณะกรรมการดังกล่าว มิสามารถแก้ไขปัญหาใดๆ ดังที่กล่าวอ้างได้ เพราะแท้จริงแล้ว การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังปราศจากความชอบธรรมโดยสิ้นเชิง เพราะเข้าสู่อำนาจโดยมิชอบ จึงนับได้ว่าการจัดตั้งคณะกรรมการฯ เป็นเพียงการแสดงละครทางการเมืองของรัฐบาล เพื่อซื้อเวลาให้ พล.อ.ประยุทธ์ พวกเราขอประกาศจุดยืนว่าไม่ยอมรับ และจะไม่สังฆกรรมกับคณะกรรมการที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น ยืนยันว่าปัญหาจะแก้ไม่ได้หาก พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ขอยืนยันใน 3 ข้อเรียกร้อง คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออก 2.ต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 3.ต้องมีการปฏิรูปสถาบันให้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ

ลั่น ปชช.หลังติดฝาไม่ยอมถอยอีกแล้ว

นายณัฐชนนกล่าวว่า ที่ผ่านมาประชาชนไม่เคยเป็นฝ่ายรุก มีแต่ฝ่ายรัฐที่รุก ครั้งนี้เราจะไม่ยอมถอยอีกเพราะหลังติดฝา การที่จะพูดคุยกันได้ พล.อ.ประยุทธ์และองคาพยพของ คสช.ต้องลาออกจากตำแหน่งบริหาร ส่วนที่มีการนำคนเสื้อเหลืองออกมา เพราะต้องการสร้างภาพความรุนแรงนำไปสู่การรัฐประหาร ฝากพี่น้องมวลชนอย่าได้หลงกล นอกจากนี้ยังยืนยันข้อเรียกร้องไม่มีการลดระดับเพราะเป็นมติเอกฉันท์ของมวลชนทุกคน ยืนยันมวลชนทุกวันนี้ยังสู้ ไม่ได้เหนื่อยล้า เห็นได้ว่ามีการชุมนุมย่อยต่อเนื่องทุกวัน เพราะเรากำลังพัก เพื่อสะสมพลังในการเรียกร้องครั้งยิ่งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นต่อไป

ให้ฟังสัญญาณแนวร่วม มธ.นัดม็อบใหญ่

นายจตุภัทรกล่าวว่า การชุมนุมใหญ่จะมีขึ้นอีกอย่างแน่นอน ขณะนี้กลุ่มราษฎรมีหลายเครือข่ายคงต้องมีการหารือกันก่อน สำหรับการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาเสียงของเราดังขึ้น มีคนเข้าร่วมเพิ่มขึ้น แต่ยอมรับว่าการชุมนุมแต่ละครั้งสามารถทำได้แค่นี้เพราะยึดหลักสันติวิธี และไม่รู้ว่าจะชุมนุมแค่ไหนกว่า พล.อ.ประยุทธ์จะลาออก แต่จะพยายามทำต่อและความฝันจะไม่ลดลง ขณะที่นายณวรรษกล่าวว่ายืนยันว่ามีหมัดเด็ดที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกแน่นอนขอให้ติดตาม จะใช้ช่องทางสื่อสารทางเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมเป็นหลัก

นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงอาการนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ว่า ดีขึ้นพ้นขีดอันตราย เหตุเลือกโรงพยาบาลพระราม 9 รักษาทั้ง 3 คนเพราะเป็น รพ.ที่ดี ราคายุติธรรม ไม่มีเหตุผลอื่นทางการเมือง เป็น รพ.อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ใครก็ถือหุ้นได้ เป็นสิทธิ์การรักษาของผู้ต้องหา ขออย่าเคลือบแคลงสงสัย

ยื่น กมธ.สอบแกนนำถูกทำร้าย

ช่วงเที่ยง ที่รัฐสภา นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือฟอร์ดเสื้อแดง ยื่นหนังสือพร้อมคลิปภาพให้ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบกรณีการทำร้ายร่างกายนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ระหว่างถูกควบคุมตัวไป สน.ประชาชื่น หากพบการกระทำผิดขอให้ดำเนินคดี โดยนำหลักฐานคลิปและภาพขณะแกนนำอยู่ในรถผู้ต้องขังและเหตุการณ์ชุลมุนที่ทั้ง 2 คนตะโกนว่าถูกทำร้าย รวมถึงเอกสารรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศ ที่สงสัยเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปในเรือนจำเพื่อทำร้ายร่างกาย

นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษก กมธ.ป.ป.ช.กล่าวว่า กมธ.จะตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บอกว่านายสั่งไม่ควรเกิดขึ้น หมายจับที่นำมาจับในเรือนจำต้องเปิดเผยให้ชัดเจนว่าพิจารณาซ้ำหรือไม่ ฝากให้ตำรวจระมัด ระวังไม่ควรให้เกิดขึ้นอีก วันที่ 12 พ.ย.ได้เชิญ ผบ.เรือนจำ ผบ.ตร.และ ผบช.น.มาชี้แจง

พท.จี้นำทุกข้อขัดแย้งเข้าหารือ

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน กล่าวถึงคณะกรรมการสมานฉันท์ว่า พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนตามเดิมถ้าทุกฝ่ายยอมรับกระบวนการนี้พรรคพร้อมจะเข้าร่วม แต่ต้องเปลี่ยนรูปแบบทำงาน ร่วมกับเครือข่ายภาคสังคมมากที่สุด เบื้องต้นยังไม่ได้คุยกันเรื่องเนื้อหา แต่ควรหยิบทุกเรื่องมาพิจารณา จะเว้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นความขัดแย้ง ที่ผ่านมาคณะกรรมการฯไม่มีอำนาจในตัวเอง ไม่มีอำนาจผูกพันองค์กรใด ถ้าทำแบบเดิม ไม่มีทางได้รับการยอมรับ ถึงที่สุดมีผลการศึกษาออกมา หากมีข้อเสนอแล้วแต่ไม่นำไปปฏิบัติ หรือแก้ไข ต้องมีคนรับผิดชอบ การโหวตของรัฐสภาเกี่ยวกับ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีอะไรแน่นอน เปรียบเสมือนเป็น killing time หรือเวลาสังหาร หาก รัฐสภาโหวตคว่ำต้องมีคนผิดหวัง จะเกิดอะไรตามมา ไม่อาจคาดเดาได้

“เสรีฯ” ค้านดึงอดีตนายกฯ เป็น กก.

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า รูปแบบที่สถาบันพระปกเกล้าออกแบบมายังไม่เป็นธรรม ไม่เห็นด้วย ที่ให้อดีตนายกฯ ซึ่งเป็นคนของพรรคการเมืองเข้ามาเป็นกรรมการ ควรหาคนเป็นกลางจริงๆ ให้มีคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย ที่มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมเป็นกรรมการอย่างเสมอภาค เช่น นายชวน หลีกภัย แม้เป็นประธานรัฐสภา แต่เป็น คนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น ถ้าการตั้งคณะกรรมการ ไม่เป็นธรรม ความสมานฉันท์ก็ไม่เกิดขึ้น ที่ผ่านมา การตั้งกรรมการจะมีสัดส่วนรัฐบาลมากกว่าหลายเรื่อง เสนอไม่ได้รับตอบสนอง

“สิระ” หยาม 3 อดีตนายกฯ ไล่ไปดองเค็ม

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีประธานรัฐสภาทาบทามนายอานันท์ ปันยารชุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ร่วมกรรมการสมานฉันท์ว่า ไม่เห็นด้วย ที่จะเชิญเข้ามาร่วม นายอานันท์อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ลาออก ใครจะมาเป็นนายกฯ แทนหรือนายอานันท์หวังจะเป็นนายกฯส้มหล่น ส่วนนายอภิสิทธิ์บอกว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ พอ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ ก็ลาออก จาก ส.ส.ไม่ยอมรับระบบรัฐสภาหรือไม่ นายสมชาย สังคมรู้ว่าฝักใฝ่ฝ่ายใดเป็นคนของใคร ไม่น่าเชื่อถือ เหตุใดนายชวนใช้อำนาจคนเดียวตั้งคณะกรรมการปรองดอง ทำไมไม่ขอความเห็นจากสภาออกแบบ คณะกรรมการสมานฉันท์ บ้านเมืองเป็นระบอบประชาธิปไตยและยังมีสภาหรือไม่ บุคคลที่เชิญมาล้าสมัย หมดสภาพจะมาทำงานในจุดนี้จึงไม่เหมาะสม ถ้าเอาไปดองเค็มใส่เกลือจะเหมาะกว่า

เลขาชวนฉะกลับไร้สัมมาคารวะ

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ กล่าวว่า แค่เริ่มต้นทาบทามเชิญผู้หลักผู้ใหญ่ และอดีตนายกฯ ก็ถูกใส่ร้ายป้ายสีพาดพิงให้เสียหาย นายสิระตั้งใจปกป้องรัฐบาล หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ลักษณะไม่มีสัมมาคารวะ ยากจะทำให้บ้านเมืองสงบ เกิดการปรองดองสมานฉันท์ มีแต่จะซ้ำเติมเหตุการณ์บ้านเมือง อย่าคิดว่าแค่ได้ออกสื่อเป็นข่าว แต่ไม่มี สัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ การไม่เคารพผู้ใหญ่เป็นแบบอย่าง ไม่ดีกับเยาวชนและสังคม ไม่เหมาะจะเป็นพฤติกรรมของผู้ทรงเกียรติ

ด้านนายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “อยากสมานฉันท์ ต้องระวังคำพูดคนในพรรคพลังประชารัฐ” ว่า ไม่สบายใจ นายสิระพาดพิง 3 อดีตนายกฯ แบบไม่ให้เกียรติ ตำหนิเยาวชนต่อต้านรัฐบาลไม่รู้จักกาลเทศะ ไร้สัมมาคารวะ ต้องย้อนกลับมาดูตัวเองด้วยว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ลาออกแสดงสปิริต รักษาสัจจะ วาจาให้คุณค่ากับการรักษาคำพูดมากกว่า แอบอิงอำนาจ หากผู้นำประเทศที่นายสิระปกป้องจะมี สปิริตแค่ครึ่งเดียวจากที่นายอภิสิทธิ์มีสถานการณ์การเมือง คงไม่ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้ต้อง ปรามลูกหาบที่คอยทิ่มแทง คนอื่นให้หยุดได้แล้ว พวกท่านเองที่กำลังพาชาติสู่ทางตัน

“บิ๊กป้อม” ไม่วิจารณ์รอ “ชวน” เคาะ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีอดีตนายกฯ 3 คนตอบรับเข้าร่วมคณะกรรมการสมานฉันท์ว่า ขอให้รอความชัดเจนจากนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ บรรยากาศการเมืองจะดีขึ้นหรือไม่ อยู่ที่แต่ละคนจะคิด ส่วนกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ไม่เห็นด้วยกับการเชิญอดีตนายกฯ 3 คน ที่มีท่าทีไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ขอให้รอดูรายชื่อคณะกรรมการคนอื่นก่อนนายกฯเซ็นส่งสภาร่าง ก.ม.ประชามติ

สำหรับความเคลื่อนไหว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ครั้งที่ 1/2563 ก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวสอบถามว่าได้ลงนามร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติแล้วหรือยัง นายกฯไม่ได้ตอบคำถาม และหลังการประชุมเพียงแต่โบกมือทักทายผู้สื่อข่าวก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ต่อมาเวลา 14.25 น. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนัก นายกฯ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย. นายกฯได้ลงนาม ในหนังสือส่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติถึงประธานรัฐสภา นำเสนอต่อรัฐสภาพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วน เพื่อประโยชน์และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน แสดงเจตจำนงผ่านการออกเสียงประชามติ ทั้งกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและการตัดสินใจของ ครม. เพื่อหาข้อยุติในประเด็นปัญหาที่มีความสำคัญ

“วิษณุ” ห่วงถามพ่วงนายก อบจ.จะไม่ทัน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ประชามติต้องประชุมร่วมสองสภา มีคำถามเดียวว่า เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านวาระ 3 แล้วนี้หรือไม่เท่านั้น จะพ่วงคำถามใดเข้าไปไม่ใช่เรื่องของ กกต. จะเป็นหน่วยงานใดแล้วแต่ตั้งคำถามแล้วค่อยมาเป็นมติ ครม. ถ้าคำถามพ่วงประชามติถ้าไม่เป็นข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์จะกลายเป็นว่ารัฐบาลตั้งซึ่งไม่ดี แต่ยังห่วงจะทำประชามติพ่วงการเลือกตั้งนายก อบจ.เหลืออีก 50 วันยังไม่เห็นวี่แวว ถ้าเร่งเข้าอาจจะได้ ถ้าช้าอยู่อาจไม่ทัน ต้องทำความเข้าใจเรื่องคำถาม โอกาสจะไม่ทันสูง

ลุ้น 2 ธ.ค.ชี้ชะตาหลุดนายกฯหรือไม่

วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคดีที่ประธานสภาผู้แทน-ราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสามประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่งและมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (3) หรือไม่ โดยศาลเห็นว่าคดีมีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังวันพุธที่ 2 ธ.ค. เวลา 15.00 น.

ศาล รธน.ตัดสินคดีอยู่บ้านหลวง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีนี้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน ได้ยื่นร้องประธานสภาฯ ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้บ้านพักในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ถนนวิภาวดีรังสิต ของทางราชการทหาร เป็นที่พักอาศัยของตนเองและ ครอบครัว ตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.53 จนถึงปัจจุบัน โดยไม่เสียค่าเช่าให้กับทางราชการทหาร ทั้งที่เกษียณอายุราชการมาตั้งแต่ 30 ก.ย.57 จึงอาจเข้าข่ายเป็นการรับประโยชน์ใดๆ จากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 186 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 184 (3) และเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่รัฐธรรมนูญ กำหนดให้นำมาใช้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามมาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (5)

“โรม” ฉะ 2 มาตรฐานรัฐคุมผู้ชุมนุม

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก สมัยสามัญครั้งที่ 2/2563 มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน โดยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรีกรณีการสลายการชุมนุมกลุ่มนักเรียน นักศึกษาและการจับกุมแกนนำ โดยมิชอบว่า การสลายชุมนุมของรัฐบาล กระทำโดยไม่ถูกต้อง ไม่มีการขอหมายศาล ดำเนินคดีแกนนำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซ้ำซากหลายครั้ง เลือกปฏิบัติกับผู้ชุมนุม การชุมนุมกลุ่มคนเสื้อเหลืองได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างดีจากรัฐ ไม่มีการสลาย กลุ่มชุมนุมราษฎรถูกกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ถูกทำร้ายจากคนอีกกลุ่ม ไม่ได้รับความสะดวก แตกต่างกันฝั่งหนึ่งเสิร์ฟน้ำให้อีกฝั่งฉีดน้ำใส่ ฝั่งหนึ่งมีรถห้องน้ำ อีกฝั่งมีรถผู้ต้องขัง จึงขอตั้งคำถามการมี 2 มาตรฐาน ใครเป็นผู้สั่งการสลายการชุมนุมวันที่ 16 ต.ค.63

ข้องใจม็อบเหลืองมีเส้นใช่หรือไม่

ขณะที่ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงแทนนายกฯว่า ยืนยันการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามกฎหมายและหลักการสากล ใช้เจรจาก่อน เมื่อทำผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะถูกร้องเรียนละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่ให้ความยุติธรรมทุกฝ่าย คนเสื้อเหลืองที่แสดงความจงรักภักดี การดูแลอำนวยความสะดวกวันที่ 1 พ.ย.ที่มีพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต ถือว่าประชาชนมาร่วมงานพระราชพิธี ไม่เข้าข่ายการชุมนุมตาม พ.ร.บ.การชุมนุมที่สาธารณะ จากนั้นนายรังสิมันต์ถามต่อว่า ผิดหวังในคำตอบ ต้องการทราบชื่อใครสั่งการ แต่ไม่มีพูดถึง จะบอกว่าเป็นการสั่งการของ ผบช.น.คนเดียวไม่เชื่อ เหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อเหลืองทำร้ายร่างกายนักศึกษาที่ ม.รามคำแหง วันที่ 21 ต.ค. ดำเนินคดีไปแล้วหรือยัง นี่คือม็อบมีเส้นใช่หรือไม่ การนำ ตชด.เข้ามาดูแลการชุมนุมถึง 14,000 คน ต้องเสียค่าเบี้ยเลี้ยง 840,000 บาทต่อวัน หรือ 23.5 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ค่าอาหารกล่องอีก 60 บาทต่อกล่อง บางกล่องมีแค่ปีกไก่ 1 ชิ้น บางกล่องมีแค่ไข่ต้มกับน้ำพริก อาจมีบางคนร่ำรวยจากการหักหัวคิวเบี้ยเลี้ยงและค่าอาหารเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจสอบหรือไม่ ด้าน พล.อ.ชัยชาญชี้แจงว่า เป็นนโยบายสำคัญที่นายกฯให้ดูแลสิทธิทั้งเรื่องที่พัก เบี้ยเลี้ยง อาหารเต็มที่ การตรวจสอบหักหัวคิว ผบ.ตร.ตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่

สน.พญาไทเรียกสอบแกนนำก้าวหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ทีมประชาสัมพันธ์คณะก้าวหน้าเผยแพร่หมายเรียกของ สน.พญาไท ลงวันที่ 29 ต.ค.63 หลังนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพุทธะอิสระ มอบอำนาจให้นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ เป็นผู้กล่าวหานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน โดยให้มาพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไทในวันที่ 5 พ.ย. เวลา 10.00 น. มีรายงานว่า นอกเหนือจากนั้น ตำรวจได้เตรียมออกหมายเรียกกลุ่มผู้ชุมนุมอีกประมาณ 22 คน

“สุวิทย์” อ้างรุ่นพี่ขู่รุ่นน้องร่วมม็อบ 3 นิ้ว

นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพุทธะอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “เขาเล่นกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ” ใจความว่า เรียนท่านอธิการบดีทุกมหาวิทยาลัย ขอได้โปรดตรวจสอบด้วยว่าเท็จจริงอย่างไร มีข่าวว่านักศึกษาปี 1 และปี 2 โดนรุ่นพี่ในคณะวิชาที่เข้าไปเรียน ถูกข่มขู่คุกคามให้ต้องไปร่วมกิจกรรมการชุมนุมทุกครั้งที่นัดหมาย หากรุ่นน้องคนใดไม่ต้องการเข้าร่วมชุมนุมต้องจ่ายเงินสนับสนุนการชุมนุมครั้งละ 500 บาท ช่างเป็นอัปมงคลหูนัก หากเป็นเรื่องจริง ด้วยสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่เช่นนี้พ่อแม่สู้อุตส่าห์ทำงานหาเงินมาอย่างยากลำบาก เพื่อส่งให้ลูกไปเรียนในมหาวิทยาลัย แต่กลับต้องมาถูกข่มขู่รีดไถ เรื่องนี้ได้รับการร้องเรียนมาจากพ่อแม่ของเด็กๆ นักศึกษา จึงนำเรื่องนี้มาแจ้งแก่บรรดาท่านอธิการบดีในทุกมหาวิทยาลัยให้ช่วยตรวจสอบด่วน

“วรงค์” แฉไอลอว์รับเงิน 5 เอ็นจีโอป่วน

ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.และหัวหน้ากลุ่มไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กหัวเรื่อง “ต้องช่วยกันเอาความจริงออกมา” มีใจความว่า รัฐธรรมนูญให้โอกาสประชาชน เสนอร่างกฎหมายได้ แต่ไอลอว์องค์กรหัวเรี่ยวหัวแรงเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญกลายเป็นเอ็นจีโอที่รับเงินจากต่างชาติ ดังต่อไปนี้ 1.Open Society Foundation (OSF) 2. Heinrich Böll Stiftung (HBF) 3.National Endowment for Democracy (NED) 4.Fund for Global Human Rights (FGHR) 5.American Jewish World Service (AJWS) 6.ได้รับเงินสนับสนุนเป็นรายครั้งจากบริษัท Google และผู้สนับสนุนอิสระ เรายอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับในอนาคต ต่างชาติก็แทรกแซงประเทศไทย ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือแก้ไขกฎหมายต่างๆได้ง่ายๆ คนไทยจะปล่อยเรื่องแบบนี้หรือ???

ศิษย์เก่ารามฯนัดชุมนุมป้องสถาบัน

เมื่อเวลา 11.00 น.ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ นำโดยนายพานสุวรรณ ณ แก้ว นายทินกร ปลอดภัย นายทศพล มนูญญรัตน์ นายสมเดช คงวิจิตร์ ชี้แจงเหตุการปะทะกับเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย พร้อมประกาศจุดยืน นัดชุมนุม 9 พ.ย. นายพานสุวรรณ กล่าวว่า ขอโทษสังคมที่เกิดเหตุความรุนแรงขณะใส่เสื้อเหลือง ยอมรับว่าทำผิดพลาด ตกเป็นเหยื่อความยั่วยุอีกฝ่าย มีหลักฐานว่าเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นำบุคคลภายนอกเข้ามาจาบจ้วงสถาบันยอมรับไม่ได้ ทำเพื่อขับไล่ให้ออกมหาวิทยาลัย พร้อมต่อสู้ตามกฎหมาย วันที่ 9 พ.ย.ตั้งแต่เวลา 16.00 น.จะชุมนุมใหญ่ที่ลานพ่อขุนฯ

นายทินกรกล่าวว่า จากนี้ไปศิษย์เก่ารามคำแหง ไม่ยอมให้นักการเมือง กลุ่มการเมืองใดๆมาหลอกใช้ นศ.รามฯตั้งเวทีหรือแสดงพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ ไปทำที่อื่นไม่ว่า ถ้ามาใช้ใน ม.รามฯ เราจะสู้ทุกรูปแบบ พร้อมจะเดินไล่รื้อทุกเวทีด้วยวิธีการสันติวิธี ด้านนายทศพลกล่าวว่า ในฐานะศิษย์เก่าอาชีวะ อยากถามกลุ่มฟันเฟืองอาชีวะรุ่นน้องบอกว่าออกมาปกป้องประชาชน แต่เห็นคนมีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันแล้วยังยืนเฉยๆ ปกป้องแบบไหน ขอยืนยันว่าม็อบคณะราษฎรพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลัง นายอานนท์ นำภา แค้นอะไรสถาบันนักหนา

“หมอลำแบงค์” ผวาถูกโทร.ข่มขู่

ส่วนความเคลื่อนไหวในต่างจังหวัด เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ สภ.เมืองขอนแก่น นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม (หมอลำแบงค์) แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันว่าถูกคุกคาม โดยนายปติวัฒน์เผยว่า เกรงว่าจะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต หลังออกจากเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพฯได้เพียง 2 วัน วันที่ 31 ต.ค. มีโทรศัพท์โทร.เข้าที่เบอร์ส่วนตัว แต่ไม่มีเสียงพูดแล้ววางสายไป เวลาใกล้เคียงกันก็มีอีกเบอร์โทร.เข้ามาลักษณะเดิม ทำให้คาดว่า เป็นผู้ไม่หวังดีโทร.เข้าคุกคาม และยังมีกลุ่มบุคคลเฝ้าติดตามตนตลอด เนื่องจากตนประกาศยุติบทบาทหมอลำไปเป็นผู้สนับสนุนผู้สมัคร อบจ.รายหนึ่ง อย่างไรก็ตาม วันที่ 10 พ.ย.จะเดินทางไปที่สำนักงานกสทช.ภาค 2 ขอข้อมูลว่าเบอร์ที่โทร.เข้าชื่อใครลงทะเบียนเพื่อนำไปแจ้งความอีกครั้ง

กำนัน–ผญบ.แม่สะเรียงจงรักภักดี

ที่หอประชุม อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน นายวรกฤต กิจฟูทรัพย์ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.แม่สะเรียง นำแนวร่วมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วย สารวัตรกำนัน จาก 7 ตำบล 77 หมู่บ้าน รวมตัวแสดงเจตจำนงยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แสดงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณตน ปกป้องและเทิดทูนสถาบันตลอดไป ส่วนที่หน้าที่ว่าการ อ.เมืองเชียงราย นายสมกิจ เกศนาคินทร์ นอภ.เมืองเชียงราย นำแนวร่วมในส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ จัดกิจกรรมแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันก่อนเข้าประชุมประจำเดือนของอำเภอ นอกจากนี้ จ.เลย ประชาชนและกลุ่มเกษตรกรคนจนจังหวัดเลย รวมตัวจัดกิจกรรมปกป้องสถาบัน ที่หน้าศาลากลาง จ.เลย