ผมเขียนต้นฉบับนี้วันอังคารเวลาไทย ก่อนวันเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46 เป็นการชิงชัยกันระหว่าง ประธานาธิบดีทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน กับ โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงแห่งพรรคเดโมแครต การเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯครั้งนี้ ชาวอเมริกันให้ความสนใจมาก เช้าวันอังคารเมืองไทยตรงกับค่ำวันจันทร์สหรัฐฯ มีชาวอเมริกันไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าเกือบ 100 ล้านคนแล้ว คิดเป็น 72% กว่าของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อน โดย 64 ล้านคนเลือกตั้งผ่านไปรษณีย์ อีก 34 ล้านคนไปเลือกตั้งด้วยตัวเอง

แม้โพลทุกโพลที่ทำออกมาจะได้ผลตรงกันว่า ไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์ แต่ก็มีคนกลัวว่า ทรัมป์จะสร้างปาฏิหาริย์ในวินาทีสุดท้าย เหมือนครั้งที่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าคงจะไม่เกิดขึ้นอีก

ผลโพลล่าสุดก่อนวันเลือกตั้งใน 6 รัฐ Swing State ที่ไม่มีพรรคไหนครองเสียงข้างมาก ก็ปรากฏว่า ไบเดนชนะทั้ง 6 รัฐ คือ รัฐอริโซนา-ไบเดน 50% ทรัมป์ 47% รัฐฟลอริดา-ไบเดน 51% ทรัมป์ 48% รัฐมิชิแกน-ไบเดน 51% ทรัมป์ 47% รัฐนอร์ทแคโรไลนา-ไบเดน 49% ทรัมป์ 47% รัฐเพนซิลเวเนีย-ไบเดน 50% ทรัมป์ 46% รัฐวิสคอนซิน-ไบเดน 53% ทรัมป์ 45% ทำให้คะแนนนำของ ไบเดน มีน้ำหนักมากขึ้น

ผมเชียร์ โจ ไบเดน ให้ชนะครับ ไม่ได้ชื่นชอบอะไร แต่ไม่อยากให้ “ผู้นำประเทศที่ป่วยทางจิต” อย่าง ประธานาธิบดีทรัมป์ กลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวโลกหลายพันล้านคนอีก

การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้เลือกตั้งประธานาธิบดีเพียงอย่างเดียว แต่มีการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภา 435 คน (สหรัฐฯมีประชากร 328 ล้านคน มี ส.ส. 435 คน แต่ไทยมีประชากร 68 ล้านคน มี ส.ส. 500 คน ไร้สาระบานกระบือ) และ เลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาอีก 1 ใน 3 หรือ 33 คน จาก ส.ว. 100 คน (เมืองไทยมี ส.ว.ลากตั้ง 250 คน เพื่อเลือกนายกฯปกป้องนายกฯ เปลืองเงินภาษีประชาชน) การเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นทุก 4 ปี แต่การเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. จะมีขึ้นทุก 2 ปี (ของดีอย่างนี้รัฐธรรมนูญไทยไม่เอามา ส.ส.เห่ยแตกจะได้ถูกประชาชนโละทิ้งใน 2 ปี ไม่ต้องทนไปถึง 4 ปี)

...

เมื่อมีการเลือกตั้ง ผู้นำสหรัฐฯ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 435 คน! และ สมาชิกวุฒิสภา 1 ใน 3 พร้อมกัน ก็มีคำถามในหมู่นักวิเคราะห์ว่า มีแนวโน้ม ที่จะเกิด “คลื่นสีฟ้า” หรือ Blue Wave ขึ้นหรือไม่ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ มีเยาวชนคนรุ่นใหม่อายุ 18 ปีไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรกจำนวนมาก เพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งคนผิวสีที่ไม่ชอบทรัมป์อย่างรุนแรง

คลื่นสีฟ้า (Blue Wave) ก็คือ พรรคเดโมแครต (สีฟ้า) ชนะการเลือกตั้งในทุกสนาม คือ โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ครองอำนาจทำเนียบขาว ส.ส. พรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งในรัฐต่างๆ ได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และ ส.ว.ชนะการเลือกตั้ง ใน 3 ได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้ เกิด คลื่นสีฟ้า (Blue Wave) ขึ้นจริงโลกอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายในสหรัฐฯและในโลก จากการยกเลิกนโยบายเพี้ยนๆของประธานาธิบดีทรัมป์ อย่างน้อย สงครามการค้าจีนสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกก็จะผ่อนคลายลง

แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ หนี้สินมหาศาลของรัฐบาลสหรัฐฯ จากการขาดดุลงบประมาณ จะส่งผลให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปอีก ซึ่งจะกระทบต่อ ค่าเงินบาทที่แข็งปั๋งของไทยให้แข็งขึ้นไปอีก หนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 63 อยู่ที่ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ 77.5 ล้านล้านบาท มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาลจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายล้านล้านดอลลาร์ ยังไม่นับหนี้อีกมหาศาลของ “เฟด” หรือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่พิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาไม่อั้น

สหรัฐฯเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย 9 เดือนแรกปีนี้ไทยส่งออกไปสหรัฐฯเพิ่มขึ้น จากปีที่แล้ว 7.4% กว่า 25,358 ล้านเหรียญ ทั้งที่ยอดส่งออกรวมติดลบ ไทยจึงควรสนใจการเปลี่ยนผู้นำของสหรัฐฯโดยเฉพาะ กระทรวงต่างประเทศ ที่ไร้บทบาทของประเทศไทย.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง